ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระของขวัญ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 อริย 072

อริย 072
  • Members
  • 440 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 06:34 PM

พวกเรามาทำความรู้จักพระของขวัญวัดปากน้ำ ของพระเดชพระคุณหลวงปู่กันนะจ๊ะ จะได้ไม่ชะ-เอยไง
อีกอย่าง ใครอยากได้มาบูชา มีหนทางน๊า..
ได้บุญด้วย ติดต่อผู้ประสานงานนะ


พระของขวัญ

พระวัดปากน้ำรุ่น 1-3 ชื่อว่า “พระของขวัญ” ในวงการฯ นิยมเรียกว่า “รุ่นแรก” เพราะรูปทรงและพิมพ์ที่ใช้คือแม่พิมพ์เดียวกันหมด เป็นพระรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากะทัดรัดสวยงามน่ารัก หลวงพ่อสดท่านทำขึ้นมาเพื่อสมนาคุณแด่ผู้บริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่วัดปากน้ำในสมัยที่หลวงพ่อสด เป็นเจ้าอาวาสอยู่

พระรุ่น 1 นั้นสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2493 จำนวน 84,000 องค์ ทำบุญ 25บาท เป็นอย่างน้อย (อย่างมากเท่าใดก็ได้) จะได้รับพระจากหลวงพ่อสด 1 องค์ จะบริจาค พัน หมื่น แสน ก็ได้เพียงองค์เดียว เพราะหลวงพ่อสดท่านยึดถือว่า พระมีราคามากกว่าเงิน พระวัดปากน้ำไม่มีการแจกฟรี!

การปลุกเสกพระวัดปากน้ำ ไม่เหมือนที่อื่นๆ ไม่มีการเชิญเหล่าท่านคณาจารย์มาร่วมปลุกเสก แต่อาศัยบุคคลในวัดที่ได้วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นฆราวาส ภิกษุ ก็ตามแต่ มีข้อบังคับคือต้องเป็นคนของวัดเท่านั้น เมื่อสร้างแล้วก็ทยอยปลุกเสก เป็นต้นว่า พระที่เสร็จแล้ว 100 องค์ก็ปลุกเสก แล้วก็นำออกแจก 100 องค์ ต่อมาเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำมาปลุกเสกแล้วทยอยแจก ลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ เป็นลูกโซ่

พระของขวัญรุ่น 1
ปลุกเสกนานถึง 4 เดือน เพราะอยู่ในช่วงของการเข้าพรรษาพอดี การปลุกเสกไปแจกไปนั้น หมดที่องค์สุดท้ายเมื่อ พ.ศ.2495 พระรุ่น 1 นี้ความสวยงามของพระนั้นเป็นที่นิยมในหมู่คุณแม่บ้าน และสาวๆ ทั่วไปที่ทำมาค้าขาย

พระของขวัญรุ่น 2

เมื่อพระรุ่น 1 ได้แจกไปนั้น เมื่อเด็กๆ และคุณแม่บ้านนำไปคล้องกัน เมื่อเวลาอาบน้ำแล้วเกิดเนื้อของพระเปื่อยยุ่ยฟองฟูขึ้น จึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้หลวงพ่อสดท่านทราบ จากนั้นหลวงพ่อสดจึงแก้ปัญหาโดยนำน้ำมันตั้งอิ๊วมาทาที่องค์พระเพื่อกันเปื่อยยุ่ยฟองฟู แล้วนำแจก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่ารุ่น 2 แท้ที่จริงก็คือรุ่น 1 นั่นแหล่ะ ในวงการฯ จึงได้ตัดสินว่าให้เรียก รุ่น 1-2 เป็นรุ่นแรก

พระของขวัญรุ่น 3
พระรุ่น 3 นี้สร้างเมื่อ พ.ศ.2499 จำนวน 84,000องค์ พระรุ่น 3 แบ่งออกเป็น 2 พิมพ์ใหญ่ๆ คือ พิมพ์ตื้นและพิมพ์ลึก
พระพิมพ์ตื้น เป็นแม่พิมพ์ที่เคยกดพระรุ่น 1 มาก่อน และพิมพ์นี้สร้างก่อนพิมพ์ลึก แม่พิมพ์ตื้นนี้ดังที่กล่าวมาในขั้นต้นว่าเคยใช้กดรุ่น 1 มาก่อน ท่านเก็บแม่พิมพ์ไว้แล้วนำมากดรุ่น 3 เนื่องจากเก็บเอาไว้นาน ฝุ่นเกาะและมีคราบน้ำมันอยู่หนาแน่นมาก ประกอบด้วยหลวงพ่อสดท่านได้ปรับปรุงสูตรเพื่อกันพระเปื่อยยุ่ย โดยการใส่น้ำมันตั้งอิ๊ว

หลังจากที่กดพิมพ์ตื้นได้จำนวนหนึ่ง ด้วยความเก่าแก่ของแม่พิมพ์เกิดหักชำรุด เณรที่ทำหน้าที่กดจึงมาเรียนต่อหลวงพ่อสด จากนั้นหลวงพ่อจึงสั่งให้แกะพิมพ์ใหม่ ไม่ให้จำเจแบบของเก่า และนี้ก็เป็นปฐมเหตุที่เกิดพิมพ์ลึกขึ้นมานั่นเอง จากหลักฐานของวัด พระรุ่น 3 ได้แจกหมดไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2514 คือหลังจากหลวงพ่อสดมรณภาพไปแล้วนั่นเอง

และสรุปได้ว่า พระวัดปากน้ำที่หลวงพ่อสดท่านสร้างและปลุกเสก มีเพียง 3 รุ่น คือ 1, 2 และ 3 เท่านั้น เพราะแจกพระรุ่น 2 ได้เพียง 2 ปีกว่า หลวงพ่อท่านก็มรณภาพลงใน พ.ศ.2502

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระวัดปากน้ำรุ่น 1 ถึงรุ่น 3 ชื่อ “พระของขวัญ” ส่วนรุ่น 4 ชื่อ “พระธรรมขันธ์” รุ่น 5 เรียก “พระธรรมกาย” ส่วนรุ่น 6 ชื่อ “พระไตรปิฎกหินอ่อน” ได้พิมพ์ปฐมฤกษ์ เมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ.2532 ซึ่งทำแจกแด่ผู้ที่สมทบทุนบริจาคทรัพย์สร้างพระไตรปิฎกหินอ่อน, พระมหาวิหารและพระมหาเจดีย์ ผู้ใดที่มีพระรุ่นนี้ หากตกที่นั่งลำบากให้เพ่งไปที่องค์พระจนติดตาแล้วอาราธนาขอพรให้คุ้มครองพร้อมกับภาวนาว่า “สัมมาอะระหัง” แล้วความปาฏิหาริย์จะบังเกิดขึ้น

ส่วนผสมมวลสารของพระวัดปากน้ำรุ่นแรกเท่าที่มีดังนี้

ปูนขาว จากเปลือกหอยทะเล
ดอกไม้บูชาพระ เมื่อแห้งนำมาบดให้ละเอียด
กล้วยน้ำว้า
เส้นเกศาของหลวงพ่อสดที่ปลงเก็บเอาไว้
ผงวิเศษที่หลวงพ่อสดจัดทำขึ้นเอง
น้ำมันตั้งอิ๊ว


ตามประวัติพระรุ่นแรกใส่ผงวิเศษและเกษรดอกไม้มากเกินไป พระจึงเป็นเนื้อเปื่อยยุ่ยเมื่อโดนน้ำ ระบบการกดพิมพ์ยังใช้การกดแบบแรงมือมิใช่ใช้แบบกระเดื่องอย่างในปัจจุบันนี้
เม็ดสีขาวขุ่น เข้าใจว่าเป็นเม็ดของปูนขาวที่มีขนาดเล็กๆ รอดหลุดลงไป ส่วนเม็ดสีขาวใสอมเหลือง คาดว่าคงจะเป็นเม็ดของข้าวสุกตากแห้งบดละเอียดผสมใส่ลงไป จุดสีดำเล็กๆ และสีน้ำตาลนั้นทั้งอ่อนและแก่ เข้าใจว่าคงจะเป็นดอกไม้แห้งบดละเอียดผสมลงไปซึ่งมีทั้งดอกและใบรวมถึงก้านช่อ
ข้อสังเกตอีกประการในการดูพระวัดปากน้ำรุ่นแรกโดยทั่วไปคือการทรุดตัวที่มุมขอบด้านบน และบางองค์พบว่ามีรอยของมีคมสับลึกทั้งด้านซ้ายและขวา
ลักษณะโดยทั่วไปเป็นพระปางสมาธิ “ปฐมเทศนา” หรือบางท่านเรียกกันว่า “ปางดีดน้ำมนต์” มีฐานบัวหงาย-คว่ำ 2 ชั้น
ด้านหลังมีอักขระขอมกดลึกลงไปอ่านได้ความว่า “พระธรรมขันธ์” หมายถึง 1 องค์ เท่ากับ 1 พระธรรมขันธ์ มีจำนวน 84,000 องค์
ขนาดองค์พระกว้างประมาณ 1.5 ซม. ส่วนสูง 2.2 ซม. ความหนาอยู่ในระหว่าง 4-7 มม.
เนื้อพระสีขาวที่เรียกกันว่า “เนื้อปูนปั้น” คือมีปูนขาวจากเปลือกหอยทะเล และส่วนผสมอื่นๆ อีก แต่น้อยกว่า “ปูนขาว”

พระรุ่น 1 นั้นทำไมแบ่งออกเป็นหลายๆ ใน 1 รุ่น ?
ในยุคที่หลวงพ่อสดยังอยู่ท่านให้บูชาคนละองค์เดียว อย่างที่เรียนให้ทราบไปแล้ว หลังจากที่หลวงพ่อสดท่านมรณภาพไปนั้นก็ได้เปลี่ยนกติกาใหม่ โดยให้พระและชีนำพระของขวัญที่เหลือออกจำหน่าย โดยที่โยมๆ ต้องบริจาคทรัพย์ทอดกฐินหรือผ้าป่า ตามวงเงินที่กำหนดไว้

