กระทู้นี้ ของมีประสบการณนั่งธรรมะดีๆ มาแบ่งปันกัน
#1
โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 07:44 PM
แต่เดี๋ยวนี้ หายแล้ว
มาเอาบุญธรรมทาน แบ่งปันประสบการณ์การนั่งกันหน่อยดีไหม..
คนที่มีปัญหา ก็จะได้นำวิธีไปทดลอง...ใช้บ้าง เผื่อได้ผล
เอ้า..
ใครมีประสบการณ์ส่วนตัวที่แก้ไขได้แล้ว
หรือแม้ไม่ได้ยังไง
เล่าให้ฟัง กันหน่อยสิจ๊ะ จะได้ยกชั้น..
....
#2
โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 07:46 PM
แต่เดี๋ยวนี้ หายแล้ว
มาเอาบุญธรรมทาน แบ่งปันประสบการณ์การนั่งกันหน่อยดีไหม..
คนที่มีปัญหา ก็จะได้นำวิธีไปทดลอง...ใช้บ้าง เผื่อได้ผล
เอ้า..
ใครมีประสบการณ์ส่วนตัวที่แก้ไขได้แล้ว
หรือแม้ไม่ได้ยังไง
เล่าให้ฟัง กันหน่อยสิจ๊ะ จะได้ยกชั้น..
....
#3
โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 08:27 PM
เรายังอ่อนด้อยนัก.. รอพี่สาวเรามาเล่าละกันเด้อ..
แวะมาอุ่นแสงตะวัน(ที่อยู่ภายใน)จากเจ้าของกระทู้อ่ะ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#4
โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 08:28 PM
ถ่ายทอดประสบการณ์ภายในจากการปฏิบัติภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย
เชิญโหลดไปอ่านนะจ๊ะ...ดีจริงๆ ขอบอก ขอบอก
ไฟล์แนบ
#5
โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 09:58 PM
เลยขอแจมนิดนึงละกัน แต่ขอแบบอ้อมๆนะ.. เพราะมันเป็นนอกรอบและโดยบังเอิญน่ะ..
คือจะบอกว่า.. เวลาที่เพื่อนสมาชิกจะตอบกระทู้..
หรือจะทำอะไรน่ะ.. ลองเอาใจมาตั้งที่ศูนย์กลางกาย..
แล้วตั้งใจตอบให้ดี.. โดยยึดประโยชน์ของพระศาสนา หมู่สงฆ์ และหมู่คณะ..
โดยนอกจากอาศัยพระไตรปิฎก และตำราต่างๆแล้ว..
สิ่งที่ไม่มีในนั้นก็ลองยึดมาตรฐานการตัดสินใจของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก..
แล้วตัดสินใจ หรือตอบออกไป.. นอกจากจะได้คำตอบที่ดี เป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากแล้ว..
บางครั้งที่อานิสงส์แรงจริง.. สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ..
ใจจะเกาะเกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธรรมกายแทบจะตลอดเวลา..
ทั้งหลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน.. กายมหาบุรุษชัด กระจ่าง สง่างาม ยิ่งนัก..
ส่วนจะเห็นท่านเป็นสีอะไร.. เนื้อวัสดุอย่างไรนั้น.. เข้าใจว่าแล้วแต่จริต หรือความคุ้นเคยของแต่ละคน
ที่เหลือก็คงพอจะรู้กันแล้วว่าต้องทำอย่างไรต่อ.. (เพราะเราก็ยังแบเบาะอยู่ ถามท่านอริย 072 ดีที่สุด)
ส่วนจะเห็น จะรู้สึกแบบนี้ไปนานเท่าไร.. ก็อยู่ที่ความใส่ใจของแต่ละคนแล้ว..
ส่วนเราเหรอ.. เนื่องจากมีเรื่องบ้าน งาน เงิน ให้วุ่นวายใจอยู่เนืองๆ..
ใจยังเกาะเกี่ยวอยู่แทบตลอด.. แต่การเห็นอาจไม่ชัดเท่าก่อนหน้านี้.. ที่ต้องบอกว่าโคตรชัดเลย..
