แจ้งเตือนภัยเพื่อนกัลยาณมิตร
#1
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 01:35 PM
เรื่องที่ ๑ กลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในพื้นที่สภาธรรมกายสากลและบริเวณด้านหน้ารัตนบัลลังก์เวลาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อลงรับปัจจัย
เชื่อว่าเรื่องนี้ท่านสาธุชนและเพื่อนกัลยาณมิตรบางท่าน อาจเคยมีประสบการณ์เดียวกันกับผมมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า บ่ายวันอาทิตย์เมื่อประมาณสามสี่ปีก่อน ตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อลงรับปัจจัย พี่กัลยาณมิตรที่กลุ่มของผมได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนไปถวายปัจจัยรวมแล้วเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า ๘o,ooo บาท ในอาทิตย์ถัดมา เมื่อพี่ตัวแทนในกลุ่มอีกคนหนึ่งได้มาตรวจสอบยอดบริจาคกับทางผู้ประสานงานภาค ปรากฏว่า ยอดไม่เข้าและไม่มีใบอนุโมทนาบัตรออกให้ คุณแม่บุญธรรมและพี่ตัวแทนของกลุ่มจึงได้ไปยืนยันกับทางห้องขันติโดยการป้อนรหัสหมายเลขกอง ชื่อกลุ่ม และวันที่ที่ได้ถวายปัจจัยลงไปในคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่า ไม่มีอีก จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้นว่า ทางกลุ่มเราขอยืนยันว่าได้ทำบุญไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วจริงๆ เมื่อทางห้องขันติไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ก็จำต้องไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากพระอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยของพื้นที่อาคารสภาธรรมกายสากล โดยขอความเมตตาจากท่านให้ย้อนภาพเหตุการณ์การถวายปัจจัยของสาธุชนในบ่ายวันอาทิตย์นั้นด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จึงพบว่า มีชายรูปร่างสันทัดผู้หนึ่งได้มาหยิบเอาซองถวายปัจจัยของกลุ่มเราไป ก่อนจะหยิบเขาพูดชื่อกลุ่มของเรา และเมื่อได้อ่านคำพูดจากปากของเขาแล้ว พอจะสรุปความได้ว่า เขาทำทีเป็นขอเอาซองถวายปัจจัยของกลุ่มเราออกไปเพื่อแก้ไขจำนวนยอดเงินบริจาค แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ เขาหยิบเอาซองปัจจัยของเรา แบบขอเอาไปแก้แล้วก็ขอลืม ลืมเอามาคืน ชักดาบเอาไปแบบหน้าซื่อๆ ซึ่งเมื่อได้ทราบรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย จึงทราบมาภายหลังว่า คนร้ายรายนี้ เป็นคนอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ และเวลาที่เขาเข้ามาในพื้นที่ เขาจะทำทีเป็นแต่งกายด้วยชุดอุบาสก ถ้าจำไม่ผิดภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในวันนั้น เขาได้ติดโบว์สัญลักษณ์เป็นเจ้าภาพถวายไทยธรรมร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์มหารัตนอัฐิธาตุที่บ้านแก้วเรือนทองของคุณยายอาจารย์อีกด้วย (แสบจริงๆ) ปัจจุบันคนร้ายรายนี้ได้ถูกจับกุมและห้ามเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาดแล้ว และกลุ่มของเราก็ได้เงินคืนครบถ้วนตามจำนวนกับที่ได้ถวายไปเมื่อครั้งนั้น จึงขอแจ้งเตือนไปยังพระภิกษุและอุบาสกที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้ารัตนบัลลังก์ให้คอยสังเกตดูพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วย หากมีการแสดงท่าทีส่อพิรุธ เป็นต้นว่า ทำทีมาขอซองปัจจัยเอาไปแก้ไขจำนวนเงินบริจาค ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย เนื่องจากโดยส่วนมากผู้บริจาคทั้งแบบรายเดี่ยวและเป็นกลุ่มจะทำการตรวจสอบจำนวนเงินก่อนปิดผนึกซองปัจจัยมาก่อนที่จะถวายแล้ว ยิ่งในกรณีที่ถวายเป็นถุงทองที่มีการพิมพ์ชื่อและระบุจำนวนเงินเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ แบบนี้โอกาสที่ยอดบริจาคจะผิดพลาดน้อยมากเลยนะครับ แล้วถ้าเขาจะทำทีมาขอเอาถุงทองกลับไปแก้ยอดบริจาคอีกล่ะก็ ท่านอย่าได้หลงเชื่อกลอุบายของบรรดามิจฉาชีพเหล่านี้ และอย่าได้ยื่นซอง ยื่นถุงทองให้เขาไปแบบง่ายๆ อีกล่ะ สำหรับสาธุชน เวลาที่ท่านไปถวายปัจจัยบริเวณหน้ารัตนบัลลังก์ ขอให้คอยสังเกตพฤติกรรมบุคคลรอบข้างของท่านไว้ให้ดีด้วย เนื่องจากในวันที่เกิดเหตุกับกลุ่มของผม พี่ชายท่านนั้น ได้นำเอาเงินของกลุ่มไปถวายกับแม่ของเขา และสันนิษฐานกันว่า ตัวคนร้ายนั้นรู้อยู่ก่อนหน้าแล้ว เพียงแต่เขาจ้องหาจังหวะและโอกาสเหมาะที่จะฉกเอาทรัพย์ของเราไปเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าหากกัลยาณมิตรท่านใดในที่นี้ ได้ไปตรวจสอบยอดบริจาคภายหลังจากที่ได้มีการถวายปัจจัย เพื่อรับเอาใบอนุโมทนาบัตรก็ดี เพื่อขอรับของที่ระลึกก็ดี แต่ปรากฏว่า ยอดบริจาคไม่เข้า ใบอนุโมทนาบัตรไม่ออก ขอให้ท่านพึงปฏิบัติดังนี้
๑. ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานภาคที่ท่านสังกัดอยู่ แล้วขอดูข้อมูลซึ่งแสดงหลักฐานจำนวนเงินบริจาค หรือติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ห้องขันติ ในข้อนี้ ขอให้ท่านจำชื่อผู้บริจาคและวันที่ที่ท่านได้ถวายปัจจัยไปเพื่อแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ในการตรวจป้อนข้อมูลด้วย เพราะไม่แน่เหมือนกันนะครับ จำนวนสาธุชนที่ถวายปัจจัยวัดเรานั้นก็ไม่น้อย และอีกประการหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ประจำตู้บริจาคหรือที่ห้องขันติอาจป้อนข้อมูลผิดพลาด เป็นต้นว่า ป้อนหมายเลขกองบุญของกลุ่ม หรือรหัสประจำตัวผู้นำบุญผิด เป็นผลให้ยอดบริจาคนั้น แม้จะมีอยู่ในระบบ แต่ก็จะไปเข้ากองของกัลยาณมิตรท่านอื่น หรือกลุ่มของผู้นำบุญที่สังกัดอยู่ภาคอื่นก็เป็นได้ครับ ซึ่งกรณีนี้ก็เคยมีมาแล้วเช่นกัน ขอย้ำอีกว่า การติดต่อนั้น อย่าให้พ้นช่วงระยะเวลาของโครงการบุญนั้นๆ นะครับ เพราะถ้าหากพ้นช่วงโครงการไปแล้ว เราจะตามใบอนุโมทนาบัตรและของที่ระลึกได้ยากครับ
๒. ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีดังข้อแรก ขอให้ท่านลองนำเอาวิธีที่กลุ่มของผมได้ใช้มาแล้วไปปฏิบัติดู โดยตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และขอให้ท่านรีบกระทำการตรวจสอบโดยเร็วที่สุดอีกเช่นกันครับ (ภายใน ๑ อาทิตย์หลังถวายปัจจัยไปแล้วได้ยิ่งดีเลยครับ)
เรื่องที่ ๒ บุญนอกโครงการ (บุญอสาธารณะ) หรือบุญที่มักเรียกกันว่า “บุญพิเศษ (บุญวงใน)”
ขึ้นชื่อว่า “บุญ” ใครๆ ก็อยากทำ และถ้าหากยิ่งบอกว่าเป็นบุญอสาธารณะด้วยแล้วล่ะก็ เมื่อได้ยินเช่นนี้ กัลยาณมิตรที่เข้าวัดมาเป็นเวลานานพอสมควรย่อมทราบดีว่า เป็นบุญพิเศษที่รู้กันเป็นการภายในและไม่มีการบอกกันอย่างเป็นทางการ แต่ความที่บุญประเภทนี้ เป็นบุญที่ไม่มีการออกใบอนุโมทนาบัตรให้กับผู้บริจาค เราจึงต้องทำการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปตลอดจนผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับบุญดังกล่าวโดยละเอียด ซึ่งผมมีเรื่องที่จะมาเล่าสู่กันฟังให้ท่านทั้งหลายในที่นี้อยู้ด้วยกัน ๒ เรื่อง
เรื่องแรก เมื่อประมาณห้าปีก่อนซึ่งอยู่ในช่วงระยะเวลาของงานบุญที่เกี่ยวเนื่องกับคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ก็มีบุญทำนองเนี้ยแหละครับเข้ามาที่กลุ่มของผม แล้วกลุ่มของเราก็รวบรวมเงินได้จำนวนหมื่นบาทโดยประมาณมอบให้กับผู้นำบุญกลุ่มนั้นไป (ขอสงวนนาม) ต่อมาภายหลังแม่บุญธรรมของผมซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ตามตรวจสอบดู พบว่าผู้นำบุญกลุ่มนั้น ไม่ได้นำเอาปัจจัยดังกล่าวไปดำเนินการตามที่ได้แจ้งให้ทราบ แต่กลับนำเอาปัจจัยก้อนนั้นไปเข้ากองกฐินปี’ ๔๔ ของกลุ่มเขาแทน นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เวลามีบุญในลักษณะนี้เข้ามาที่ผมหรือที่กลุ่มก็ตาม เราจะตรวจสอบให้ทราบรายละเอียด ผู้รับผิดชอบ และที่มาที่ไปอย่างชัดเจน หากเพื่อนกัลยาณมิตรในที่นี้จะย้อมถามผมว่า อ้าว! ก็เงินนั้นไม่ได้เข้ากระเป๋าเขาสักหน่อย เงินนั้นก็เข้าวัดนี่นา แล้วมันผิดตรงไหนหรือ? จริงอยู่ครับ เงินก้อนนั้นเข้าวัด ไม่ได้เข้ากระเป๋าของเขา แต่วิธีการที่ได้มาซึ่งทรัพย์นั้น มันไม่บริสุทธิ์ครับ กล่าวคือ เขาบอกว่าจะเอาไปทำบุญตามที่ได้กล่าวอ้างก็จริง แต่กลับเอาไปเข้ากองบุญของเขาเองเพื่อเพิ่มยอดสะสมเสียนี่ ทำอย่างนี้ผมขอบอกเลยนะครับว่า “เป็นบุญของคนได้ทำ แต่เป็นกรรมของคนบอกบุญ (คนบอกได้บาป คนทำได้บุญ)” เพราะเอาไปดำเนินการอย่างผิดวัตถุประสงค์และเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการปดผู้อื่น ทรัพย์นั้นจึงไม่บริสุทธิ์ด้วยอาการอย่างนี้ คนที่ทำแบบนี้ให้ระวังให้ดีนะครับ จะตกนรกเพราะพูดโกหกเอาได้ง่ายๆ