พระรุ่นลองพิมพ์
การที่เกิดรุ่นนี้ก็เพราะในครั้งแรกๆ หลวงพ่อสดได้ให้ลงมือกดพระแล้วลองดูซิว่ามีความสวยงามขนาดไหน ผู้ที่จะมีพระรุ่นนี้ส่วนมากจะเป็นพระที่บวชอยู่ที่วัดปากน้ำนี้เป็นส่วนมาก

พระรุ่นตกค้าง
พระรุ่นตกค้างนี้คือพระที่สร้างพร้อมๆ รุ่น 1 และ 2 ผ่านการปลุกเสกแล้วแต่ไม่นำเอาออกมาปลุกเสก เพราะลักษณะของพระนั้นไม่สวยงาม บิดเบี้ยว บิ่นเป็นกระเทาะบ้าง หลวงพ่อสดท่านสั่งให้แยกเก็บเอาไว้ แล้วเก็บเอาไว้ในกุฏิของท่าน ล้วนแต่เป็นพระที่ยังไม่ได้จุ่มแชแล๊คทั้งหมด จนกระทั่งหลวงพ่อสดมรณภาพไปแล้ว เมื่อทำการเก็บของท่าน จึงได้พบพระจำนวนนี้ หลังจากนั้นทางวัดจึงนำออกมาให้บูชาเพื่อนำเงินมาบูรณะวัด เพราะขณะนั้นพระรุ่น 1-2 หมดลงเสียแล้วหลายปี ดังนั้นจึงเรียกพระรุ่นนี้ว่า “พระวัดปากน้ำ รุ่นตกค้าง” แท้จริง ก็คือรุ่น 1-2 นั้นเอง ลักษณะก็คล้ายรุ่น 1-2 ไม่ผิดเพี้ยน

หากจะถามว่าแล้วพระรุ่น 3 ไม่มีตกค้างบ้างเลยหรือ มีเหมือนกัน แต่ทางวัดได้นำเก็บเอามาผสมในรุ่น 4 หมดแล้ว โดยปฏิบัติเป็นลูกโซ่ อาทิเช่น นำพระรุ่น 1 ที่ชำรุดมาตำแล้วผสมกันเป็นรุ่น 2 ล้างพระรุ่น 2 ที่ชำรุดที่นำมารวมกับพระรุ่น 3 ปฏิบัติเช่นนี้ตลอด


จากหนังสือ “รวมพระวัดปากน้ำ”
ที่มา : DMC.TV

--------------------------------------------------------------------------------

ไฟล์แนบ



#2 Soldier Class One

Soldier Class One
  • Members
  • 130 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 09:25 PM

โอ้ โฮ สา........ธุ ครับ
แต่ดูนี่ ก็ได้นะ http://www.dmc.tv/pa...07-04-20-1.html

เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม


#3 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 09:29 PM

อาราเล่บอกว่า.. O.. O.. O.. K.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#4 อริย 072

อริย 072
  • Members
  • 440 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2008 - 10:54 PM


ขอบคุณ คุณ ทุก1 ชมฯ จ้า
ก็อ่านมาจากที่คุณ Link มานั่นแหละจ้า ที่เดียวกัน
แต่เวลาดึงมาเป็นกระทู้
มันจะ Search หาได้ง่ายขึ้นน่ะจ้ะ

บางทีอ่านอะไรดีๆ คิดถึงเพื่อนในกระทู้จะไม่มีเวลา
...ก็ดึงมาให้อ่านง่ายๆอีกอย่างนะ
...
เผื่อให้ข่าวบุญแก่ คนใหม่ๆ ที่สนใจเรื่องพระ Search หาผ่าน google อะไรงี้
อาจได้ข่าวบุญอันประเสริฐ์ แถมไปด้วยไงจ๊ะ

อ้อ คุณเด็กหน้าใสฯ โอเค อะไรจ๊ะ
อาราเร่ ในเพลง เขาว่า10 โกฏิ..ไม่ใช่หรือ 555


#5 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 08:36 AM

สาธุ ครับ

#6 Bamboleo

Bamboleo
  • Members
  • 31 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 10:42 PM

สาธุค่ะ ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ

#7 PM.CYP 072

PM.CYP 072
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 November 2008 - 06:14 PM

Sathu

แก่แล้วค่อยบวช...แล้วคุณแน่ใจหรือครับว่าจะมีชีวิตจนถึงแก่..พรุ่งนี้อาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้

แก่แล้วค่อยบวช...แล้วคุณแน่ใจหรือครับว่าเมื่อแก่แล้วยังจะมีศรัทธาอยากบวชอยู่อีก

แก่แล้วค่อยบวช...โอกาสที่จะปฏิบัติธรรมก็เหลือน้อย..ไม่นานก็ตาย

 
 อยากบวชจงรีบบวช เมื่อบวชแล้วปฏิบัติตนให้คุ้มค่าที่ได้บวช..