แต่ก็ยังมีบางครั้ง บางอารมณ์ที่สบายๆ.. ก็ยังเห็นชัดได้..
เป็นเรื่องแปลกที่เราเจอมากับตัวเอง.. เลยเอามาเล่าให้ฟัง..
แต่เราก็ยังไปไม่ถึงไหนนะ.. มีแต่ความเพียร.. ต้องคนตั้งกระทู้น่ะ สุดยอดของจริง.. อีกคนก็พี่สาวเรา..
ส่วนข้อดีอีกอย่างของการทำอะไรแล้วเอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย..
ที่เรารู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวกันคือ..
ของบางอย่างที่เราไม่ชำนาญ.. พอเอาใจมาไว้กลางกายแล้วลงมือทำ.. มันก็ทำได้..
ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวที่เพิ่งผ่านมาก็.. กลอน..
ที่เราไม่ได้แต่งมานานมากๆแล้ว (เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะแต่งเยอะ แค่ชอบเรียนวิชาภาษาไทยเท่านั้น)
โดยเฉพาะกลอนที่ไม่ใช่กลอน ๘ แต่งนับครั้งได้เลยชีวิตนี้..
แต่พอเราทำอย่างที่บอก.. ดันแต่งได้เฉยเลย.. ยัง งง ตัวเองอยู่เลย..
คือ Input ที่เป็นเรื่องราวน่ะ.. พอจะมีอยู่แล้ว.. แต่ Process กับ Output นี่.. ไม่เชื่อตัวเองเลย..
แค่ลองแต่งเล่นๆโดยมีใจที่วนเวียนกับมหาปูชนียาจารย์เท่านั้นเอง.. ได้เฉยเลย..
อีกอย่าง.. จะบอกว่าที่เราตอบกระทู้ธรรมมะหลายๆกระทู้น่ะ.. ก็ทำแบบนี้แหละ..
เชื่อไหมว่า.. บางกระทู้ บางครั้ง นั่งพิมพ์ตอบๆอยู่เนี่ย.. ก็เห็นกายมหาบุรุษชัดแจ่มกระจ่างเลย..
บางกระทู้ไม่ค่อยสันทัด.. แต่ก็ดันตอบได้ดีในระดับหนึ่ง.. และเป็นประโยชน์..
อีกอย่างนะ.. (หลายอย่างจริงวุ้ย..) วิธีนี้.. เป็น Indicator ที่จะบ่งบอกได้เลยว่า..
คำตอบที่ตอบออกไปนั้น.. OK หรือเปล่า.. ถ้า OK.. จะมีอะไรดีๆเอง.. ถ้าไม่ OK.. ก็จะตรงข้าม..
ถ้ากลางๆ.. ก็จะกลางๆนะ.. คงพอเข้าใจ..
เลยคิดว่าแนวทางนี้น่าจะพอใช้ได้.. เลยอยากให้ท่านอื่นๆลองทำดู..
ส่วนท่านที่ทำอยู่แล้วก็.. เราอายอ่ะ.. ขออภัยเด้อ.. ที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน..
(ที่แน่ๆ อายท่านเจ้าของกระทู้ กับพี่สาวเราอ่ะ.. งุงิ.. งุงิ..)
กราบอนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้ และท่านที่แวะมาทุกท่านจ้า..
สาธุ สาธุ สาธุ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#6
โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 12:50 AM
#7
โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 11:17 AM
#8
โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 01:15 PM
นั่งไปก็เครียดไป ไม่สามารถวางใจได้ ก็นั่งปล่อยให้เครียดอยู่แบบนั้นนานนับชั่วโมง..(เรียกว่า เครียดให้เข็ด อิ อิ)
สักพัก..นึกขึ้นได้ว่า เออ..เรานี่รู้ก็ทั้งรู้ เรียนมาก็เยอะ นี่จะมาเสียท่ากะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้หรือ ความเครียดมันก็แค่เรื่องของอารมภ์ที่เรา create ขึ้นมาเอง เรื่องราวจริงๆก็เป็นไปตามเหตุและผล ก็แก้กันไปตามหลักกฎแห่งกรรม แก้ตอนนี้ไม่ทัน ก็วางไว้ก่อน ถึงรีบไปก็ทำอะไรไม่ได้ (ในตอนนี้) สู้นั่งสมาธิ ทำใจว่างๆ สบายๆ ดีกว่า ใครจะเป็นอะไร ก็ไม่สนแล้วตอนนี้ เพราะไม่อยากคิด ไม่อยากวุ่นอะไร กะใครต่อไปอีกแล้ว..
