ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับฝันในฝันครับ
#1
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 01:25 PM
สงสัยจัง แล้วเราจะเข้าไปคุยกับคนในนรกได้ด้วยเหรอ หาเจอได้ยังไง ได้ยินมาว่านรกมีเป็นล้านชีวิต แล้วถ้าเป็นต่างชาติจะคุยด้วยภาษาอะไร ครับ ช่วยชี้แน่ะหน่อยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 01:48 PM
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#3
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:13 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#4
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:17 PM
1. "หลับตาฝัน แล้วเอามาเล่าเป็นตุเป็นตะ"
ความจริงแล้ว เวลาที่หลวงพ่อฝันในฝัน (เข้าฌานสมาบัติเพื่อเข้าไปในภพละเอียด ไม่ว่าจะเป็นนรก หรือ สวรรค์ หรือ พรหมโลก) หลวงพ่อจะกล่าวว่า "ฝันเป็นตุเป็นตะ แล้วนำมาเล่าเป็นนิยายปรัมปรา เป็นความรู้ติดแข้งติดขา" กันต่างหาก ไม่ใช่ "หลับตาฝัน แล้วเอามาเล่าเป็นตุเป็นตะ"
ที่หลวงพ่อใช้คำว่าฝันในฝัน เพื่อให้ฟังดูแล้ว ไม่เป็นศัพท์วิชาการมากเกินไป อีกทั้งทนทานต่อการพิสูจน์ของทั้งพวกคนตาเปิดแต่ใจปิด และพวกคนที่ตาและใจเปิดกว้างเพื่อเรียนรู้ความจริงของชีวิต
2. "เรื่องที่เอามาเล่านี่เป็นเรื่องจริงหรือแต่ง "
คนที่ไม่เคยรับรู้และเรียนรู้เกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรมะผ่านทางจานดาวธรรม หรือเว็บ dmc.tv ที่มีมาเกือบ 6 ปีแล้ว มีรายการ "ชีวิตในสังสารวัฏ" ที่เรียนเชิญเจ้าของเคสตัวเป็นๆ มายืนยันถึงเรื่องราวที่หลวงพ่อนำมาเล่าในแต่ละสัปดาห์
3. ส่วนเรื่องพิสูจน์ว่า คุยกันยังไง ก็คงต้องปฏิบัติลงไปดูเองมั้งครับ
#5
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:20 PM
#6
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:24 PM
นิ่ง : นิ่งในนิ่ง ดิ่งจิต จรดจ่อเข้า
เฉย : เฉยในเฉย อย่าลุ้นเร่ง เพ่งจ้องเอา
สูตรสำเร็จ สู้เป้า เข้าถึงธรรม
เข้าถึงธรรมกายได้เมื่อไหร่ และได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ก็จะได้พิสุจนฺ์ด้วยตัวเองครับ หลวงปู่วัดปากน้ำท่านยืนยันเอาไว้แล้ว ว่า ธรรมกายสามารถไปนรกสวรรค์ได้ ไปจับมือถือแขนได้ ตรวจตรา ถามไถ่บุพกรรมกันได้ เพราะฉะนั้น ก็ให้เอหิปัสสิโก มาพิสูจน์ด้วยการนั่งสมาธิกันเถิด ขอให้ผู้ตั้งกระทู้ได้สมปรารถนา เข้าถึงพระธรรมกายเร็วไวนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:26 PM
#8
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:37 PM
- ให้ นร.อนุบาลได้เรียนรู้ ในทางลัด ขวนขวายสั่งสมบุญบารมี