เรื่องที่สอง เมื่อปีที่ผ่านมาประมาณช่วงเดือนกันยายน ได้มีผู้มาแจ้งข่าวบุญวงในอันเป็นบุญที่เกี่ยวเนื่องกับรูปหล่อทองคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ คราวนี้แม่บุญธรรมสั่งให้ผมตรวจสอบดูก่อนแต่เนิ่นๆ (เพราะเข็ดหลาบกับประสบการณ์เมื่อคราวงานคุณยายที่ผ่านมา) ปรากฏว่า พอซักกันไปซักกันมา เขากลับบอกให้ผมไปทำบุญที่ว่านั่นที่ตู้รับบริจาคเสียนี่ หึหึหึ ผมก็เลยรู้ว่า ที่แท้ก็เป็นแค่บุญบำรุงวัดธรรมดาเนี่ยแหละ ไม่ได้เป็นบุญพิเศษอะไรหรอก เพราะถ้าหากเป็นบุญพิเศษจริงๆ แล้วล่ะก็ จะมีพระอาจารย์ที่ท่านทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงคอยกำกับดูแลอยู่ ซึ่งเราสามารถถวายปัจจัยร่วมบุญกับท่านได้โดยตรงและไม่ต้องผ่านตู้รับบริจาค ผมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังทีไรเป็นต้องหัวเราะขันทุกที เพราะคนที่ถูกผมซักฟอกนั่น ซักกันไป ซักกันมา ซักกันมา ซักกันไป พอไม่รู้จะโยนให้ใคร ก็เลยยันเราเข้าตู้คอนเทนเนอร์ไปเลย 555+ นี่ก็เป็นเรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ผมและคนในกลุ่มได้เคยประสบมาแล้วอีกเช่นกัน
บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือ
๑. หากท่านต้องการร่วมบุญที่เป็นบุญวงใน ขอความกรุณาได้ติดต่อไปยังพระอาจารย์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าบริจาคผ่านผู้กล่าวอ้างที่ให้รายละเอียดไม่ชัดเจนกับท่าน เนื่องจากที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่า เป็นบุญที่ไม่มีการออกใบอนุโมทนาบัตรให้ จึงไม่มีหลักฐานแสดงการทำบุญ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ว่า ปัจจัยของเราอาจถูกนำไปร่วมบุญอย่างอื่น หรือยิ่งไปกว่านั้นอาจถูกกลุ่มมิจฉาชีพเข้าสวมรอยมาตบทรัพย์จากท่านไป
๒. ในกรณีที่เป็นตัวแทนของพระอาจารย์ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่ดูแลบุญพิเศษนั้นๆ โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นอุบาสกหรืออุบาสิกา ขอความกรุณาแจ้งรายละเอียดให้กัลยาณมิตรที่ต้องการร่วมบุญทราบแบบชัดเจน โปร่งใส และตรงไปตรงมาด้วย
๓. พึงมีจิตสำนึกอยู่เสมอว่า เงินที่บรรดาท่านเจ้าภาพและศรัทธาสาธุชนนำมาทำบุญนั้น เขาจบแล้วจบอีกนะครับ สลึงหนึ่ง บาทหนึ่ง เขายกขึ้นจบท่วมหัว แล้วคุณเอามาใช้แบบผิดวัตถุประสงค์นี่ ระวังนะครับ จะได้บุญไม่คุ้มบาป เหมือนอย่างที่คุณยายอาจารย์ท่านได้เคยสอนเอาไว้
กรณีคุณ Crystal.mind
เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นกับพี่ผู้นำบุญ
พี่เขาจึงนำไปปรึกษา พระอาจารย์ที่วัด จึงทราบว่าการโทรแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในระยะนี้
จึงอยากเตือนให้ช่วยกันดูแลด้วย
พล๊อดเรื่องจะเป็นแบบนี้คือ
จะโทรมาบอกว่า
" เจริญพร โยม ..... (บอกชื่อถูกต้อง) .. ใช่ไหม?
"อาตมาเจอกับโยม เมื่องานวันคุ้มครองโลกน่ะ แล้วโยมให้เบอร์ไว้ จำได้ไหม? "
พี่ก็จะงง เพราะไม่เคยให้เบอร์พระรูปใดไปในวันงานเลย และโกหกไม่เป็นด้วย ก็ตอบว่า
"จำไม่ได้ค่ะ ท่าน"
