หนังสือเกี่ยวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว
#1
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:36 AM
อยากได้คำแนะนำ หรือ ใครอยากจะอ่านในรูปแบบใด มาแสดงความเห็นกันนะคะ
#2
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:41 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#3
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 01:00 AM
#4
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 01:26 AM
อย่างไรเสียก็หนีไม่พ้นการยกเอาคำสอนของท่านมาตีแผ่เพื่อประกาศคุณอยู่ดีน่ะครับ อันดับแรก คุณต้องยกเอาคำสอนที่เป็นลักษณะเด่นเฉพาะตัวของท่าน อาทิเช่น การปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ การสอนให้เห็นคุณและโทษแม้ในสิ่งที่เล็กน้อย การปลูกฝังให้รู้จักกตัญญูกตเวทีและเคารพในบุพการีผู้มีพระคุณ เป็นต้น จากนั้น จึงทำการบรรยายในเชิงสอดแทรกคำสอนนั้นตามวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการ ด้วยการเขียนในลักษณะการประกาศเกียรติคุณของท่านออกมาครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#5
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 02:36 AM
ถ้าอย่างนั้นลองเขียนคุณวิเศษที่ท่านพยายามฝึกฝนตนเองไหมค่ะ แบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เชื่อว่าทุกคนอ่านแล้วจะมีกำลังใจในการฝึกฝนอบรมตนเองให้ยิ่งๆขึ้นไปค่ะ ส่วนตัวแล้วเป็นเช่นนั้น พออ่านเจอบทความเก่าๆ(และใหม่)เล่าถึงว่าท่านได้ทุ่มเทขนาดไหนในเรื่องนี้แล้วมีกำลังใจ อยากจะฝึกฝนอบรมตัวเองให้ยิ่งๆขึ้นไปเช่นกันค่ะ
น้าจี้
#6
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 03:55 AM
เห็นด้วยกับความคิดนี้นะครับ ผมจึงเกิดความคิดที่จุดประกายขึ้นมาว่า ขอยกตัวอย่างของการฝึกฝนอบรมตนเองของท่านประการหนึ่งซึ่งก็คือ การบำเพ็ญสมาธิแบบเว้นอิริยาบถนอน (เนสัชชิกังคะ) ทุกวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำน่ะครับ จากประเด็นที่ผมยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อการเขียนของท่านได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#7
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 10:13 AM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#8
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 11:05 AM
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#9
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 01:18 PM
ถ้าเป็นกรณีนี้ก็เหมือนกันหนังสือ "คืนที่พระจันทร์หายไป" น่ะครับ คุณลองไปดูที่คุณน้าอารีพันธ์ ตรีอนุสรณ์ เขียนไว้เป็นแบบก็ได้ครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#10
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 01:37 PM
เห็นด้วยกับคุณ นิ่งๆ นุ่มๆ ครับ ผมเองเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบอ่านประวัติการฝึกตัวของครูบาอาจารย์ ซึ่งจากประสบการณ์ของผมเองแล้วพบว่า มีประโยชน์อย่างมาก ในการนำมาเป็นแบบอย่างในการฝึกตัว ผมเคยคุยกับเพื่อนกัลยาณมิตรท่านหนึ่งว่า น่าจะทำคู่มือการฝึกตัวขึ้นมา โดยนำเอาประวัติการฝึกตัวของครูบาอาจารย์นี่แหละ มารวบรวมเรียบเรียงขึ้นมา เป็นคู่มือให้สำหรับผู้ที่มาใหม่ จะได้รู้ถึงวิธีการฝึกตัวที่ถูกต้องตามแบบครูบาอาจารย์ เพราะช่วงหลังมานี้ มีผู้มาใหม่เยอะมาก การดูแลแนะนำอาจไม่ทั่วถึง ซึ่งทำให้หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ย่อหย่อนและผิดเพี้ยนไป นอกจากนี้ หากเราได้อ่านประวัติการฝึกตัวของครูบาอาจารย์ เราจะสามารถทราบและเข้าใจถึง ปนิธานของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง คุณยาย ตลอดจนเป้าหมายของวัดพระธรรมกายและหมู่คณะ ที่กำลังทำอยู่ปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดีด้วยครับ
Someday I'm gonna be free.
