จะบอกยังไงดีคุณพ่อบอกว่าวัดนี้ไม่ได้ทำบุญด้วยการซื้อบุญ
#1
โพสต์เมื่อ 17 August 2007 - 03:21 PM
#2
โพสต์เมื่อ 17 August 2007 - 03:47 PM
พอฟังเพลงแล้วต้องอธิบายเรื่องการทำทานตามหลักพระพุทธศาสนาให้ท่านฟังครับ หรือจะหาซื้อหนังสือให้ท่านก็ได้ ปูพื้นฐานเรื่องการทำทานเสียก่อน ที่ท่านไม่เข้าใจ เพราะขาดความรู้ ว่าทานคืออะไร บุญคืออะไร
ถ้าคุณพ่อยังติดค้างคาใจเรื่องที่การกำหนดยอดทำบุญ คราวต่อไปจะมาวัด ก็ซื้อดอกไม้มาเองก็ได้ครับ แล้วปัจจัยจะหยอดตู้ทำบุญเท่าไรก็ได้ ส่วนที่ทางวัดจัดไว้ให้นั้น ทางวัดก็มีค่าใช้จ่าย ต้องซื้อดอกไม้ ต้องมีรถไปซื้อ ต้องเติมน้ำมัน ต้องมีเจ้าหน้าที่จัดดอกไม้ เจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้ปัจจัยสี่ เพราะชีวิตมีค่าใช้จ่าย แต่เขาก็จัดให้สาธุชนด้วยความประณีต ทางวัดไม่ได้บังคับ ว่าต้องใช้ดอกไม้จากทางวัดเท่านั้น
ส่วนในเรื่องของกฏแห่งกรรม ตรงนี้สำคัญมาก เราทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ทำไปตามใจชอบ ทำตามความพอใจ อยากใส่มากใส่น้อยตามแต่อารมณ์ เวลาบุญส่งผลก็จะได้แบบนั้นเช่นกันครับ คือเดี๋ยวได้มาก เดี๋ยวได้น้อย แต่โครงการของทางวัดส่วนมาก จะคำนวนค่าใช้จ่ายเอาไว้แล้ว แล้วมาหารแบ่งเป็นส่วนๆ เช่นทำบุญวิหารคด ตารางเมตรละเท่านั้น เท่านี้ ก็คำนวนกันมาแล้วครับ ถ้าบริจาคครบจำนวนเต็มตามนี้ ก็จะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายการก่อสร้างครับ
#3
โพสต์เมื่อ 17 August 2007 - 04:03 PM
#4
โพสต์เมื่อ 17 August 2007 - 04:52 PM
แบบแรก คือ ไทยธรรม ทั่วไปๆ ถวายตามกำลังศรัทธา มีดอกไม้ ธูปเทียน นมกล่องบ้างนิดหน่อย
แบบที่สอง คือ ไทยธรรม ที่มีกำหนดจำนวนเงิน เพราะของที่นำมาถวาย มีความประณีตขึ้น จึงมีราคาสูงขึ้นมา เช่น ผ้าไตรจีวร ผ้าอาบน้ำฝน
ผมว่า นี่เป็นเรื่องปรกตินะครับ เพราะมีทั้งสองแบบพร้อมอยู่แล้ว ไม่ได้มีเพียงแบบใดแบบหนึ่งเพียงแบบเดียว
#5
โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 08:26 AM
เพราะฉนั้นเมื่อเราจะทำบุญ เราก็ต้องใช้เงินเป็นธรรมดา แต่ขอบอกว่าที่วัดพระธรรมกายไม่มีบุญเอาใส่ถุงไว้ขายทีละถุงๆๆแบบนั้น ใครอยากได้บุญก็มาแสวงหาเอาเอง ตามหลักกิริยาวัตถุ10ประการครับ
#6
โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 09:57 AM
ทำบุญด้วยอะไรก็ได้อย่าไปยึดติดว่า ทำด้วยเงินไม่ดี
ก็บางทีเราไม่รู้วัดต้องการอะไร เราก็ให้เป็นเงินไป
เดี๋ยวท่านต้องการอะไรที่จำเป็น ไปใช้ในศาสนา ท่านก็ไปซื้อเอา
มันก็กลายเป็นสิ่งของที่เกิดประโยชน์แล้ว
#7
โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 10:03 AM
#8
โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 01:21 PM