คิดได้ดังนี้ ใจก็คลาย ปล่อยวางโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้การปฎิบัติธรรมในครั้งนั้น พบความสุข แบบหยุดนิ่ง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..
หลังนั่งสมาธิ พบว่า รู้สึกสดชื่น เหมือนตื่นนอนใหม่ แต่ความคิดแล่นเฉียบคม แถมกำลังใจไม่รู้มาจากไหน มีเป็นกองๆเลยครับ..ตอนนั้นมีความรู้สึกว่า ไม่กลัว ไม่กังวล กับปัญหาความเครียดก่อนหน้านั้นๆ อีกต่อไป (ไม่มี แม้กระทั่งความหวั่นใจแม้เพียงเล็กน้อยเลยครับ)..
บอกกับตัวเองได้เลยว่า..เดี๋ยวเราก็หาทางแก้ไขได้ไม่ยาก ไม่เชื่อก็ลองดูสิ..
และก็แทบไม่น่าเชื่อ (ตัวเอง) จริงๆ..งานที่มีทีท่าว่าน่าจะเสียหาย (มาก) ก็กลายเป็นไม่เสียหายเลย แต่เสียเวลาแก้ไขพอสมควร..และมีช่างมืออาชีพที่รับปากว่าจะจัดการให้พร้อม..และคนที่มีทีท่าว่าจะตกลงกันยาก ก็กลายเป็นคุยกันง้าย..ง่าย เค้าก็มาบอกกับเราว่า ไม่รู้จะโกรธกันไปทำไม สู้ทำใจรับสภาพความเป็นจริงดีกว่า..
อย่างนี้ต้องขอบอกว่า การปล่อยวาง การทำใจหยุดใจนิ่ง ช่วยผมให้พ้นวิกฤติ ได้จริงๆเลยครับ..
#9
โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 01:17 PM
นั่งไปก็เครียดไป ไม่สามารถวางใจได้ ก็นั่งปล่อยให้เครียดอยู่แบบนั้นนานนับชั่วโมง..(เรียกว่า เครียดให้เข็ด อิ อิ)
สักพัก..นึกขึ้นได้ว่า เออ..เรานี่รู้ก็ทั้งรู้ เรียนมาก็เยอะ นี่จะมาเสียท่ากะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้หรือ ความเครียดมันก็แค่เรื่องของอารมภ์ที่เรา create ขึ้นมาเอง เรื่องราวจริงๆก็เป็นไปตามเหตุและผล ก็แก้กันไปตามหลักกฎแห่งกรรม แก้ตอนนี้ไม่ทัน ก็วางไว้ก่อน ถึงรีบไปก็ทำอะไรไม่ได้ (ในตอนนี้) สู้นั่งสมาธิ ทำใจว่างๆ สบายๆ ดีกว่า ใครจะเป็นอะไร ก็ไม่สนแล้วตอนนี้ เพราะไม่อยากคิด ไม่อยากวุ่นอะไร กะใครต่อไปอีกแล้ว..
คิดได้ดังนี้ ใจก็คลาย ปล่อยวางโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้การปฎิบัติธรรมในครั้งนั้น พบความสุข แบบหยุดนิ่ง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..
หลังนั่งสมาธิ พบว่า รู้สึกสดชื่น เหมือนตื่นนอนใหม่ แต่ความคิดแล่นเฉียบคม แถมกำลังใจไม่รู้มาจากไหน มีเป็นกองๆเลยครับ..ตอนนั้นมีความรู้สึกว่า ไม่กลัว ไม่กังวล กับปัญหาความเครียดก่อนหน้านั้นๆ อีกต่อไป (ไม่มี แม้กระทั่งความหวั่นใจแม้เพียงเล็กน้อยเลยครับ)..