#11
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 01:59 PM
แล้วย่อย ทำpresentation พร้อม คำอธิบายอย่าง ง่าย ๆ ให้เราเข้าใจด้วยภาษาง่าย ๆ ที่ฟังแล้วจำลึกเข้าไปในใจเลยนะครับ
#12
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 06:00 PM
และผู้ที่เข้าวัดนานแล้ว และรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เอาไหน มีข้อบกพร่องมากมาย ที่ตัวเองบางครั้งมองข้าม หรือไม่ทราบว่าจะแก้อย่างไรให้หายขาด (อันนี้หมายถึงผู้เขียนค่ะ ) ตัวอย่างจากท่านจะเป็นข้อคิด และไกด์ไลน์ที่ดีที่สุดค่ะ
น้าจี้
#13
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 07:05 PM
หัวข้อ "การสร้างบารมีต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบรอบคอบ และอธิษฐานจิตกำกับ จนกว่าถึงที่สุดแห่งธรรม"
ผมอยากเห็นบทสำภาษณ์ ลูกศิษย์ลูกหาของท่านครับ (หากพี่เขียนแนวนี้ ก็สัมภาษณ์ตัวเองก่อน)
ในการที่นำบทฝึกที่ท่านอบรมสั่งสอนไปปฏิบัติแล้วแก้ไขตัวเองดีขึ้นได้
และย้ำในสิ่งที่ตนเองปราถนา และสิ่งที่จะทำต่อไป ในงานพระศาสนา
...
ไม่ว่าหนังสือจะออกมาแบบไหน
ก็ขออนุโมทนาบุญนะครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
...
ถ้าพี่ทำหนังสืออยู่ คงไม่ยากที่จะทำให้ผู้อ่านวางไม่ลงหรอกครับ
...
#14
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 07:39 PM
ท่านอยู่สูงอยู่แล้ว ถ้าเขียนให้เสมอกับฐานะท่าน ก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไม
เขียนให้ไม่สมกับฐานะ ก็เป็นบาปติดตัว
เขียนยกย่องท่านที่เป็นความจริง และไม่ดูเว่อร์เนี่ย ยากจริง ๆ
ดูตัวอย่าง เวลาที่หลวงพ่อพูดถึงคุณยายอาจารย์ของเรา และพระเดชพระคุณหลวงปู่
ท่านกล่าวได้เหมาะสม ไม่น้อย ไม่มากเกินจนเว่อร์ไป
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#15
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 11:58 PM
#16
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 12:45 AM
ถ้าอย่างนั้น อาจจะทำในรูปแบบของการ สัมภาษณ์ คือให้คนอื่นเดินเรื่อง แต่เอา เรื่องของหลวงพ่อท่านเป็นจุดศูนย์กลางค่ะ
ไม่น่าเบื่อหรอกค่ะ รับรอง ถ้าทำในแบบ เล่าสู่กันฟัง ไม่ใช่ในเชิงวิชาการ (หมายถึงแบบ ของหนังสือนะค่ะ) และหลวงพ่อท่านเป็นคนเล่าเอง สนุกทุก ช๊อตแน่นอน
น้าจี้
#17
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 10:27 AM
#18
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 03:58 PM
หลวงพ่อท่านเคยเทศน์สอนมงคลชีวิต ๓๘ ประการ เมื่อหลายปีก่อน
อันนี้เป็นธรรมเทศนาที่ครอบคลุมสำหรับชนทุกชั้น เป็นพื้นฐานในการครองตนก็ว่าได้ค่ะ
สอนให้เราอบรมสั่งสอนตัวเอง เลิกนิสัยที่ไม่ดี เรื่องที่ไม่เข้าท่า และฝึกสร้างนิสัยดีๆ ให้กับตัวเอง
ลองกลับไปอ่าน หรือฟังใหม่อีกรอบนะคะ
มีประโยคเด็ดๆ ข้อคิดดีๆ ไอเดียเยี่ยมๆ แทรกอยู่มากมายค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ
#20
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 05:20 PM
น่าจะมี 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. ชีวประวัติท่าน
คือความเป็นมาของท่าน มีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดความสนใจได้มาก