- ให้ นร.อนุบาลเกิด หิริ โอตตัปปะ อันเป็นธรรมค้ำจุนโลก
#9
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 02:49 PM
แต่สาระมันอยู่ที่ว่า รู้ว่าคนอื่นทำได้ ก็ไม่สู้เราเองทำได้หรอกนะ จริงไม๊ เพราะ เราจะหมดกิเลสก็ด้วยการทำที่ตัวเราเอง ไม่ใช่รู้ว่าใครหมดกิเลสแล้วเราจะหมดกิเลสตาม
#10
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 03:55 PM
จำเป็นต้องถามก่อน เพราะว่าจะอธิบายว่า จริง หรือไม่จริง นั้น คงต้องดูพื้นฐานก่อนว่า จริงๆ แล้วต้องการคำตอบที่แท้จริงหรือไม่ และต้องการความจริง จริงจริงหรือเปล่า หากว่าคุณต้องการความจริงแล้ว ขออนุญาตให้คุณหลับตา ทำสมาธิสัก 5 นาที เปิดใจรับฟัง และพิจารณาคำตอบที่ตอบมา ว่า อยู่ในแนวเดียวกันหรือไม่ ถ้าจะบอกให้คุณนั่งสมาธิ พบองค์พระภายในก่อน ก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน ว่าเมื่อไหร่จะพบคำตอบเสียที (เพราะจะพบองค์พระได้ คงต้องมาเรียนวิชชาธรรมกาย และใจต้องหยุดนิ่งจริงๆ เสียก่อน)
เมื่อคุณเปิดใจแล้วจริงๆ นะคะ ลองมาพิจารณากันนะคะว่า ทำไมฝันในฝัน ถึงมีเรื่องให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฝันเป็นจำนวนมากมายนัก แล้วเจ้าของเรื่อง ทำไมถึงได้ยอมรับว่าเรื่องของตนเกิดขึ้นจริงๆ และก็เป็นจริงดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเล่าเป็นนิยายปรัมปรา ทั้งๆ ที่เจ้าของเคสไม่ได้เขียนบอกไว้ในเรื่อง แล้วทำไมหลวงพ่อถึงแต่งเรื่องได้ตรงกับความจริงทุกเรื่องที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฝันในฝัน นี่คือหลักฐานหรือเหตุผลหนึ่ง ที่คุณน่าจะนำมาพิจารณาได้นะคะ ว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร (เมื่อคุณถามได้ คุณน่าจะพิจารณาถึงคำตอบที่แท้จริงได้นะคะ)
ส่วนเรื่องภาษาหรือวิธีการคุยว่าคุยกันได้ยังไง เราลองมานึกเล่นๆ นะคะ ในโลกมนุษย์ ยังมีภาษากลาง สามารถสื่อสารกันรู้เรื่อง แล้วในโลกหลังความตาย จะใช้ภาษาอะไรคุยกันคะ แล้วที่ว่า ในนรกมีหลายชนชาติ แล้วทำไม เขาสื่อสารกันได้หล่ะคะ แล้วทำไม เขารู้เรื่องการกระทำของเราได้หมด เรื่องนี้ ต้องรอพิสูจน์ค่ะ อันนี้ ให้ลองคิดเล่นๆ นะคะ
เพราะถ้ายืนยันอะไรลงไป ด้วยความที่ยังรู้ไม่มาก ก็คิดได้เพียงเท่านี้ และขอเป็นส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ
และขอเชิญคุณ usr21582 อย่าแค่เพียงสงสัย เพราะนักวิทยาศาสตร์ส่วนมาก เมื่อสงสัย มักหาคำตอบด้วยการพิสูจน์