อีกอย่างดอกไม้ของทางวัดเขาเลือกเขาคัดสรรมาเป็นอย่างดี น้องเอาดอกไม้ของทางวัดไปให้คุณพ่อและคนอื่นๆเทียบกับวัดอื่นดูสิแล้วจะเห็นว่าดอกไม้ของเราสวยกว่าเป็นไหน แค่รูปแบบการจัดก็กินขาดแล้ว ของวัดอื่นเอาหนังยางมัดถ้ากำหนดราคา150เหมือนเราบ้านจะมีใครเอาจริงไหมจ๊ะ เหอะๆๆ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#9
โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 01:57 PM
- ประการแรกต้องยืนยันกับเขาเหล่านั้นว่า การทำบุญนั้นต้องทำด้วยแรงศรัทธา ตามกำลัง
- ประการที่สองบอกถึงมุมมองที่ว่า ถ้าเรานั้นเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้สร้างและทำนุบำรุงศาสนสถาน เราควรมีแผนงานระยะสั้นระยะยาว เพื่อให้ความปรารถนาของเราบรรลุโดยง่ายหรือไม่ เพื่อให้เขาเหล่านั้นเข้าใจ
- ดังจะเห็นได้จากศาสนสถานหลายๆแห่งนั้นมีตู้บริจาคตามศรัทธา ไม่กำหนดงานแล้วเสร็จ หากปัจจัยไม่พอแล้วจะสร้างเสร็จเมื่อใด เพราะสาธุชนหลายท่านบริจาคแบบขอไปทีเสมือนมาเลี้ยงเด็กกำพร้านานๆครั้งแล้วไม่ได้ติดตาม สุดท้ายสิ่งปลูกสร้างนั้นก็อาจจะร้าง ไม่ปะติดปะต่อ เพราะอาจไม่มีผู้สืบทอดมาสร้าง
- โครงการของวัดพระธรรมกาย เป็นไปเพื่อประโยชน์ของโลกในปัจจุบันและอนาคต ในอายุขัยอันสั้นของมนุษย์ยุคนี้
- การบอกบุญสำหรับคนใกล้ตัวเรา ที่อธิบายแล้วไม่เข้าใจ เราก็บอกบุญเขาตามปกติ แล้วเพิ่มบุญเขาให้เต็ม บอกกับเขาว่าเราขอร่วมบุญด้วย สักวันหนึ่งเมื่อศาสนสถานนั้นสำเร็จ เราจะพาเขามาให้เขาภูมิใจว่าตอนนั้นเขามีส่วนร่วมด้วย เพียงแต่หวังไว้ว่าเขายังคงรักษาลมหายใจอยู่
#10
โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 02:26 PM
ใกล้เคียงหรือสอดคล้องกับคนอื่นเขาว่าไว้ก็จะสรุปไปว่า เห็นไหมล่ะเหมือนที่เขาพูดไว้ไม่มีผิด ไม่มีเวลาพิจารณาถี่ถ้วน
แล้วเมื่อความเชื่อนี้ฝังใจลึก ต่อให้หาคำอธิบายมาดีอย่างไรก็จะไม่เปิดใจทันที แล้วลูกด้วยเห็นกันมาตลอดจะมาอธิบายดี
อย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ปมทิษฐิ อาจฟังแต่ใจไม่เปิด คนในบ้านเดียวกันมันจะเป็นเหมือนไม่นับถือความคิดกัน
เราจึงไม่ควรอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ การกระทำเรานั่นแหละจะเป็นข้อพิสูจน์ โดยส่วนตัวเคยโดนเหมือนน้องมา
แล้ว พาไปวัดก็ต้องมานั่งตอบมาคำถามสารพัด ก็ไม่พยายามเซ้าซี้อีกแต่เราต้องทำตัวเราให้เห็นว่าวัดเปลี่ยนแปลงตัวเรา
มีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วค่อยๆหาคำอธิบายมาเติมให้ตัวเองมั่นคงก่อนก่อนจะไปตอบใคร มีข้อมูลจนมั่นใจว่า
เราหยิบมาตอบได้โดยไม่ต้องนึกอยู่นานสองนานว่าจะเอาอะไรมาตอบ การทำสมาธิมากๆจะช่วยได้ดีทีเดียว
#11
โพสต์เมื่อ 19 August 2007 - 08:24 PM
#12
โพสต์เมื่อ 19 August 2007 - 09:22 PM
เอ.........หรือว่าจุดอื่น
#13
โพสต์เมื่อ 20 August 2007 - 10:09 AM
ใช่ครับ..... ถ้าคิดว่าการจ่ายเงินออกไป คือ"การซื้อ"
แต่..... การจ่ายเงินค่าขนม-อาหารให้หนูไปโรงเรียน จะเรียกว่าซื้ออะไรดี ?
