"วิชาโทรจิต" ของมนุษย์ต่างดาว
#1
โพสต์เมื่อ 11 January 2007 - 01:23 PM
"วิชาโทรจิต" เป็นความสามารถตามธรรมชาติที่แต่เดิมมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งปวง โดยการใช้โทรจิตนี้ผู้ใช้จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึก หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้ โดยต้องเป็นสภาวะแห่งจิตสำนึกที่ตื่นตัว หรือสภาวะที่ทำให้ใจเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล"
"โทรจิตจึงเป็นความรู้แห่งจักรวาลที่มีพรมแดนที่กว้างขวางยิ่ง"
หลักทฤษฎีโทรจิตที่ได้รับถ่ายทอดมานั้น มีอยู่ด้วนกัน 4 ข้อ คือ
1.จะต้องพิจารณาว่า "มหาสากลจักวาล" เป็นองค์แห่งจิตสำนึกอันหนึ่ง
2.สรรพสิ่งทั้งหลายรวมทั้งมนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในมหาสากลจักรวาลนี้ล้วนเป็นร่างที่แบ่งภาคออกมาจากองค์แห่งจิตสำนึกอันนี้ทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงเป็นเรื่อง
ธรรมดาที่มนุษย์แต่ละคนจะมีจิตสำนึกแห่งจักรวาลดำรงอยู่ในตัว
3.จิตสำนึกแห่งจักรวาลอันนี้เป็นทั้งพลังชิวิต เป็นทั้งปัญญา และเป็นความรู้ในสรรพสิ่งอีกด้วย
4.หากสามารถผนึกใจของตัวเองให้แนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกอันนี้ได้ จิตสำนึกอันนี้ จะเป็นตัวจับและรับกระแสคลื่น ที่มาจากภายนอกพร้อมกับส่งต่อข่าวสารนั้นให้กับจิตของมนุษย์คนนั้น
ดังนั้น "ความคิด" ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้ ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา
ในอีกด้านหนึ่ง ตัวจักรวาลหาใช่เป็นสิ่งที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลนั้นไม่ การกระทำของสรรพสิ่งต่างๆในจักรวาลต่างเป็นศูนย์กลางโดยตัวมันเองต่างหาก ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะทุกสรรพสิ่งในจักรวาลถูกสร้างขึ้นมาโดยปฐมเหตุของจักรวาล ดังนั้น รังสีที่เปล่งออกมาจากการกระทำใดๆของสรรพสิ่งนั้นๆ จึงกระจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ด้วยเหตุผลเช่นนี้
เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอันในร่างกายตนเองได้ด้วย
ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์ เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์ บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา...
คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง
1.สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง เหล่านี้ ไหลเขามาสู่ตัวเรา
2.พวกคลึ่นความคิดชั้นต่ำที่ถูกปล่อยออกมาจากดาวดวงอื่น ที่มีวิวัฒนาการล้าหลังกว่าโลกของเรา ก็เป็นคลื่นที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ
3.คลื่นความคิดที่ปล่อยออกมาจากความทรงจำของชาวโลกที่เคยอาศัยอยู่บนโลกในอดีต ส่วนใหญ่เป็นคลื่นความคิดที่แตกแยกไม่ปรองดองกัน และอกุศล
มักทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่ความจริงเป็นแค่คลื่นความคิดของผู้ตายที่ยังหลงเหลืออยู่ในอวกาศเท่านั้น
คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา
1.พลังชีวิต (ปราณ) ของจักรวาลที่ไหลเข้ามา เป็นพลังภายในที่บริสุทธิ์ เป็นทั้งปัญญาแห่งจักรวาลภายในตัวด้วย สามารถแทรกซึมเข้าสู่ทุกสรรพสิ่งได้อย่างเสมอภาค ไม่ลำเอียง ปัญญาและความรู้ที่บริสุทธ์ จึงมักเข้าไปใกล้ผู้ที่ถ่อมตัวและมีจิตใจปิดกว้าง มากกว่าคนใจแคบ
มิใช่เพราะว่าปัญญาและความรู้ลำเอียง แต่เป็นเพราะคนที่ใจแคบนั้นมีความสามารถในการรับปราณหรือพลังจักรวาลน้อยกว่าคนใจกว้างต่างหาก
2.คลื่นความคิดจากรูปธรรมชั้นสูง ทั้งจากในโลกนี้และที่มาจากดาวดวงอื่นที่มีวิวัฒนาการทางจิตสูงกว่าโลกของเรา คลื่นความคิดนี้เปี่ยมไปด้วยความรักความหวังดี และเป็นประโยชน์ต่อชาวโลก
3.การสื่อสารไปมาระหว่างเซลหรืออะตอม จากสรรพสิ่งธรรมชาติรอบๆตัวเรา ด้วยภาษาร่วมหรือภาษาจักรวาลที่เป็นสากล
อนึ่งมีข้อห้ามพึงระวังในการฝึกโทรจิตก็คือ ผู้ฝึกจะต้องไม่ปล่อยคลื่นความคิดที่เป็นอกุศลใดๆ ออกมาเป็นอันขาด แต่จะต้องสร้างความรู้สึกที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวก้บสรรพสิ่งให้ได้
วิธีฝึกโทรจิตของ"อดัมสกี้"ที่เป็นรูปธรรม มีดังนี้ครับ...
ก่อนอื่นผู้ฝึกจะต้องตระหนักถึงปัจจัย 3 ประการในการฝึกโทรจิต คือ
หนึ่ง ในการสัมผัสคลื่นความคิดที่เข้ามาจากข้างนอก จะต้องไม่มีการแบ่งแยกเกิดขึ้นระหว่างใจของเรากับผู้ที่เราต้องการสื่อสารด้วย
สอง สรรพสิ่งล้วนมีชีวิต เซลล์แต่ละอันไม่เพียงแต่ให้พลังชีวิตเท่านั้นแต่ยังมีปัญญาดำรงอยู่ในตัวด้วย เซลล์แต่ละอันจึงสามารถรับข่าวสาร และปล่อยข่าวสาร ที่เป็นประสบการณ์ของตนออกไปได้
สาม ผู้ฝึกต้องควบคุมเซลล์ในร่างกายของตนโดยผ่านการตอบสนองของประสาทสัมผัสทั้ง 4 ในร่างกายของตน โดยทำให้อวัยวะแต่ละส่วน "เป็นกลาง" เสียก่อน
วิธีฝึก
1.ทดลองส่งโทรจิตระหว่างคนสองคน โดยเริ่มจากการอยู่ในห้องเดียวกันก่อน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มระยะห่างระหว่างคนสองคนให้ไกลออกไปเรื่อยๆ
-โดยผู้ส่งจิตจะต้องวาดภาพ หรือจินตการภาพที่จะส่งออกไปขึ้นไว้ในใจก่อน แล้งลองส่งออกไป
-ส่วนผู้รับโทรจิตก็ต้องมีสมาธิคอยรับด้วยท่าทางและจิตใจที่ผ่อนคลาย ก่อนจะบอกคำตอบออกมา ถ้าทดลอง 5 ครั้ง แล้วตอบถูกเกิน 3 ครั้งขึ้นไปถือว่าใช้ได้
2.ทดลองรับคลื่นโทรจิตจากสี่งของใกล้ๆตัวของใครคนหนึ่ง เช่นทายราคาของสินค้าอันนั้น (เนื่องจากอะตอมของสิ่งของนั้น ได้รับข่าวสารจากผู้เป็นเจ้าของมาก่อนแล้ว) จะทายข้อความในจดหมาย หรือทายไพ่ก็ย่อมได้..
3.ฝึกโยนเหรียญ และออกคำสั่งให้เหรียญนั้นออก"หัว"หรือ"ก้อย" เมื่อตกลงพื้น โดยตอนออกคำสั่งนั้น ต้องแสดงความปรารถนาและจิตนาการให้ตัวเองแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเหรียญเสียก่อน นอกจากฝึกกับเหรียญแล้ว ทดลองฝึกกับลูกเต๋าก็ได้..