ขอเรียนเชิญค่ะ มาพิสูจน์ที่วัดก่อนว่า เขานั่งเห็นองค์พระกันจริงหรือเปล่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฝันในฝันแม่นจริงๆ เหรอ เป็นเรื่องแต่งหรือเปล่า ลองมาพิสูจน์กันที่วัดนะคะ ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องนำเงินมาเลยสักบาท มาจนได้คำตอบนะคะ อย่ามัวแต่สงสัย เพราะตอนนี้เวลาเราเหลือน้อยเต็มทีแล้วค่ะ
ต้องขออภัย หากคำตอบบางตอนทำให้ท่านใจขุ่น เนื่องจากความเขลาของผู้ตอบที่ไม่สามารถตอบได้ดีกว่านี้ได้
แต่เจตนา เพื่ออยากให้มนุษย์ผู้มีปัญญา ค้นหาคำตอบที่แท้จริงของชีวิตได้สักที
#11
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 05:08 PM
เรื่องฝันในฝัน หรือ การที่บุคคลคนที่มีญาณทัสสนะ พิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไป
สามารถถอดกาย ถอดจิต ไปเห็นภพภูมิต่าง ๆ
เช่น นรก สวรรค์ / เทวดา เปรต สัตว์นรก ที่ตามนุษย์ทั่วไปมองไมเห็นนั้น
ที่เรียกกันว่า มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติตนเองและของสรรพสัตว์อื่นได้ เป็นต้น
มีมาก่อนการอุบัติขึ้นของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ซะอีกครับ
และมีบันทึกเกี่ยวกับมากมายในพระไตรปิฎก ของพุทธศาสนาและคัมภีร์ของศาสนา ลัทธิอื่น ๆ ด้วย
รวมถึงการบอกเล่าประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ ของหลวงพ่อ หลวงปู่ ก็มากมาย
เช่น
เรื่องเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งเป็นเรื่องการไปยมโลก
สนทนากับท่านท้าวยมราช และอดีตมนุษย์ที่กำลังรับ ทัณฑ์กรรม
เพื่อสอบถามบุพกรรม ที่ไป ที่มาของการมาเสวยวิบากบาป ต่าง ๆ นานา เป็นต้น
ท่านเชื่อเรื่อง
๑ ? การมีอยู่ของภพภูมิ ต่าง ๆ เช่น นรก สวรรค์ เทวดา เปรต สัตว์นรก ที่ตามนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็นนั้น หรือไม่ครับ
๒ ? การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และการตรัสรู้ธรรม และความรู้ที่มีบันทึกในพระไตรปิฎก หรือไม่ครับ
๓ ? การที่บุคคลคนที่มีญาณทัสสนะ พิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไป วิชชา ๓ วิชชา ๘ เช่น
มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติตนเองและของสรรพสัตว์อื่นได้ ฯล หรือไม่ครับ
ถ้าท่านไม่เชื่อตัวอย่างที่กล่าวมานี้ หรือมีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มายังไม่มากนัก
ก็ยากที่จะอธิบายเรื่อง case study จากโรงเรียนฝันในฝันวิทยา ให้เจ้าของกระทู้ เข้าใจตามได้ครับ
ที่สำคัญ คือ
เรื่องที่มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง สัมผัส อายตนะในภพภูมิที่ละเอียด ด้วยตนเอง
พูดไป บอกไป
มีน้อยคนนักที่พอเข้าใจตาม ยอมรับได้ว่า เป็นเรื่อง มีอยู่จริง
ดังนั้น เวลาสนทนาเรื่องแบบนี้กัน เขาจึงมักพูดกันว่า