"คือ อาตมาโทรมาบอกบุญนะ คือ พระเพื่อนประสบอุบัติเหตุ ไม้จิ้มเข้าไปในลูกตา ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล แต่ไม่มีปัจจัยค่ารักษา อยากจะให้โยมได้บุญ รักษาพระอาพาธน่ะ"
พี่เขาก็อยากได้บุญ แต่ก็กลัวถูกหลอก เพราะรู้สึกไม่ค่อยเข้าท่าตั้งแต่ต้น
"แต่โยมไม่รู้จักท่าน "
"พระที่วัดพระธรรมกายรู้จักอาตมาดี พระมหาสุวิทย์ รู้จักอาตมา"
"พระมหาสุวิทย์ไหนคะ เพราะที่วัดมีหลายรูป อย่างนี้แล้วกันนะคะ ท่านกรุณาให้เบอร์พระมหาสุวิทย์กับโยม แล้วโยมจะโทรไปหาท่านเอง แล้วฝากปัจจัยไว้กับพระมหาสุวิทย์ แล้วท่านกรุณาไปรับกับพระมหาสุวิทย์นะคะ"
พอพี่เขาพูดอย่างนี้ ทางโน้นวางสายไปเลย
พี่เขาเลยมาปรึกษาเพื่อนๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมก่อน เลยได้ทราบว่าเพิ่งมีพี่ผู้ชายอีกคนได้รับโทรศัพท์แบบนี้เหมือนกัน
แล้วก็โอนเงินไปให้แล้ว ๕๐๐๐ บาท
เลยอยากให้ข้อสังเกตุว่า
พระจริง จะไม่มีการบอกบุญญาติโยมที่ไม่รู้จัก ไม่ได้เป็นโยมอุปฐาก กันแบบนี้
ทำบุญให้แน่ ทำบุญให้ปลื้ม ทำเองกับมือนะคะ
อย่าให้เหลือบทางศาสนา มาทำให้ท่าน ใจตก จนไม่ทำบุญนะคะ
กรณีคุณ ninkjang
ดิฉันกับแม่ก็พึ่งเคยเจอมาค่ะ วันมาฆบูชาที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปวัดแต่ว่าไม่ได้อยู่จนเลิก เพราะมีธุระต้องกลับก่อน ขณะที่ขับรถออกมาทางด้านหอฉันคุณยาย (ร้านหอมกรุ่น) มีพระรูปหนึ่งมาโบกรถอยู่ข้างทาง ดิฉันกับแม่ก็คิดว่าท่านจะไปไหนหรือเปล่าจึงเปิดกระจกถาม ได้คำตอบว่า ท่านมาจากต่างจังหวัดแต่ว่าไม่มีกลด เพราะอะไรซักอย่างจำไม่ได้ค่ะ จึงขอให้คุณแม่กับดิฉันถวายปัจจัยเพื่อไปซื้อกลด ดิฉันกับแม่ก็ให้ไปค่ะ แล้วก็ยังงงงงกัน พอวันอาทิตย์ต้นเดือนหลังจากบูชาข้าวพระแล้วดิฉันกับแม่ก็กำลังจะกลับบ้าน ขณะลงไปเอารถที่จอดไว้ชั้น B1 ก็เห็นพระรูปหนึ่งกำลังเดินอยู่แบบงงงง เหมือนว่าท่านกำลังหาทางหรือหาอะไรซักอย่าง พอขับรถผ่านท่าน ตามปกติเราก็จะไหว้อยู่แล้ว แล้วท่านก็โบกรถ บอกว่าลืมกลดไว้ในรถไฟ กลดหลังละ 820 บาท แต่แม่ไม่มีเงินแล้วมีแต่แบงค์ 20 ดิฉันก็บอกคุณแม่ว่า ดิฉันมีอยู่ 1000 บาท เพราะว่าตั้งใจว่าจะนำไปซื้อยามาถวาย ก็เลยให้ไป 1000 บาท ก็คิดว่าถ้าไม่ใช่พระจริงๆ แสดงว่าเราคงเคยไปทำอะไรกับเขาไว้น่ะค่ะ แต่ว่าก็อยากให้เพื่อนๆทุกท่าระมัดระวังกันด้วยนะคะ
กรณีคุณ 100กะรัต
เมื่อหลายเดือนก่อนคุณพ่อคุณแม่ของพี่เขยได้ไปปฎิบัติธรรมที่พนาวัฒน์เป็นครั้งแรก ปกติท่านไม่ค่อยเข้าใจวัดเราซะเท่าไรทั้ง ๆ ที่มีน้องชาย (อาของพี่เขย) เป็นผู้นำบุญมาสิบกว่าปีแล้ว ตอนที่เราได้ข่าวก่อนท่านทั้งสองจะไปปฎิบัติธรรมที่พนาวัฒน์เราก็ดีใจไปกับเค้าด้วย (ดีใจกับผู้นำบุญที่เป็นกัลญาณมิตรได้สำเร็จ ดีใจไปกับคุณพ่อคุณแม่พี่เขย) แล้วเราก็พูดเชียร์ใหญ่เลยว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้
แต่เมื่อไม่กี่วันนี้เรามีโอกาสได้ถามไถ่ถึงเรื่องไปปฎิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ก็ตกใจมากๆเลย เพราะคุณพ่อพี่เขยถูกขโมยเงินและมือถือในห้องพักขณะไปปฎิบัติธรรม ได้ยินดังนั้นทั้งตกใจอึ้งไปซักพัก แล้วก็ได้สติรีบแก้ตัวอย่างจริงจังว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของวัดแน่นอน และก็ไม่ใช่คนที่เป็นลูกศิษย์วัดแบบแท้ๆแน่นอนเลย คาดว่าจะเป็นคนใหม่ที่มาปฎิบัติธรรมครั้งแรกยังไม่รู้เรื่องบุญบาป หรืออาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นที่นำมาเล่าไม่ได้อยากให้ใครมาเข้าใจวัดเราไม่ดีหรือมีอคติกับพนาวัฒน์น๊ะค๊ะ เพียงแค่อยากเตือนเพื่อนถึงภัยต่าง ๆว่าเดี๋ยวนี้มีรอบตัว มิฉาชีพเข้าไปทั่วทุกแห่งแม้แต่สถานที่ปฎิบัติธรรม หรือแม้แต่ในวัดเองที่มีเพื่อนคนอื่นเคยเล่าให้ฟังจะได้ระมัดระวัดตัวเองให้มากกว่านี้เพราะคนส่วนใหญ่จะชะล่าใจคิดว่าคนที่มาวัดหรือสถานปฎิบัติธรรมจะเป็นคนดีเค้าคงไม่กล้าหรอกมันบาป นี่หละเป็นจุดอ่อนเลย
แต่ก็มีข่าวที่ฟังแล้วชื่นใจอยู่อย่างที่คุณพ่อคุณแม่พี่เขยท่านชอบพนาวัฒน์มากๆ ติดใจอยากจะไปอีก เย้...ดีใจจัง
กรณีคุณ USR 22020
เรา คือ คนที่โพสท์เรื่องสงสัยว่ามีคนงัดห้องน้ำ 13 W6 และพอเรากลับไป (วันที่ 3 - 5 พค 51) ก็เห็นว่าห้อง 12 ถูกงัดเพิ่ม เราแน่ใจว่าเป็นเพราะเรามาลงโพสท์ว่าเราอาจจะเข้าใจผิดว่ามีคนงัดประตูหรือประตูหลุดเอง (คนงัดมันเลยมางัดต่อทำนองว่านีไง ห้อง 12 ก็หลุดเหมือนกัน เราเข้าใจผิด) ทำให้เห็นชัดเจนว่ามีคนงัดแน่นอน
เราอยากทราบวิบากกรรมที่คนคนนี้จะได้รับ ตอนนี้ห้อง 12 มองเข้าไปจะเห็นคนที่แก้ผ้าอาบน้ำชัดเจน โดยเจ้าตัวไม่รู้เพราะซี่ห้องน้ำจะหันลงด้านล่าง และสีขาวไปทั่วดูยาก แต่ถ้านั่งลงจึงจะเห็น เป็นไปไม่ได้เลยที่ประตูห้องน้ำนี้จะพังหลุดเอง ต่อให้ทั้งเตะ ถีบก็ไม่หลุดมาง่ายง่าย เป็นประตูแบบเดียวกับห้องน้ำที่บ้านเรา ที่ซัดประตูตอนโกรธเต็มแรงซี่ประตูก็จะไม่หลุด จับกระชากก็ไม่หลุด เมื่อไหร่ใครจะฟังเรา และเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญซักที หรือต้องรอให้แฟนคุณถูกแอบดู ตอนลงมากลางคืน หรือ วันหยุดที่ไม่ค่อยมีคนก่อน
ก่อนหน้านี้มันเคยงัดมาแล้วจนหลุดลงมาหมด แล้วมีคนเอาป้ายมาแขวนว่าประตูชำรุด ทำไมไม่ให้ใครมาซ่อม เวลาวันสำคัญผู้หญิงต้องรอเข้าห้องน้ำกันนานมาก และที่สำคัญวัดเรามีแต่ความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำไมปล่อยให้ประตูพังเหมือนวัดหลังเขา ทั้งๆ ที่ประตูยังเอี่ยมอยู่เลย เซ็งสุดสุด
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#2
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 02:11 PM
#3
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 02:28 PM
#4
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 02:30 PM
#5
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 03:08 PM
ในยุคพุทธกาล หรือ ยุคไหน ๆ ก็มีเรื่องราวการทำดี ทำชั่ว กันทั้งนั้น
เพราะมนุษย์ยังเป็นหุ่นเชิดของอกุศลธรรม ให้กระทำอกุศลกรรมบท ๑o
สำหรับกรณีที่ ๑ เข้าใจว่า ทางวัดคงแก้ไข ไม่ให้เกิดขึ้นได้อีกแล้ว
ส่วนกรณีที่ ๒ บุญนอกโครงการ (บุญอสาธารณะ)
โดยส่วนตัวผมคิดว่า
ขึ้นอยู่กับความคุ้นเคย + ความรอบคอบและวิจารณญาณของผู้ร่วมบุญ แต่ละท่านเอง
ถ้าไม่คุ้นเคย กับผู้ที่มาแจ้งข่าวบุญ ที่มีแต่ ซองใส่เงิน
ก็ควรสอบถามรายละเอียด และรอบคอบมากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ใคร ๆ นำเงินไปทำบุญ ผิดวัตถุประสงค์
เป็นการช่วยไม่ให้เพื่อนนักสร้างบารมี ขาดสัจจะ ความจริงใจ
หรือ ไม่นำเงิินไปทำบุญจริง
ก็เป็นการช่วยไม่ให้เพื่อนมนุษยที่ยัง มีหิริ โอตัปปะ ยังไม่มากพอ ที่จะหักห้ามใจ ไปกระทำอกุศลกรรม
ก็เท่ากับช่วย ไม่ให้เขา/เธอ มีอบายภูมิในปรโลก
อย่างไรก็ตาม หากเรามีกุศลจิต บริจาคะ บำเพ็ญทานกุศล ผลแห่งบุญย่อมตอบสนองเรา เสมอ
ฉะนั้น ก็ควรปลื้มใจ ในกุศลจิต และทานกุศลของเราเสมอ
อนุโมทนา เจ้าของกระทู้ ที่ให้ข้อมูลเพื่อป้องกันภัย เป็นการชี้ขุมทรัพย์ ที่มีประโยชน์ครัุบ
#6
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 04:22 PM
มีกรณีคล้ายเรื่องที่1 เหมือนกัน เพียงแต่เป็นลักษณะยักยอก คือ ส่วนใหญ่รถบัสที่เดินทางมาวัดจะมีถุงรับบริจาคส่งจากผู้นำรถ ไปยังผู้โดยสารด้านหลัง ปรากฎว่ามีผู้นำรถท่านหนึ่งสังเกตุว่าระยะหลังเงินบริจาคในถุงน้อยลงและมักไม่พบแบ๊งค์พันหรือแบ๊งค์ห้าร้อย จึงวางแผนใส่แบ๊งค์พันและแบ๊งค์ห้าร้อย(จดเลขที่แบ๊งค์ไว้)และส่งสปายไปนั่งปะปนกับสาธุชนที่เดินทางเพิ่งแอบสังเกตุ ก็พบสามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งชุดอุบาสกอุบาสิกาทำท่าใส่แบ๊งค์แต่กลับหยิบแบ๊งค์ใหญ่ๆออกไป เมื่อรถบัสเดินทางมาหน้าวัดทางผู้นำรถได้ให้รถจอดและแจ้งขอตตรวจค้นแบ๊งค์พันและแบ๊งค์ห้าร้อยที่หายไป ปรากฎว่าพบในตัวของสามีภรรยาคู่นี้ จึงเข้าแจ้งความ สน.คลองหลวง แรกๆเขาก็ไม่ยอมรับ พอนำหมายเลขที่จดไว้มายืนยันก็ต้องจนด้วยหลักฐาน จึงถูกดำเนินคดีต่อไป
สงสารก็สงสาร แต่ทำยังไงได้ ก็หาเรื่องเลือกไปอยู่กับ เป....รต เองนี่นา
#8
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 05:45 PM
#9
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 05:52 PM
#10
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 08:27 PM
#11
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 08:57 PM
#12
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 09:43 PM
#13
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 09:51 PM
#14
โพสต์เมื่อ 06 December 2007 - 09:56 PM
#15
โพสต์เมื่อ 07 December 2007 - 12:12 AM
ก็ตกใจเหมือนกัน มีอย่างนี้ด้วยหรือ โดยส่วนตัว ไม่อยากได้พระของขวัญอยู่แล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไร (อยากได้ดวงแก้ว หรือ องค์พระภายในมากกว่า) ยังไงเสีย เงินก็เป็นของเรา บุญก็เป็นของเรา หากมีคนขี้ตู่ เช่นนั้น ก็เป็นกรรมใหม่ของเขาเอง