4.ฝึกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพื้นน้ำ หากมีโอกาสไปยืนที่สูงๆเหนือแม่น้ำ ทะเลสาบ บึง หรือเหนือทะเลกว้างๆ ลองจิตนาการให้ตัวเองแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคลื่นน้ำ เราจะได้สัมผัสความรู้สึกที่เย็นสดชื่นยิ่งขึ้น
การพัฒนาความสามารถเชิงโทรจิตในตัวเรานั้น จำเป็นจะต้องฝึกฝนและฝึกฝน ๆ ๆ ในทำนองที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ หากมีใครทดลองฝึกแล้วยังไม่คืบหน้า นั่นย่อมแสดวว่า "อัตตา"(EGO) ของผู้ฝึกนั้นแรงไปนั่นเอง และปัจจัยความ เหนื่อยหน่าย เหนื่อยล้า และความเครียด อาจเป็นอุปสรรคของการฝึกโทรจิต
ต้องรู้จักผ่อนคลาย ให้เป็นเรื่องปกติธรรมชาติไปเองในที่สุด...
การใช้วัตถุธาตุ เพื่อสื่อพลังโทรจิต
ชาวแอตแลนติสในยุคราว 40.000 ปีก่อน ได้เคยสร้างปิรามิดเพื่อใช้สื่อสารกับพลังจักรวาล ยังได้ใช้ผลึกคริสตัลมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อการติดต่อ (รับคลื่น-ส่งคลื่น) กับพลังจักรวาลและจิตสำนึกแห่งจักรวาลด้วยวิธีการดังนี้..
ในการรับคลื่นจิตวิญญาณระดับสูง ให้นำผลึกคริสตัลขนาดเล็ก มาวางเบี้องหน้าเราสองก้อน ให้ตัวเรานั่งอยู่บริเวณยอดสามเหลี่ยมของทรงปิรามิด (ให้ตัวเราเป็นผลึกคริสตัลก้อนที่สาม) จากนั้นใช้ลวดทองแดงหนึ่งเส้นพันรอบผลึกคริสตัน 3 รอบ ก่อนจะนำลวดทองแดงนั้นมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง ในท่าหลับตาเข้าสมาธิ..
จากนั้นให้เพ่งจิตและพลังทั้งหมดของเราไปยัง "ผู้ที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย"
ในทางกลับกัน หากเราต้องการที่จะส่งคลื่นออกไป ข่าวสารของเราไปให้กับผู้ใด ก็ให้กระทำในรูปแบบตรงกันข้ามกับข้างต้น คือใช้สองมือเราแทนผลึกคริสตันสองก้อน (เป็นส่วนฐานของรูปสามเหลี่ยม) ในขณะที่ผลึกมีคริสตันเพียงหนึ่งก้อน มาเป็นปลายยอดของสามเหลี่ยมแทน (ตามรูป)
วัตถุธาตุเหล่านี้เป็นสื่อที่สามารถใช้ติดต่อระหว่างธาตุหยาบกับธาตุละเอียด หรือของมนุษย์กับเทวดา และรูปธรรมอื่นๆได้ เป็นเครื่องช่วยสื่อสารให้คมชัดขึ้น...(สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ การโทรจิตจึงเป็นเรื่องที่แพร่หลายมาก)ข้อผิดพลาดของชาวแอตแลนติสในอดีต ส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างไปจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ในปัจจุบันหรอกครับ..คือพวกเขาไม่สามารถควบคุม "อัตตา"(EGO) ของเขาได้ จึงนำพลังอันมหาศาลที่อารยธรรมของเขาได้สร้างขึ้นมา ไปใช้ในทางที่ผิดๆ โดยเฉพาะสงคราม (ขุดหลุมฝังตัวเองแท้ๆ)
ตั้งแต่มนุษย์คิดค้นระเบิดปรมาณูขึ้นมาได้ และนำมาใช้เข่นฆ่าสังหารมนุษย์ด้วยกันเอง เป็นต้นมา จะว่าไปมนุษย์ในยุคนี้กำลังเจริญรอยตามจุดจบของชาวแอตแลนติสแทบทุกกระเบียดนิ้ว และถ้าหากข้อสัษฐานที่ว่าชาวแอตแลนติสมีเชี้อสายจากมนุษย์ต่างดาวเป็นจริง จึงไม่น่าแปลกที่ปรากฎการณ์จานบิน(UFO) จะมาปรากฎให้มนุษย์เห็นกันอย่างถี่ๆ นับแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เพื่อมาเตือนภัยแก่มนุษย์เรา ว่ากำลังเดินไปในทางที่ผิดๆกันอยู่...