เป็นปัจจัตตัง บ้าง
ต้องพิสูจน์ด้วยการไปเห็น ไปรู้ด้วยตนเองดีที่สุดครับ
โดยส่วนตัว ผมเชื่อ ยอมรับได้กับความรู้ใน คำถาม ๓ ข้อนั้นครับ
แต่เป็นความเชื่อ การเข้าใจและยอมรับ แบบตรรกะ การไตร่ตรอง ความเป็นไปได้ ( possibility ) เท่านั้นครับ
ยังไม่ถึงขนาด มีญาณทัสสนะไปเห็น ไปรู้ด้วยตนเอง
ผมก็ยังต้องพิสูจน์ความเชื่อ ว่าเป็นความจริง หรือไม่ แค่ไหน เช่นกันครับ
#12
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 06:43 PM
บ้างก็แค่รู้สึก สัมผัส ผุดรู้ แต่ไม่เห็นภาพ ไม่ได้ยินเสียง คุยกันไม่ได้
บ้างก็ทั้งเห็นภาพ ได้ยินทั้งเสียง สัมผัสบรรยากาศรอบตัว ร้อน เย็น เป็นสุข น่าสยองขวัญ สื่อสารกันได้ เป็นต้น
และวิธีในการพิสูจน์
เรื่องที่ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย ของมนุษย์ทั่วไป สัมผัสไม่ได้
เช่น การพิสูจน์ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
แต่ของพูดเฉพาะเรื่อง การพิสูจน์โดยการฝึกจิต เท่านั้นนะครับ
ในโลกวิทยาศาสตร์
ไม่ว่าจะพิสูจน์เรื่องอะไร ปรากฏการณ์อะไร ที่เกินความสามารถของ สัมผัส ๕ ของมนุษย์
จำเป็นต้องมีความรู้ สมมุติฐาน ทฤษฎี , เครื่องมือ อุปกรณ์ ช่วยสืบหา ความรู้
ฉันใด
การพิสูจน์ด้วยจิต ก็เช่นกันครับ
ก็จำเป็นต้องมีความรู้ สมมุติฐาน ทฤษฎี , เครื่องมือ อุปกรณ์
ช่วยพิสูจน์ เช่นกันครับ
ผมขออุปมา ว่า
อุปกรณ์ เครื่องมือ คือ จิต
ถ้าความรู้ สมมุติฐาน ทฤษฎี แนวทางปฏิบัติ การฝึกสมาธิ วิธีฝึก ต่างกัน
ก็ได้ผลลัพธ์ แตกต่างกันไปครับ
ถ้าเครื่องมือ ทันสมัย ล้าหลัง / จิตบริสุทธิ์ จิตละเอียด ธาตุในตัว คุณธรรม บุญบารมีในตัว ต่างกัน
ก็ได้ผลลัพธ์ แตกต่างกันไปครับ
เช่น
เห็นภาพแต่ไม่รู้ว่า คืออะไรก็มี
ไม่เห็นภาพ แต่รู้สึก สัมผัส ผุดรู้ว่า คืออะไร แบบนี้ก็มี
และทั้งเห็น ทั้งรู้ ครบวงจร ก็มี
ดังนั้นที่เจ้าของกระทู้ถามว่า
ตอบว่า
ไม่ใช่ครับ
เพราะ การฝึกจิต มีหลายวิธี ตำแหน่งวางกำหนดจิต วางใจ ก็มีมากมาย
โดยย่อ คือ วางจิตไว้ในตัว กับ นอกตัว
การฝึกจิต ด้วยวิธีอื่น ๆ ของ ฤาษี ดาบส ชีปะขาว หรือ วิธีของหลวงพ่อ หลวงปู่ มากมาย
ก็สามารถไปเห็น ไปรู้ เช่น มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ ครับ
#13
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 06:55 PM
วิธีฝึกจิต ตามที่พระเดชพระคุณ หลวงปู่ สด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญท่านค้นพบ และแนะนำสั่งสอนมา
คือ
๑ ) จิต / ใจ ต้องกำหนด/วาง ไม่ใช่นอกตัว
แต่ต้องไว้ในตัว ณ ฐานที่ตั้งเดิมของจิต คือ
ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ จุดตัดกึ่งกลางกาย เหนือสะดือ ๒ นิ้วมือ