บอกกับตัวเองได้เลยว่า..เดี๋ยวเราก็หาทางแก้ไขได้ไม่ยาก ไม่เชื่อก็ลองดูสิ..
และก็แทบไม่น่าเชื่อ (ตัวเอง) จริงๆ..งานที่มีทีท่าว่าน่าจะเสียหาย (มาก) ก็กลายเป็นไม่เสียหายเลย แต่เสียเวลาแก้ไขพอสมควร..และมีช่างมืออาชีพที่รับปากว่าจะจัดการให้พร้อม..และคนที่มีทีท่าว่าจะตกลงกันยาก ก็กลายเป็นคุยกันง้าย..ง่าย เค้าก็มาบอกกับเราว่า ไม่รู้จะโกรธกันไปทำไม สู้ทำใจรับสภาพความเป็นจริงดีกว่า..
อย่างนี้ต้องขอบอกว่า การปล่อยวาง การทำใจหยุดใจนิ่ง ช่วยผมให้พ้นวิกฤติ ได้จริงๆเลยครับ..
#10
โพสต์เมื่อ 30 August 2008 - 11:48 AM
แต่หลับตาคราใด จิตใจผ่องแผ้วดีมาก
มีความสุขนึกถึงหลวงปู่ องค์พระภายใน
หลวงพ่อ ตามอารมณ์สบาย ณ ตอนนั้นคับ
และมีความสุขภายในทุกครั้งที่หลับตา
เลือกเอา ใจใสๆ
#11
โพสต์เมื่อ 30 August 2008 - 11:09 PM
พระพ่อท่านจะ ปลาบปลื้มเพียงใด
..ที่ลูกชายหญิงของท่านกลุ่มหนึ่ง รักที่จะนั่งธรรมะ เช่นนี้
...
เลยได้แอบรู้เลยว่า คุณนักเรียนหน้าใสฯ องค์พระยังชัดเจนกลางกายติดแน่น...สาธุสามครั้งเลย
แถมวิธีการที่เล่ามา
ก็เลยไม่แปลกใจที่ตอบกระทู้น่าอ่านทุกครั้ง ต้องเอาตามกันนะ
อย่ายอผู้เขียนเลย ธรรมะยังอ่อนหัดอยู่จ้า..
สาธุ
...
คุณ Homer324 คือตัวอย่างที่ดีที่พระพ่อ ท่านสอนว่ามีอะไร ก็หลับตา แล้ว 072 จะชี้ทางเนอะ ดีจัง
ของคุณลีดเดอร์ อ่านสนุกดีจังเลย อนุโมทนาบุญกับองค์พระธรรมกายที่ได้นะจ๊ะ
ของคุณpeterน่ะไม่ล่อกแล่กดอกจ้า ถ้าหลับตาเป็นปิ๊งอย่างนั้นน่ะ
ปลื้มใจ..กราบโมทนากับธรรมะใสๆๆ ทุกท่านเลย..
...
อ้อ ลืมขอบคุณ คุณใสในใส มากๆเลย
ชอบจังจ้า จากยอดดอย
#12
โพสต์เมื่อ 31 August 2008 - 12:12 AM
โดยส่วนตัว หลังจากที่ตั้งใจนั่งธรรมะมากขึ้น สี่เดือนที่ผ่านมา นั่งเกือบทุกวัน ทำบุญตักบาตรมากขึ้น พร้อมด้วยการตื่นเช้าเตรียมภัตตาหารใส่บาตรเอง บางทีก็ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่กลางคืนก่อนนอน(ไม่งั้นทำไม่ทัน)
ผลการปฏิบัติก็ดีขึ้น คือนั่งได้นานขึ้น ปวดเมื่อยน้อยลง และสติแจ่มใสเวลานั่งมากขึ้น เผลอหลับน้อยลง
.....ยังทำเครียดอย่างเบิกบานไม่ได้อ่ะ....
...และก็คิดว่า.....ที่เป็นแบบนี้(นั่งได้นานขึ้น แจ่มใจขึ้น)เพราะทหารกล้ากองร้อยของหลวงพ่อ........
ปล. เจ้าของกระทู้ ไม่เห็นแบ่งปันของของดีในตัวมาเป็นธรรมทาน อุตสาห์รออ่านอย่างจดจ่อ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#13
โพสต์เมื่อ 31 August 2008 - 05:28 PM
เข้าใจผิดไปว่า ผู้เขียนนั่งธรรมะดีแล้วเห็นไหม
ท่านต้องรับผิดชอบด้วยนะ ..เฮ้อ
...
จริงๆ เพราะธรรมะของผู้เขียน ยังอ่อนหัดนักจ้ะ
จึงได้ขยัน แสวงหาความรู้ ความเข้าใจ
โดยศึกษาในภาคทฤษฎีจากคำสอนมหาปูชนียาจารย์ของพวกเราลูกพระธัมมฯเป็นหลัก
ทฤษฎีอื่นๆ มาเสริม
แล้วมาขยันฝึกซ้อมปฏิบัติอย่างจริงจัง
ทั้งนอกรอบคือจรดใจนิ่งๆ หรือเข้ากลางทั้งวัน
(..เท่าที่ไม่ลืมหรือเผลอจ้ะ แต่เผลอก็เริ่มใหม่ 555)
และยิ่งฝึกหนักในรอบ คือในชั่วโมงนั่งธรรมะ ทั้งนั่งเอง และ ชั่วโมงที่นั่งกับพระอาจารย์ไงล่ะจ๊ะ
...
ทุกชั่วโมงที่จะได้นั่งธรรมะ ใจ จะจำได้
..ถึงความสุข..ที่ได้รับ...เวลาใจเป็นสมาธิ
ใจก็จะร่าเริง ดีใจที่จะได้นั่ง..สนุกทุกรอบ..เหมือนเด็กจะได้เล่นสนุก
นั่งได้นานๆ นานขึ้น บ่อยขึ้น..
เมื่อมีความรักที่จะนั่ง ใจจะคลอเคลียที่072 ทุกเวลาทุกนาที
เหมือนเวลาเรารักอะไรๆทางโลก..เราจะคิดถึงเขาตลอด ยังไงยังงั้นเลย
เมื่อขยันฝึก ความชำนาญก็คือผลจ้ะ
..ต่อมาก็สว่าง...
เข้ากลางได้ต่อเนื่องจ้ะ
...
หลังๆ ได้ยินพระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนให้รัก072 เหมือนรักอะไรๆ ที่เรารัก
ก็เลยเข้าใจ ว่าตัวเองมีบุญจัง ที่พบวิธีนั้นได้ก่อนนานแล้ว
ใครจะลองนำไปใช้ จะขออนุโมทนาด้วยจ้ะ..
สาธุ
#14
โพสต์เมื่อ 31 August 2008 - 07:27 PM
ตัวหนังสือที่เจ้าตัวพิมพ์น่ะ มันส่งอารมณ์ของผู้เขียนออกมาทางตัวอักษรเลยนะคะ ว่าผู้เขียนมีจิตแบบไหน คิดอะไร กระแสจิตมันแฝงอยู่ในนั้น
เคยตรึกถึงกลางท้องบ่อยๆ ได้ช่วงนึง รู้สึกว่ามีความก้าวหน้านิดนึง ตอนนี้จะเริ่มใหม่ล่ะค่ะ จะพยายามตรึกนอกรอบให้แยะๆๆ จะได้ถึงเวลาสว่างกะเค้าบ้าง
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#15
โพสต์เมื่อ 31 August 2008 - 11:26 PM
เราได้รับกระแสเย็นๆจากใครบางคนที่ชอบถ่อมตัวอ่ะจ้า.. เราจึงกล่าวเช่นนั้น..
มิได้มีสิ่งใดเกินไปหรอกจ้า.. อิอิ..
แล้วกระแสเย็นๆก็ได้ทำให้แสงตะวันไม่ร้อนอีกต่อไป.. แต่กลับอบอุ่น..