การใช้ประสาทสัมผัสจากจักรวาล
มนุษย์ต่างดาวถูกอบรมตั้งแต่เด็กให้เข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกาย กับจิต และการ "ควบคุมใจ" เพราะฉะนั้น "ใจแห่งอวัยวะสัมผัส" ของเขาจึงถูกยกระดับให้สูงส่งระดับเดียวกับ [color="blue"]"ใจของฟ้า" (ปฐมเหตุแห่งจักรวาล) ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมดของพวกเขาสามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเขาจึงแข็งแรง และมีอายุยืนยาวเกินกว่าที่ชาวโลกจะคาดคิดได้เช่นกัน..
ชาวโลกก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่าง เที่ยงธรรม มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า และมีความคิดในเชิงบวก เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน
แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ "ใจ" หรือ "สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย "เท่านั้น ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรง มาเป็นหลักของชิวิต ขณะที่มนุษย์ต่างดาวจะถือว่าจักรวาลเป็นองค์แห่งจิตสำนึก คือพระผู้สร้างหรือพระผู้เป็นเจ้า จึงพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้...(คนที่นับถือพุทธะก็ยึดในหลักความเป็นหนึ่งเดียวกับ "ปฐมเหตุแห่งจักรวาล" ความหมายไม่แตกต่างกัน..)
กระแสคลื่นที่มนุษย์ต่างดาวปล่อยออกมา มีลักษณะเป็น "คลื่นความคิด" ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่น หรือวัตถุอื่น...เช่นเดียวกันกับ "คลื่นความคิดของมนุษย์" เป็นคลื่นที่ส่งผ่านไปในอวกาศได้เช่นกัน แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียวเหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง....
การติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ
http://www.eccentrix.../html/tact.html
#2
โพสต์เมื่อ 11 January 2007 - 07:19 PM
#3
โพสต์เมื่อ 11 January 2007 - 10:36 PM
----------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#4
โพสต์เมื่อ 12 January 2007 - 09:18 PM
#5
โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 01:58 PM
เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี สิ่งที่เราทำย่อมเป็นของเรา ทำทั้งทีทำให้ปลื้ม
#6
โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 07:19 PM
ลูกพระธรรม
#7
โพสต์เมื่อ 18 January 2007 - 02:43 AM
#8
โพสต์เมื่อ 23 February 2007 - 12:29 PM
พระอุทิศกายใจทำไมหนอ
เพียงลำพังพระเองก็สุขพอ
ใยต้องรอผองเราเข้าถึงธรรม
สุนทรพ่อ
I Love You หลายเด้อ
#9
โพสต์เมื่อ 23 February 2007 - 06:44 PM
คราวนี้ลองใช้กับบัตร เติมเงินโดย ปล่อยจากมือ ที่ถือเปนรูป | อ่ะเปนรูปแนวตั้ง ไม่เชื่อตัวเองเรย ไม่กล้าหยิบเลยล่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 02 March 2007 - 07:03 AM
Thank you!