จากหนังสือเดินไปสู่ความสุข ได้บรรยายเรื่องของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านอย่างโลดโผน
จากสมัยวัยเด็ก ก็มีประวัติน่าสนใจ การศึกษา การเข้ามาในมหาวิทยาลัยเกษตรฯ
เหตุการณ์ที่ได้พบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย
การได้มาเป็นศิษย์ของคุณยาย บ้านธรรมประสิทธิ์ การบุกเบิกสร้างวัด ยุค 196 ไร่
ซึ่งมีเรื่องเหล่านี้ในหนังสือเล่มสีแดง (เมื่อคราวจุดไฟแก้ว อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล)
และในหนังสือเรื่องของคุณยายอาจารย์ฯ หลายเล่ม
ซึ่งการกล่าวถึงประวัติหลวงพ่อ
ขาดไม่ได้ก็คือคุณูปการของคุณยายอาจารย์ที่มีต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว
ซึ่งบทสนทนาของคุณยายกับหลวงพ่อ อ่านแล้วเราจะซึ้งใจ ว่าผู้ที่มีคุณธรรมท่านสนทนาแล้วเป็นยังไง
ควรบรรยายลักษณะเฉพาะตัวของท่านด้วยประโยคคำของท่านเอง
ซึ่งบุคลิกของท่านมีความโดดเด่นน่าสนใจอยู่แล้ว
(ไม่จำเป็นต้องเขียนชมเชิดชูจนออกหน้ามาก
เพราะผู้อ่านจะรู้สึกว่าผู้เขียนเรียบเรียงเอียงไปข้างหนึ่ง ทำให้ผู้อ่านที่ไม่ใช่คนวัด ตั้งอคติในใจ)
แง่มุมหลักการคิดของท่าน ซึ่งมีลักษณะเป็นเหตุเป็นผล เด็ดขาด ชัดเจน
นั้นสามารถให้ผู้อ่านเข้าใจได้เมื่อบรรยายวิธีการจัดการปัญหาของท่าน
2. ผลงานของท่าน ทั้งที่เห็นเป็นรูปธรรม นามธรรม และเรื่องอื่นๆ
(ผลงานของท่านมีเยอะมากๆ เขียนไปๆ อาจจะได้เยลโล่เพจเจจเล่มนึง)
อาจเล่า โดยอ้างอิงตัวบุคคลจริงที่เล่าถึงการได้ทำงานกับท่าน
หรือการได้รับคำสอนจากท่านนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สาธุชนที่มากราบ รับคำสอนจากท่าน
ธรรมทายาทที่รับการสอนจากท่านโดยตรง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันมากหลายท่าน เป็นต้น
หากสัมภาษณ์ท่านต่างๆ เก็บไว้ได้ก็จะเป็นข้อมูล
อาจคัดประโยคสัมภาษณ์ที่น่าสนใจ นำมาลงในหนังสือในลักษณะโปรยด้วย
จะช่วยให้ดูน่าดึงดูดมากขึ้น ดูมีที่มาที่ไป มีบุคคลนั้นอ้างอิงได้
3. คำสอนของท่าน ที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ การเทศน์สอน - การบรรยายตอบปัญหาในจานดาวธรรมDMC เป็นต้น
หลวงพ่อตอบปัญหา พระแท้ สิงคาลกสูตร เรื่องทาน ฯลฯ อาจคัดมาบางส่วน มาย่อๆ เป็นเรียกน้ำย่อย
หรือเอาลงเต็มๆ แบบครบบท หนังสือหนาหน่อย แต่เนื้อหาแน่นมากขึ้น ก็แล้วแต่ตั้งโจทย์
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขียนได้สักระยะหนึ่งเป็นรูปเป็นร่าง ปริมาณพอจะเป็นเล่มได้แล้ว
ควรต้องนำหนังสือนี้ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อท่านตรวจดูเนื้อหาทั้งหมด
เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับท่านโดยตรง หากมีตรงไหนไม่ใช่ ท่านก็จะได้แก้ไขให้
แล้วอาจได้เกร็ดน่าสนใจเพิ่มมาอีกด้วยก็ได้
......................
หากตอนนี้ยังคิดว่าสะดวก ไปกราบท่านตอนจะเริ่มเขียนเลยก็ดีค่ะ
เพราะจะได้แนวทางที่ชัดเจนขึ้น
... ก็ขอให้คุณsai sai ได้สร้างสรรค์ผลงานเป็นผลสำเร็จนะคะ และก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณด้วยค่ะ
#21
โพสต์เมื่อ 15 March 2007 - 01:44 PM