แวะมาอุ่นแสงตะวันอีกทีจ้า.. อิอิ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#16
โพสต์เมื่อ 01 September 2008 - 07:15 PM
มารู้จัก แว็ปไซร์ นี้ตั้งแต่วันแรก และก็ถึงวันนี้ค่ะ วันนี้ดิฉันก็ ขอมาลง กระทู้บ้างว่า ส่วนตัวของดิฉัน เองนั้น
มีความรู้สึกว่าตั้งแต่ได้เข้า มารู้จัก วิชชาธรรมกาย ของหลวงปู่. หลวงพ่อ.และพระอาจารย์ คุณ.ยายมาก็ได้
ประมาณ 4ปีกว่าแล้ว และก็ได้หัดนั่งสมาธิในช่วงหลัง ก็ประมาณ2ปีกว่า และก็ยังเป็น(เด็กอนุบาลฝันในฝันวิทยา
คนใหม่อยู่เสมอค่ะ) แต่ด้วยใจที่รักการนั่งสมาธิ ก็หัดนั่งมาตลอดมิเคยขาด จะคอยแบ่งเวลากับการปฏิบัติเสมอ ไม่
มากก็น้อย แต่มารู้ตัวเองว่าเรา รักการปฏิบัติธรรม ติดใจในการ นั่งสมาธิมากก็ช่วง เข้าพรรษาปี 49 ที่ทุ่มเทนั่ง
สมาธิมากขึ้นทุกๆวัน จนมาพรรษานี้ก็ได้ พบความอัศจรรย์กับการนั่งสมาธิ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ตอนบ่ายถึง วันนี้
1 ก.ย.นี้ ก็ได้พบนิมิต เห็น ดวงธรรมที่ใสสว่าง เหมือนเพชร เหมือนแก้ว มาคลุมตัวก็หลายครั้ง ได้เข้ากลางกาย
ฐานที่7 ของหลวงปู่มาจนถึง ทุกวันนี้ และก็ซ้อนหลวงปู่ได้ ถึง 4 องค์ในตอนนี้ ไม่เคยพบเห็นคุณ.ยายก็ได้เห็นใน
พรรษานี้ ได้เห็นองค์พระธรรมแก้วใส ก็ ในพรรษานี้ จากที่เคยนั่งแล้วก็ ฟุ้งๆมากๆสุด เจ็บปวดเบ้าตาก็สุด และก็อีก
มากมาย ก็คือนิวรต่างๆ กิเลส ต่างๆ ก็คือ ยิ่งอยากก็ เข้าไม่ได้ ถึงไม่ได้ เค้นหาภาพบ้าง แต่ก็ไม่เคยท้อทอย
คิดว่าสักวันก็อาจจะเข้าได้ ก็ทำตามหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ท่านสอนมาเสมอ ในการวางใจ ทำใจ คอยตรึกนึกถึง
บุญ ที่ทำมาตลอด หยุดใจ เข้ากลางมาตลอด จนมาถึงพรรษานี้ก็ ได้พบ แต่สิ่งอัศจรรย์หลายๆอย่าง แต่ก็มิได้ริงโลด
อะไร ที่ได้พบเห็นก็คงทำตาม ที่หลวงพ่อท่าน พร่ำสอนอยู่เป็นประจำ มิเคยขาด ถึงบางครั้งก็ยัง มีมืดบ้างในบาง
ครั้ง แต่ดิฉันก็ไม่ท้อแท้ใจ ก็เพราะเรายังเป็นมนุษย์เดินดินอยู่ แต่ตอนนี้ดิฉันเอง ก็หมั่นใจนิดๆว่าพรรษานี้ เราได้มา
เป็น ลูก-หลาน ของวิชชาธรรมกาย อย่างแน่แท้แล้ว จริงๆค่ะ จึงรักการนั่งสมาธิ ทุกๆวันๆละ 5-6 ชั่วโมงเสมอ
มิเคยขาด ถ้าวันไหนไม่ได้นั่ง เหมือนกับว่าขาดอาหารทิพย์ไป จึงคอยเติมอาหารทิพย์ ลงไปในใจกลางกายฐานที่ 7
เสมอ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ทำการบ้านทั้ง 10 ข้อ ของหลวงพ่อเสมอ และก็ทุกๆ 1 ชั่วโมงก็จะตรึกระลึกถึงองค์พระ
ไว้เสมอ พอลืมก็ทำใหม่อยู่ ตลอดจะไม่ยอมปล่อยใจให้ไปไหน จะสวดบทสรรเสริญ ทุกๆบทตั้งแต่ บท พระพุทธคุณ
ถึงบทสุดท้าย บทสรรเสริญคุณ.ยาย ตลอดทั้งวัน แม้นเวลาทำอาหาร หรือจะสลับกับตรึกนึกถึงบุญ ที่ได้ทำมา ที่ได้
จดลงสมุดบันทึกไว้เสมอ เพื่อใจจะได้ไม่ไปไหนค่ะ สุดท้ายก็จะเข้าใจว่า ทุกวันนี้เรารักอะไร ก็รักการสร้าง บารมี
ทาน ศีล สมาธิ ค่ะ เราก็จะเข้ากลางได้อย่าง ต่อเนื่องค่ะ ก็ขออนุโมทนาบุญ ด้วยกับทุกๆท่านที่ได้มาอ่าน ข้อความ
จากใจจริงของดิฉัน ที่เขียนลงมาในวันนี้ ค่ะ ก็ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ กับทุกๆท่านในแว๊ปไซร์ ของ DMC
ทุกๆท่านค่ะ
#17
โพสต์เมื่อ 02 September 2008 - 04:56 PM
มากมาย ก็คือนิวรต่างๆ กิเลส ต่างๆ ก็คือ ยิ่งอยากก็ เข้าไม่ได้ ถึงไม่ได้ เค้นหาภาพบ้าง แต่ก็ไม่เคยท้อทอย
คิดว่าสักวันก็อาจจะเข้าได้ ก็ทำตามหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ท่านสอนมาเสมอ ในการวางใจ ทำใจ คอยตรึกนึกถึง
บุญ ที่ทำมาตลอด หยุดใจ เข้ากลางมาตลอด จนมาถึงพรรษานี้ก็ ได้พบ แต่สิ่งอัศจรรย์หลายๆอย่าง แต่ก็มิได้ริงโลด
ครั้ง แต่ดิฉันก็ไม่ท้อแท้ใจ ก็เพราะเรายังเป็นมนุษย์เดินดินอยู่
มิเคยขาด ถ้าวันไหนไม่ได้นั่ง เหมือนกับว่าขาดอาหารทิพย์ไป จึงคอยเติมอาหารทิพย์ ลงไปในใจกลางกายฐานที่ 7
เสมอ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ทำการบ้านทั้ง 10 ข้อ ของหลวงพ่อเสมอ และก็ทุกๆ 1 ชั่วโมงก็จะตรึกระลึกถึงองค์พระ
ไว้เสมอ พอลืมก็ทำใหม่อยู่ ตลอดจะไม่ยอมปล่อยใจให้ไปไหน จะสวดบทสรรเสริญ ทุกๆบทตั้งแต่ บท พระพุทธคุณ
ถึงบทสุดท้าย บทสรรเสริญคุณ.ยาย ตลอดทั้งวัน แม้นเวลาทำอาหาร หรือจะสลับกับตรึกนึกถึงบุญ ที่ได้ทำมา ที่ได้
....และนี่คือ ผล ที่ได้รับ และสมควรได้รับจริงๆ สาธุ สาธุ สาธุ....
1 ก.ย.นี้ ก็ได้พบนิมิต เห็น ดวงธรรมที่ใสสว่าง เหมือนเพชร เหมือนแก้ว มาคลุมตัวก็หลายครั้ง ได้เข้ากลางกาย
ฐานที่7 ของหลวงปู่มาจนถึง ทุกวันนี้ และก็ซ้อนหลวงปู่ได้ ถึง 4 องค์ในตอนนี้ ไม่เคยพบเห็นคุณ.ยายก็ได้เห็นใน
พรรษานี้ ได้เห็นองค์พระธรรมแก้วใส ก็ ในพรรษานี้
นี่แหละนะ ขวัญใจของกระทู้ล่าสุด คุณฟ้าร้าง
ขอส่งใจ ให้ถึง ใจ usr 22432
#18
โพสต์เมื่อ 01 November 2008 - 12:05 PM