๒ ) ต้องทำให้ ใจ หยุด นิ่ง ถูกศูนย์ ถูกส่วน
ดังคำสรุปที่ว่า
ส่วนกุศโลบายการ หยุด ก็แล้วแต่เทคนิควิธีของแต่ละครู บาอาจารย์และนักปฏิบัติแต่ละท่าน
เมื่อทำ ๒ ข้อนี้ได้ถูกต้อง ก็จะเข้าถึง เข้าสู่สภาวธรรม ที่มีภายใน เช่น
ความสว่าง ดวงธรรม กายในกาย กระทั่งเข้าถึง ธรรมกาย เป็นต้น
จากนั้นก็อาศัย ธรรมจักษุ ญาณทัสสนะ ที่เห็นแจ้งของธรรมกาย
ไปศึกษา เรียนรู้ ตรวจสอบ สรรพสิ่ง
ที่มี ที่เป็นตาม ตถตา ธรรมดาของธรรมชาติและสรรพสิ่ง ที่มีอยู่แล้วแต่บรรพกาล
เช่น ภพภูมิ ๓๑ ที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก หรือที่นักเรียน DOU เรียกว่า จักรวาลวิทยา
กฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขังง อนัตตา ของสังสารวัฏ
หรือ กฎแห่งกรรม ประกอบเหตุอย่างนี้ จะได้ผลอย่างนี้ ประกอบเหตุอย่างนั้น จะได้ผลอย่างนั้น
รวมถึงอริยสัจจ์ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ อริยมรรค เป็นต้น
การฝึกจิตวิธีอื่น ๆ นั้น เป็นอย่างไร ได้ผลมากแค่ไหน ละเอียดแค่ไหน ผมก็มีความรู้น้อย พูดให้ฟังไม่ได้
แต่วิธีฝึกจิต ให้เข้าถึงธรรมกาย ภายใน
ตามแบบที่พระเดชพระคุณ หลวงปู่ สด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญท่านค้นพบ และแนะนำสั่งสอนมา
ท่านกล่าวว่า
ถ้าอาศัยธรรมจักษุ ญาณทัสสนะของธรรมกาย ก็สามารถศึกษา เรียนรู้ ตรวจสอบ เข้าใจในสรรพสิ่ง
ที่มี ที่เป็นตาม ตถตา ธรรมดาของธรรมชาติและสรรพสิ่ง ได้กว้างขวางมากขึ้น
เหตุเพราะว่า
ประสาท สัมผัสของมนุษย์ ทั้ง fifth sence / sixth sence
ก็มีขอบเขต ความสามรถจำกัดในการ เห็น รู้ในสรรพสิ่ง
ได้ในระดับหนึ่ง แค่ในโลกมนุษย์ ไม่สามารถเห็น รู้สัมผัส อายตนะที่ละเอียด เช่น สวรรค์โลก พรหมโลก
การรู้และการเห็นของกายทิพย์ เทวดาแต่ละชั้น แต่ละตน
ก็มีขอบเขต ความสามรถจำกัดในการ เห็น รู้ในสรรพสิ่ง
ได้ในระดับหนึ่ง แค่ในโลกทิพย์ ไม่สามารถเห็น รู้สัมผัส อายตนะที่ละเอียด เช่น พรหมโลก
รวมถึงการไปเกิด มาเกิด ตามแต่ บุพกรรม ชนกกรรม ของปวงสัตว์ได้
การรู้และการเห็นของกายพรหม หรือ พระพรหม ทั้งรูปพรหมและอรูปพรหม
แต่ละชั้น แต่ละตน ก็มีขอบเขต ความสามรถจำกัดในการ เห็น รู้ในสรรพสิ่ง
ได้ในระดับหนึ่ง แค่ในพรหมโลก
ซึ่งก็สามารถ รู้ เห็น ได้กว้าง ได้มากที่สุด ก็เฉพาะ ในกามภพ รูปภพ และอรูปภพ เท่านั้น
บรรดาพรหม ไม่สามารถเห็นแจ้ง สภาวธรรมอันแท้จริง ของอายตนะนิพพานได้ด้วยตนเอง
อุปมาในทางโลก
เหมือน ถ้าเครื่องมือ ตรวจสอบ มีความละเอียด แค่ไหน ก็พิสูจน์ ตรวจสอบ ได้ผลลัพธ์ ได้เห็น ได้รู้แค่นั้น
เช่น แว่นขยาย กล้องส่องทางไกล กล้องจุลทรรศน์ กล้องส่องดวงดาว
ก็มีศักยภาพในการดูใกล้ ไกล แตกต่างกันไป เป็นต้น
ดังนั้น ที่มีคำเรียกว่า วิชชาธรรมกาย
ความหมายโดยย่อ ก็ คือ
วิชชา หรือ ความเห็นแจ้ง รู้แจ้ง ที่อาศัยธรรมจักษุ ญาณทัสสนะของ กายธรรม หรือ ธรรมกาย
ที่กว้างขวาง กว่า ทิพยจักษุของกายทิพย์ และ สมันตจักษุของกายพรหม
ไปศึกษา เรียนรู้ เห็นแจ้ง รู้แจ้ง เข้าใจทั้งแจ่ม ทั้งแจ้ง ในสรรพสิ่ง เช่น นิพพาน ภพสาม โลกันต์
อุปมาให้พอเข้าใจตามได้ง่าย ๆ คือ
เครื่องมือที่มีความละเอียดมาก ๆ หรือ กล้องที่มีความละเอียดมากกว่า กล้องใด ๆ
จึงสามารถเห็น สิ่งที่อยู่ไกลโพ้นหรือ สิ่งที่มีขนาดละเอียด ยิ่งกว่าระดับ ปรมาณู
หรือ พุทธปัญญา ของธรรมกาย มีความสามารถ มีศักยภาพ ในการรู้เห็น
และเข้าใจสภาวธรรมและสรรพสิ่งอย่างถ่องแท้ อย่างแจ่มแจ้ง ไปตามเป็นจริงทุกสิ่งทุกประการครับ
ไฟล์แนบ
#14
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 07:09 PM
ได้ยินมาว่านรกมีเป็นล้านชีวิต แล้วถ้าเป็นต่างชาติจะคุยด้วยภาษาอะไร ครับ
คำถามนี้ ขอตอบโดยอุปมา พอสังเขปนะครับ
ปัจจุบันโลกแห่งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ระบบสารสนเทศ พัฒนาไปมาก
จริงไหมครับ ?
ดังนั้นจึงมี นวัตกรรม เครื่องมือประดิษฐ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
เช่น
ระบบคอมพิวเตอร์ / เครื่องมือ / อุปกรณ์ / โปรแกรม ที่ใช้ค้นหา ประวัติส่วนตัวของบุคคล
ใครที่เคยดูภาพยนตร์จาก Hollywood แนวสืบสวนสอบสวน หรือ แนวไซ-ไฟ
คงพอเข้าใจและยอมรับได้ว่า
การค้นหาบุคคล ที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตา
ประวัติส่วนตัว :
ทั้งด้านการศึกษา การทำงาน โรคประจำตัว กรุฦ๊ปเลือด
รายได้ การการเสียภาษี การสมรส การหย่า
หมายเลขบัตรเครดิต หรือบัญชีเงินฝาก / พันธบัตรและหุ้น
แม้กระทั่งประวัติใบสั่ง การติดคุก มีคดีอะไรบ้าง
แต่ละคดีมีการพิพากษา บทลงโทษกี่ปี รวมกี่คดี รวมติดคุกกี่ปี
ติดคุกที่ไหน เมืองอะไร สภาพคุกเป็นอย่างไร ความเป็นอยู่ในคุกเป็นอย่างไร
กิจกรรมประจำวันหรือกิจกรรมพิเศษ ในแต่ละวัน/สัปดาห์ มีอะไรบ้าง
มีใครบ้างอยู่ในคุก ( นักโทษ / ผู้คุม / เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ฯล )
ถ้าเรามีระบบคอมพิวเตอร์ / เครื่องมือ / อุปกรณ์ / โปรแกรม ที่มีศักยภาพสูง
อย่างหน่วยข่าวกรอง / FBI / CIA ของรัฐบาลสหรัฐฯ
ก็คงไม่ยากในการสืบค้น หาบุุคคล ที่เราไม่รู้จักได้ ใช่ไหมครับ
แม้ว่าประชาชนของประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีกี่ร้อยล้าน หรือกี่พันล้านคนก็ตาม
รวมถึงประวัติอาชญากรข้ามชาติ นับแสนคน หรือ นับล้านคน
ที่ไม่ได้เป็นชาวสหรัฐฯ ก็ตามที
เช่นกันครับ
แม้ว่าประชากรหรือสัตว์นรก ในแต่ละขุม จะมีจำนวนล้านตัว ร้อยล้าน หรือ กี่แสนล้านตัว
ถ้าคุณมีเครื่องมือ / อุปกรณ์ / โปรแกรม ที่มีศักยภาพสูง
กล่าวคือ คุณมีจิตตานุภาพสูงมาก มีญาณทัสสนะละเอียด กว้างไกลและว่องไวมาก ๆ
ก็คงไม่ยากในการสืบค้น อดีตมนุษย์ ที่ไปตกนรกในขุมต่าง ๆ ใช่ไหมครับ
ส่วนประเด็นที่ว่า
ถ้าเจ้าของกระทู้อ่าน เนื้อหาข้างต้น ด้วยความตั้งใจและทำความเข้าใจ แบบเปิดใจกว้าง open your mind
ถึงตรงนี้
คงต้องให้เจ้าของกระทู้ ลองวิเคราะห์ และตอบคำถามนี้ด้วยตนเอง จะดีกว่านะครับ
ถามอีกนิดครับว่า
เครื่องเล่น mp 3 มันอ่าน/แปลงสัญญาณ แปล ได้ทั้งภาษาไทย / จีน / อังกฤษ / สเปน ฯล ได้
รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่มีความสามารถเกินมนุษย์
ทั้งที่ ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตวิญญาณ ไม่มีอภิญญา ไม่มีวิชชา ๘
ทั้งที่มันเป็นเพียง โทรศัพท์มือถือ เครื่องดักฟังเสียง(หูทิพย์)
ทีวีผ่านดาวเทียม กล้องส่องดวงดาว กล้องสอดแนม (ตาทิพย์),
หรือมันก็แค่เพียง
ยานอวกาศ , เรือดำน้ำ , เครื่องบิน , หุ่นยนต์ , A.I. ,
machine , equipment , tool , computer ect.
ยินดีที่ได้สนทนาธรรมตามกาลครับ
หากว่าข้อความหรือทรรศนะส่วนตัวของผม ตรงไหน ไม่ถูกต้อง ผิดพลาด คลาดเคลื่อนประการใด โดยไม่เจตนา
ก็ขออภัยทาน ทุกท่าน มา ณ ที่นี้
และขอความกรุณาท่านผู้รู้ เข้ามาแก้ไขด้วยนะครับ อนุโทนาบุญล่วงหน้าครับ สาธุ
ไฟล์แนบ
#15
โพสต์เมื่อ 11 January 2008 - 10:03 PM
#16
โพสต์เมื่อ 15 January 2008 - 01:06 PM
ต่อให้มีเป็นพันล้านมาบอกว่าจริง แล้วคุณควรจะเชื่อหรือไม่ ขอตอบว่า ฟังหูไว้หู
ก็จะกลายเป็นว่า เกิดเป็นปัญหาสองชั้น คุณต้องมีอีกคำถามหนึ่งเกิดขึ้นว่า ทำไมพันล้านคนนั้นจึงบอกว่าจริง
คุณก็ต้องพยายามไปค้นหาหลักฐานเพื่อมาสนับสนุนว่า ที่เขาบอกนั้นจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่จะเป็นหลักฐานพอที่จะสนับสนุนได้นั้นก็มีเพียงหนังสือ ซึ่งก็เขียนขึ้นโดยมนุษย์
ฉะนั้นไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ ยิ่งไปกว่าการค้นหาจากผู้รู้ภายในตัวคุณเอง ซึ่งเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด และการเข้าไปพบผู้รู้ภายในก็ไม่มีวิธีใดที่เร็วเท่ากับการหยุดใจ ณ ศูนย์กลางกาย
ลงมือทำซะตอนนี้ ดีกว่าจะมีคำถามแบบนี้ ถามไปเรื่อยๆ เพราะยังงัยก็ไม่ได้คำตอบที่ตรงใจซะที ซึ่งคนที่คิดแบบนี้มีเยอะมากในโลก เมื่อเจอวิธีค้นหาคำตอบด้วยตนเองที่ไวที่สุด ถูกที่สุด ประหยัดสุดแล้ว ก็รีบลงมือทำเถิด ไม่ต้องไปเสียเวลาหาคำตอบที่ไหนอีกเลย
ด้วยความเคารพ