Whitelotus
#11
โพสต์เมื่อ 16 March 2007 - 02:31 AM
เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน
โอวาทพระอาจารย์สุทธิชัย สุทฺธิชโย
ชีวิตที่ผ่านมา เราสามารถคำนวณได้ว่าเวลายาวนานเท่าไร แต่ชีวิตที่กำลังจะก้าวต่อไปนั้นจะยาวหรือสั้น เราไม่อาจรู้ได้ เราจึงควรใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีคุณค่าและให้ได้บุญมากที่สุด
พวกเราลองนึกดูว่าในแต่ละวัน เราใช้เวลาเพื่อการสั่งสมบุญ มากน้อยเพียงไร กิจกรรมใดที่เราคิด พูด ทำ แล้วจิตเป็นกุศล เราได้บุญ แต่กิจกรรมใดที่เราคิด พูด ทำ แล้วจิตเป็นอกุศล เราได้บาปแทน ส่วนกิจกรรมใดที่เราคิด พูด ทำ แล้วไม่เป็น ทั้งกุศลและอกุศล เราไม่ได้ทั้งบุญและบาป เช่น การอาบน้ำ รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย เป็นต้น เราจะพบว่าใน ๒๔ ชั่วโมง เราใช้เวลาเพื่อกิจกรรมบุญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปล่อยเวลาที่เหลือให้สูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย
คุณครูไม่ใหญ่ท่านปรารถนาให้ลูก ๆ ใช้เวลาให้คุ้มค่าและ ได้บุญมาก ๆ ได้บุญตลอดตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน ด้วยการบ้าน ๑๐ ข้อที่ท่านให้ไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ แม้แต่กิจกรรมที่เป็นกลาง ๆ ท่านยังมีกุศโลบายให้เราได้บุญ เช่น ทุกกิจกรรมตั้งแต่ตื่นนอน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร ล้างจาน กวาดบ้าน ออกกำลังกาย ขับรถไปทำงาน ฯลฯ ให้นึกถึงดวงแก้ว องค์พระไปด้วย เป็นต้น
นี่คือความเมตตาของครูไม่ใหญ่ที่คอยหาวิธีการให้ลูกได้บุญ มาก ๆ ให้มีธรรมะสว่างไสว เราในฐานะลูกต้องทำให้ท่านสมหวัง ด้วยการทำการบ้าน ปฏิบัติธรรมให้เห็นพระภายใน และทำความสำเร็จในบุญกฐิน บุญสร้างอาคาร ๖๐ ปีพระราชฯ ภายในพรรษานี้ให้สำเร็จให้จงได้
From “ฟ้าใส Magazine” @ http://www.kalyanami...ndex_clear.html
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#12
โพสต์เมื่อ 30 March 2007 - 02:06 PM
#13
โพสต์เมื่อ 24 April 2007 - 05:46 PM
#14
โพสต์เมื่อ 21 May 2007 - 10:58 AM
#15
โพสต์เมื่อ 21 June 2007 - 11:39 AM
#16
โพสต์เมื่อ 22 June 2007 - 02:19 PM
ว่าแต่ว่าเคยมีใครฝึกอย่างจริงๆ จังๆบ้างมั้ยคะ
บอกกันหน่อยนะ..เหอ..เหอ..จะได้ลองมั่งอ่ะ
"จงอย่าเป็นทุกข์เพราะความหยาบคายของผู้อื่น"
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" "เจตนา..นั้นแหละคือ..กรรม"
"จงทำในสิ่งที่ถูกต้อง..มากกว่าถูกใจ" "ไม่มีสิ่งเลวร้ายใดที่คนพูดโกหกทำไม่ได้"
#17
โพสต์เมื่อ 02 August 2007 - 01:28 PM
#18
โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 10:02 PM
#19
โพสต์เมื่อ 22 December 2009 - 08:50 PM
I ขอสาบาน 3 นิ้ว
เออ เเล้วทำไมมันต้องมีสงครามโลกด้วยละ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเเต่ ปั้งๆๆๆๆตูมๆๆๆ
เเต่เดาๆสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจจะ ไม่มีไครรอด ก็ได้
#20 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 20 December 2010 - 04:36 PM
#21 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 09 October 2011 - 09:30 PM
#22 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 12 October 2011 - 05:57 AM