#16
โพสต์เมื่อ 07 December 2007 - 07:35 AM
ทำไมต้องไปตัวทีครับ สาธุกับทุกท่านที่ร่วมบุญและแจ้งข่าวเตือน
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#17
โพสต์เมื่อ 07 December 2007 - 08:27 AM
เอาบุณบูชาข้าวพระและเศรษฐีถาวร เดือนธันวาคม มาฝากครับ
#18
โพสต์เมื่อ 07 December 2007 - 12:01 PM
ช่างน่าสงสารจริงๆ
กรณีถวายปัจจัยตอนบ่ายวันอาทิตย์โดยหลวงพ่อเป็นประธานสงฆ์นั้น
สำหรับผม ด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่เคยเรียกร้องใบอนุโมทนาบัตรเลย
บางครั้งผู้นำบุญก็นำมาให้ บางครั้งก็ไม่ได้รับ
จนตอนหลังนี้ จึงไม่ใส่ รหัสผู้นำบุญท่านใดเลย
เกรงว่าจะเป็นภาระของผู้นำบุญท่านนั้น
คิดอยู่ว่าเมื่อตัวเองเข้าใจ อะไรมากกว่านี้
จะขอเป็นผู้นำบุญเอง เพราะตนเองก็พอมี
มิตรที่รัก ญาติที่เคารพ และบริวารอยู่บ้างครับ
#19
โพสต์เมื่อ 07 December 2007 - 06:40 PM
#20
โพสต์เมื่อ 08 December 2007 - 07:45 PM
#21
โพสต์เมื่อ 08 December 2007 - 08:06 PM
#22
โพสต์เมื่อ 09 December 2007 - 02:29 PM
สาธุ
#23
โพสต์เมื่อ 10 December 2007 - 03:38 PM
#24
โพสต์เมื่อ 02 March 2008 - 06:40 PM
#25
โพสต์เมื่อ 02 March 2008 - 07:16 PM
แม้แต่การโอนเข้าบัญชีธนาคารของคนที่บอกบุญก็ไม่ควรทำ
ควรไปทำด้วยตัวเองที่วัดฯ ดีกว่า ไ้ด้บุญทั้ง 3 ระยะเลยครับ
#26
โพสต์เมื่อ 02 March 2008 - 07:18 PM
ตอนที่เรากล่าวคำปวารนาตัวเสร็จแล้วท่านมาขอเบอร์เรา
ท่านมีพระเพื่อนที่ไม่มีดวงตา ต้องการใส่ตาเทียม
ผมไม่ต้องการถูกหลอก เลยนัดท่านไปเจอที่ รพ.จุฬา
พบว่าตาของพระเพื่อนท่านไม่มีข้างหนึ่งจริงอยู่วัดท่าซุง
เลยพาไปใส่ตาเทียมที่คลีนิคใต้ตึกอื้อจือเหลียง
ใส่อย่างดีของอเมริกา หมดไปห้าพันกว่า
แต่รู้สึกว่าไม่เสียดาย เพราะอยากให้ท่านได้ของดีไปใช้เลย
นึกขึ้นมาครั้งใดก็ปลื้ม พิมพ์อยู่ตอนนี้ยังปลื้ม
แต่ก็ขอแนะให้ท่านระวังพวกมิจฉาชีพสวมรอย
#28
โพสต์เมื่อ 02 March 2008 - 09:12 PM
อีก case ครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มีสาธุชนใหม่ ได้รับโทรศัพท์จากพระ บอกว่าจำได้ไหมท่านเป็นพระอาจารย์ที่คุมสนามสอบ ตอบปัญหาครอบครัวอบอุ่นของหมู่บ้าน และบอกบุญให้ช่วยโอนเงินด่วน เพื่อนำไปบวชพระตลอดชีวิตที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางสาธุชนท่านนี้ไม่แน่ใจ จึงไม่ได้โอนเงินให้ไป
ทั้งสอง case ที่เจอ จะบอกว่า
- เป็นพระ
- แจ้งว่ารู้จักเราผ่านกิจกกรรมต่างๆ ของวัดเรา
- มีบุญด่วนอยากให้เร่งให้โอนเงินให้ทันที
ผมว่าถ้าไม่รู้จักกันจริงๆ ไม่ควรโอนเงินให้นะครับ
#29
โพสต์เมื่อ 02 March 2008 - 09:57 PM
#30
โพสต์เมื่อ 03 March 2008 - 12:09 AM
อยากให้ที่วัดมีการประกาศแจ้งเตือนสาธุชนให้ทราบโดยทั่วกัน จะได้ช่วยกันป้องกัน