นรกสวรรค์ของศาสนาอื่น
#1
โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 08:54 PM
สวรรค์ของพุทธมี 6 ชั้น แล้วศาสนาอื่นมีกี่ชั้นกันครับ
#2
โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 09:46 PM
ความเชื่อ คำสอน ของแต่ละศาสนา ก็ต่างๆ นาๆ แต่ความจริงก็คือความจริง
นรก สวรรค์ มิได้แบ่งแยกศาสนา ทุกคน ล้วนทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว
จะนับถือ ศาสนาใดก็ตาม ถ้าใครใจหมอง ต้องไปอบาย ถ้าใครใจใส ก็ไปสวรรค์
ถ้าให้ชัดเจน ให้รู้เอง เห็นเอง พิสูจน์ได้ครับ
นิ่งๆ ใสๆ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ อย่างนี้ ทุกวัน ทุกคืน ทุกลมหายใจ ไม่นานจะเข้าใจชัดครับ
สาธุ ๆ ๆ
#3
โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 11:59 AM
- หากปรารถนาจะเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความจริง...ต้องพิสูจน์ วิธีการพิสูจน์นั้นมีอยู่
#4
โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 09:08 PM
ที่ว่าความเชื่อ คำสอน ของแต่ละศาสนา ก็ต่างๆ นาๆ แต่ความจริงก็คือความจริง หมายความว่าไงช่วยอธิบายหน่อยครับ
#5
โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 10:17 PM
ทุกศาสนา ล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดี
แต่ว่าในเรื่องความเชือ และคำสอน ปลีกย่อย เช่น ชีวิตหลังความตาย การเกิดขึ้นของสรรพสิ่ง เหตุแห่งความสุข และ ทุกข์
ของแต่ละศาสนา จะมีความแตกต่างกันออกไป
บ้างก็ว่า สุข ทุกข์ มาจากผู้ทรงอำนาจเป้นผุ้ประทานให้
บ้างก็ว่า ผู้ทรงอำนาจ สามารถล้างความไม่ดีที่เราทำไปได้
บ้างก็ว่า คำสอนอื่น ศาสนาอื่น เป็นพวกซาตาน ต้องไปนรกหมด ยกเว้นคำสอนของพวกตน
บ้างก็ว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ในจักรวาล ล้วนถูกสร้างขึ้น โดยผู้ทรงอำนาจ
ฯลฯ
นี้เป็นความเชื่อปลีกย่อย ที่แตกต่างกัน
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเชื่อ ในสิ่งที่ตนคิดว่าจริง
แต่ความเชื่อ กับความจริง เป็นสิ่งที่ต้องมาว่ากันอีกทีหนึ่ง
เพราะบรรดาความเชื่อเหล่านั้น อาจจะจริง หรือ ไม่จริง หรือว่า ใกล้เคียง
แต่ในพระพุทธศาสนา ความเชื่อ (ศรัทธา) พระพุทธองค์ ทรงสอนให้ควบคู่ไปกับ ปัญญา
อยากให้คุณ usr20351 ลองไปศึกษาเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อที่ชาว DMC เขารู้กันหมดแล้่วนะครับ
ใน กาลามสูตร แล้วจะเข้าใจชัดเองครับ
กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล เรียกว่า เกสปุตตสูตร ก็มี
กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อ ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ
๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
๒. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
#6
โพสต์เมื่อ 12 November 2007 - 09:42 AM
#7
โพสต์เมื่อ 12 November 2007 - 09:46 AM
คนตาบอดที่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่
ดวงอาทิตย์จับต้องไม่ได้คนตาบอดจะรู้ได้ไงว่ามันมี
คล้ายๆกับคำถามของ จขกท. ละครับต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ถูกครึ่งเดียว กฏคำสอนอาจถูกบิดเบือนไปแล้ว
ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์เท่าไหร่ พุทธศาสาเองยังถูกแบ่งออกเป็นนิกายๆเลย
แต่พระพุทธศาสนาเท่านั้น ที่สอนถึงวิธีพ้นจากทุกข์
ได้ด้วยตัวเองซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของพุทธเท่านั้น เป็นสากล เป็นความจริง
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ไม่จำกัดกาล โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความเชื่อใดๆในการพิสูจน์
ไม่ต้องมีของกำนัน ไม่ต้องยกย่องสรรเสริญ ใครทำผู้นั้นย่อมได้เป็นกฏสากลที่ทุกคนต้องเจอ
ไม่มีใครปฏิเสธ ความตายได้ ฉันใดก็ไม่มีใครปฏิเสธกฏแห่งกรรมได้ฉันนั้น
อันนี้ จขกท. ถามคำถามที่นอกเหนือจากหลักคำสอนมานั้น ต้องลองไปศึกษาคำสอนของ
ศาสนาอื่นเองนะครับ เพราะชาวพุทธจะไม่ว่าร้ายหรือนินทาผู้อื่นหากไม่รู้ก็เฉยๆครับ
#8
โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 07:19 AM
#9
โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 07:12 PM
ถ้า อยากรู้ อย่ามัวแต่ ถามอยู่เลยค่ะ เพราะถ้าไม่พิสูจน์ด้วยตัวเอง คุณจะรู้ได้ยังไงว่าที่คนเค้าพูดๆกันมา มาเป็นจริงแค่ไหน
ลองซิคะ สมาธิทุกวัน แล้วคุณจะ รู้เอง เห็นเอง 100 % ^0^
#10
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 12:13 PM
เช่นเดียวกัน นรกสววรค์ ที่เป็นแบบที่ถูกต้องจริงๆ มีอยู่แบบเดียว และเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศไหน ความเชื่อใด ย่อมมีปรโลกเป็น นรกสวรรค์ แบบเดียวกันนี้ แม้จะเป็นคนที่ไม่เชื่อว่า นรกสวรรค์ มีจริง หรือ คนที่เชื่อว่า นรกสวรรค์มีในรูปแบบอื่นๆ แต่เมื่อละโลกแล้ว ก็ย่อมไปยังนรกสวรรค์แบบเดียวกันนี้ เหมือนๆ กันหมดครับ
#11
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 07:46 AM
#12
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 12:51 PM
#13
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 03:35 PM
การยังบุญกุศลให้ถึงพร้อม
การยังจิตใจให้ผ่องแผ้ว
กรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ฯ
#14 *nightmare*
โพสต์เมื่อ 18 January 2011 - 11:31 PM
ไม่รู้นะว่าจะเชื่อหรือเปล่านะ
#15 *nightmare*
โพสต์เมื่อ 18 January 2011 - 11:33 PM
ไม่รู้นะว่าจะเชื่อหรือเปล่านะ