หยุดสงสัย และ ตั้งใจปฏิบัติ
#17
โพสต์เมื่อ 23 January 2008 - 02:24 AM
สาธุๆๆ
#18
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 11:32 PM
ความสงสัย เป็นธรรมองค์สุดท้ายของการบรรลุธรรม เป็นพระอรหัน ละความสงสัย ทิ้งได้เสียแล้ว ได้ชื่อว่า เป็นพระอรหันต์ ด้วยเหตุนี้ ผู้ถามถึงได้ตั้งคำถามนี้
การอธิบายให้เป็นที่เข้าใจได้นั้น อธิบายได้ยากยิ่งนัก ยากขนาดไหนนั้น ท่านลองนึกภาพดูว่า ท่านมองเห็นตัวตน จิตใจของท่านได้หรือไม่ ถ้าหากท่าน ยังมองไม่เห็น ท่านนึกภาพไม่ออกหรอกว่า จิตใจของท่านมีรูปร่างลักษณะใด มีความกลม หรือ เป็น รูปทรงต่างๆ มันยากแก่การคาดเดา สำหรับมันสมองที่มีในกายของมนุษย์ พระพุทธองค์ ทรง ห้าม คิดไว้สี่ อย่าง เพราะความคิดในสี่อย่างแบบนี้ จะทำให้เป็นคนบ้าได้ ( สี่อย่างที่ว่านี้ ข้าพเจ้าไม่ขอกล่าวในที่นี้ เพราะมีรายละเอียดมากเกินการอธิบายให้กระจางได้หมด )
หลวงพ่อท่านไม่ได้สร้าง ร ร อนุบาลไว้หลอกใครๆหรอกครับ ในทางกลับกัน ที่ตรงกันข้าม ท่านมีความเมตตา มากกว่าคำว่า จะหลอกใครๆได้ เพราะความรักของท่านที่มีต่อเพื่อนมนุษย์นั้น ได้ชื่อว่ารักแท้ ยิ่งกว่าคำว่า เพชรแท้ เพราะอาศัย สิ่งเชื่อปนเป็นองค์ประกอบ
ความรักเช่นนี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัส นามว่า พระเมตตา และความเชื่อต่างๆ เป็นเหมือนปากทางที่นำเราไปสู่ ปากเหว และ ทางรอด จงอ่อนน้อมต่อพระรัตนตรัยให้มากๆ แล้วทุกๆคำตอบจะรอท่านอยู่ตรงนั้น ปลายทาง ถ้าหากสงสัย ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ขอท่านจงมองดูภายใจใจของท่านเถิด ความสงสัยอยู่กับใจของเราในทุกๆเรื่องที่สงสัย คำตอบที่ดีที่สุด คือ ไม่มีความสงสัย เพราะความสงสัย ไม่มีตัวตน และมีตัวตนอยู่จริง ดังเช่น ความสุข ของพระนิพพาน และ ทุกๆคำสอนของ คุณครูไม่ใหญ่ ได้ชื่อว่า เป็นมหาขุมทรัพย์ ของผู้มีปัญญา พระคุณที่คุณไม่ใหญ่มีต่อมนุษย์ด้วยกันนั้น ข้าพเจ้า ไม่สามารถบรรยายได้หมด เพราะมีมากมายเกินพรรณนา เพราะคุณครูไม่ใหญ่เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่งในอนาคตชาติ ในหลายๆพระองค์ อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อใดที่ท่าน เข้าถึงธรรมด้วยใจของท่านเอง
ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวเกินความเป็นจริง เพราะความจริง คือความจริง ใครก้อตามได้ทำบุญร่วม ตามที่ท่านได้บอกบุญ ไว้ ท่านมั่นใจได้เลยว่า ท่านเป็นบุคคลผู้หนึ่งที่ มีความปลอดภัย หลังเวลาเปลี่ยนภพภูมิ คือ ชีวิตหลังความตายที่เรากำลังเดินทางไปหาอยู่ทุกขณะเวลา
ขอธรรมะทั้งหลาย จงเติบโตวัน โตคืน ภายในจิตใจของท่านทั้งหลายเถิด สาธุ