เมื่อหนูทำงานมีรายได้ แล้วหนูจ่ายเงินให้คุณพ่อ-คุณแม่ผู้มีอุปการะเลี้ยงดูหนูมา
โดยตั้งเป้าหมายว่าจะจ่ายให้ท่านเดือนละ 3,000 บาท จะเรียกว่าซื้ออะไรดี ?
จะเห็นได้ว่าการจ่ายเงินในบางกรณีแม้จะมีกำหนดกฏเกณฑ์ ก็ไม่ใช่การ"ซื้อ"
การตั้งกำหนด คือการตั้งเป้าหมาย เพื่อที่ใช้เป็นจุดหมายที่จะทำให้เป็นผลสำเร็จ
แต่เมื่อทำเต็มที่แล้ว ยังไม่สามารถทำได้ตามเป้า เราจะได้หาเหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใด ?
"ทำบุญเต็มกำลังศรัทธา" ต่างกับ "ทำบุญตามกำลังศรัทธา"
#14
โพสต์เมื่อ 20 August 2007 - 10:25 AM
ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คืออย่าจับไฟอย่าเล่นกับไฟ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคือ...อย่ารัก...
#15
โพสต์เมื่อ 20 August 2007 - 10:40 AM
#16
โพสต์เมื่อ 20 August 2007 - 02:35 PM
แต่ขอขยายความนิดนึง การซื้อ เราจะใช้ กับกรณี มีการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการกัน ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีเงินตรา สำหรับเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เขาก็ใช้ สินค้านั้นแลกเปลี่ยนกันจริงๆ เช่น เอาปลา3ตัว แลกข้าว1หม้อ เป็นต้น
ต่อมามีการใช้เงินตราเป็นสื่อกลาง เพื่อตีค่าราคาสินค้าหรือบริการนั้น จึงเรียกว่ามีการ"ซื้อ-ขาย" เกิดขึ้น
การให้ โดยไมไ่ด้ สินค้าหรือบริการเป็นการตอบแทน เราเรียกว่า ให้(เฉย) เช่น พ่อแม่ให้เงินลูก ลูกให้เงินพ่อแม่ การทำบุญ ให้ทาน เป็นต้น
ส่วนถ้ามีสินค้าหรือบริการเป็นสิ่งตอบแทนจึงเรียกว่า ซื้อ-ขายครับ
บางอย่างมันต้องตีความนิดนึงว่าเป็นการให้ (ทาน) หรือว่า ซื้อ-ขาย เช่น ซื้อพระสมเด็จ ราคาองค์ละ 1 ล้านบาท หรือ ทำบุญ 1 ล้านบาท แล้วทางวัดให้พระสมเด็จมาเป็นที่ระลึก(ถึงบุญ) 1 องค์
จะเห็นว่า 2 อย่าง คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันนะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 21 August 2007 - 01:34 PM
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม