ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

2545-12-31 : เมณฑกเศรษฐี มีแพะทองคำ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 01:25 AM

ย่อเรื่อง เมณฑกเศรษฐี มีแพะทองคำ (31 ธันวาคม 2545) โดย Extra happy.gif

เศรษฐีท่านหนึ่งชื่อเมณฑกเศรษฐี แปลว่าแพะ ท่านมีแพะกายสิทธิ์ แพะของท่านตัวโตเท่าช้าง ตัวโตเท่าม้าก็มี ตัวเท่าโคก็มี เป็นแพะทองคำ เบียดกันเกิดใต้ดิน ในเนื้อที่ 500 x 500 เมตร ประมาณ 312.5 ไร่ เกิดที่หลังบ้านเมณฑกเศรษฐี สมบัติกายสิทธิ์มักเกิดหลังบ้าน ส่วนมากหลังบ้านของพวกเราจะเลื่อนติดรั้ว หน้าบ้านเป็นสนามใหญ่ ของท่าน ชฎิลเศรษฐีเกิดหลังบ้านเป็นภูเขาทองใหญ่

แพะทองคำของเมณฑกเศรษฐี เกิดจากใต้ดินเบียดกันแบบมีระเบียบขึ้นมาเต็มหลังบ้านแล้วมีชีวิต คือร้องได้ หัวเราะก็ได้ ขยับตาอะไรต่าง ๆ ได้แต่อยู่กับที่ ไม่ต้องกินไม่ต้องถ่ายเพราะเป็นของกายสิทธิ์ ในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โยมแผ้วเล่าเรื่องหลวงปู่เรียกของกายสิทธิ์จากใต้ดิน เป็นการทดลองกำลังบุญ เช่น แพะทองคำ ตะพาบน้ำทองคำ

ในปากแพะมีด้ายเป็นกลุ่ม ๆ มี 5 สี 5 กลุ่ม ถักกันเป็นเชือก มีสีเขียว เหลืองทอง แดง ขาวเงินและสีส้ม ท่านเมณฑกเศรษฐีใจบุญแบบพระบรมโพธิสัตว์ ท่านไม่ได้ปรารถนาจะสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ท่านชอบเป็นผู้ให้ ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ที่ท่านให้ได้เพราะหนึ่งเป็นอัธยาศัยของท่าน สองสิ่งที่ท่านให้ ออกมาจากปากแพะให้ไม่หมด เนื่องจากแพะตัวโตไม่เท่ากันซึ่งเป็นไปตามกำลังบุญ บางคนไปขอของกับแพะตัวโตเท่าช้างแล้วกำลังบุญไม่มากพอ แพะจะไม่อ้าปาก ถ้าผู้มีกำลังบุญมากไปขอกับแพะตัวโตเท่าโค แพะก็จะไม่อ้าปาก ต้องไปที่ตัวโตเท่าช้าง มาแล้วก็ไปพนมมืออธิษฐานจิต แพะก็มองด้วยความเอ็นดูแล้วยิ้ม สีเขียวสำหรับของกิน สีเหลืองทองก็เป็นทองคำแท่ง สีแดงจะเป็นของใช้เช่นเสื้อผ้า ถ้าเป็นสีขาวเงินก็จะเป็นเงินแท่ง ถ้าเป็นสีส้มก็เป็นยาเภสัช เนยใส น้ำอ้อย แต่ละสีอยู่ในปาก อธิษฐานแล้วปากจึงอ้า อธิษฐานอยากได้ของกิน ก็ดึงเชือกสีเขียวออกมา ก็จะห่ออาหารที่ต้องการ มีภาชนะใส่อย่างดี

แพะแค่ 1 ตัวเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง มีเป็นฝูง ๆ เวลาขอจะได้ไม่ต้องเข้าคิว อยากได้ก็ไปขอ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของมหาอุบาสิกาวิสาขา ท่านทำอย่างไรถึงมีแพะกายสิทธิ์เป็นฝูงอย่างนี้


บุพกรรมของท่านในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวิปัสสี ท่านเป็นเศรษฐี ลุงของท่านร่ำรวยมาก ทั้งสองมีศรัทธาเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ลุงสร้างพระคันธกุฎีด้วยรัตนชาติ ของมีค่า ไม้เนื้อหอม หลานมีศรัทธาขอร่วมบุญด้วย แต่ลุงจะทำคนเดียว ในที่สุดในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมได้มาเป็นโชติกเศรษฐี หลานจึงไปสร้างศาลารายรอบ พระคันธกุฎีมียอด 3 ยอด ทั้งเสาบุด้วยทอง เงิน รัตนชาติ ไม้หอม ไม้จันทน์ ภายในมีมณฑป มีธรรมาสน์ตั้งอยู่กลางมณฑป ที่พิงของธรรมาสน์ทำด้วยไม้จันทน์หอม เพชรนิลจินดา มีรูปแพะทองคำรองรับขาทั้ง 4 ตั่งเล็กที่รองขามีแพะเล็ก ๆ อีก 2 ตัว รวมเป็น 6 ตัว รอบ ๆ มณฑปมีอีก 6 ตัว วิจิตรสวยงามมาก เมื่อสร้างเสร็จ นิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพระสาวก 6 ล้าน 8 แสนองค์ถวายทานทุก ๆ วัน 4 เดือนเต็ม วันสุดท้ายถวายไตรจีวรอีก 6 ล้าน 8 แสน แล้วอธิษฐานให้ได้สมบัติจักรพรรดิ

หอฉันจุได้เพียง 6 พันกว่ารูป แต่สามารถถวายได้มาก ๆ วิธีการ คือ จะทำเหมือนสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่ มีอยู่วันหนึ่งลุงเปล่งไปกราบพระเดชพระคุณหลวงปู่ว่าอยากทำบุญเยอะ ๆ 500 กว่าองค์ไม่พอ ท่านบอกว่าได้ โดยให้พวกที่ได้ธรรมกายไปอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นล้าน ๆ องค์ ลุงเปล่งดีใจ แต่ก็ถามว่าไม่เห็นเลย หลวงปู่ว่าเอ็งไม่เห็น แต่ข้าเห็น

หลังจากนั้นท่านท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลกวนเวียนสร้างบารมีนาน จนมาถึงยุคที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ท่านเป็นเศรษฐี บุญที่สร้างในสมัยพระพุทธเจ้าวิปัสสียังไม่ส่งผล ท่านเป็นเศรษฐีธรรมดา มีข้าทาสบริวารมาก วันหนึ่งเข้าเฝ้าพระราชา ได้พบปุโรหิต ถามปุโรหิตว่าพยากรณ์อนาคตจะเป็นอย่างไร ท่านทำนายว่าอีก 3 ปีข้างหน้าจะขาดแคลนเรื่องอาหารการกินไปทั่วชมพูทวีปทั่วโลก เศรษฐีกลับมามียุ้งอยู่ 1,250 ยุ้ง ภายใน 3 ปีนี้ ปลูกข้าวเก็บใส่ยุ้งจนเต็ม ใส่ตุ่มฝังดิน ข้าวเปลือกที่เหลือขุดหลุมใส่กลบ เหลือก็ผสมกับดินฉาบทาฝาบ้านไว้

พอครบ 3 เดือน เกิดทุพพิกภัย ก็เอาออกมาเลี้ยงทั้งเมือง ข้าวยากหมากแพง ข้าวที่เก็บเอาไว้ ข้าวเปลือกฉาบทาฝาบ้าน อดอยากมาก ๆ เลาะฝาบ้านเอามาต้ม จนอาหารใกล้หมดก็ให้แยกย้ายกันไปจนเหลือแค่ 5 คนภายในบ้าน คือท่านเศรษฐี บุตร ภรรยา สะใภ้และคนรับใช้เท่านั้น วันหนึ่งกลับจากเฝ้าพระราชา หิวมากจึงถามภรรยาว่ามีข้าวเหลือไหม ภรรยาไม่ว่าอะไร คือตัวเก็บข้าวอยู่ 1 ทะนานขุดหลุมฝังไว้ป้องกันโจรปล้น ท่านเศรษฐีถามว่า 1ทะนาน หุงได้แค่ไหน ภรรยาตอบว่า กินกัน 5 คน ถ้าเป็นข้าวต้มหุงได้ 2 มื้อ ถ้าเป็นข้าวสวยหุงได้ 1 มื้อ ท่านเศรษฐีก็ให้หุงเป็นข้าวสวย จะกินเป็นมื้อสุดท้ายก่อนตาย ในที่สุดก็หุงข้าวแล้วแบ่งกันตามสัดส่วน


ยุคนั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นอยู่ในสมาบัติก็ไม่หิว พอออกจากสมาบัติก็หิวกระหาย ตรวจตราว่าจะไปโปรดใคร พบว่าทั่วทั้งชมพูทวีปขาดแคลนอาหารการกิน มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง 5 คนเหลือข้าวอยู่ทานหนึ่ง มีกุศลศรัทธา เป็นเจ้าของบุญผลบุญจะส่งให้ทั้ง 5 มีความสุขในภพเบื้องหน้า ท่านจึงเสด็จเหาะไปจากเขาคันธมาส ธรรมดาเป็นธรรมเนียมของพระปัจเจกพุทธเจ้าจะอยู่ที่เขาคันธมาส ท่านเหาะไปหน้าบ้านท่านเศรษฐี ซึ่งกำลังจะกินข้าวพอดี ท่านเศรษฐีคิดว่าที่เราลำบากในตอนนี้เพราะเราทำทานมาไม่ดี จึงเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิตนี้ ฉะนั้นจะเอาดีในภพเบื้องหน้า ลำบากหรือตายตอนนี้ แต่ภพเบื้องหน้าอีกยาวนานทีเดียว จะไม่อดอยากยากจน เรื่องอดอาหารจะไม่เกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน

ท่านนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเสด็จเข้าบ้าน เอาอาหารส่วนของตัวใส่ถาดทองตักใส่บาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า พอตักไปครึ่งหนึ่งท่านก็ปิดฝาบาตร เนื่องจากว่าอีกครึ่งหนึ่งจะได้แบ่งคนละครึ่ง ชีวิตของท่านเศรษฐีจึงยังมีอยู่ ชีวิตของพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ยังมีอยู่ ท่านเศรษฐีไม่คิดอย่างนั้นกลับกล่าวว่า อย่าสงเคราะห์กระผมเลยในชาตินี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าวอีกนิดหนึ่ง โปรดผมในภพเบื้องหน้าดีกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าเห็นกำลังศรัทธามีมากจึงเปิดฝาบาตร ท่านเศรษฐีใส่จนเต็มเกิดปีติแล้วอธิษฐานจิตดัง ๆ ต่อหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ ด้วยอานุภาพแห่งบุญ ที่ได้ถวายอาหารมื้อสุดท้ายซึ่งหมายถึงชีวิต ความอดอยากยากจนอย่างนี้อย่าได้เจอ นี่คือข้อที่หนึ่ง ข้อที่สองขอให้มีทรัพย์สมบัติมาก ๆ มีแล้วขอให้แจกคนทั้งเมืองทั่วชมพูทวีป ไม่รู้จักหมดจักสิ้น ข้อที่สามไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย ให้สมบัติเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญ ข้อที่สี่เวลาเปิดฉางจำนวนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ตอนนี้นึกได้แค่ 1,250 ฉาง แค่อาบน้ำอาบท่าให้ใจใสสดชื่นแล้ว แหงนหน้าไปในอากาศ ขอกระแสทานแห่งข้าวสาลีนี้ ให้ข้าวสาลีเต็มยุ้งฉางโดยไม่ต้องปลูก ขอให้บุตร ภรรยา สะใภ้และทาสไปเกิดร่วมกันไปเจอกัน” แสดงว่าครอบครัวนี้มีศีล ศรัทธา ทิฐิเสมอกัน

เมื่อภรรยาเห็นสามีทำเช่นนั้นก็ทานไม่ลง ทำบุญใส่บาตรด้วย แล้วตั้งความปรารถนาบ้าง สามีดี ๆ อย่างนี้หายาก บุตร สะใภ้ คนรับใช้ ขอให้ไปเกิดร่วมกันอีก คำว่าอดอยากยากจน อย่าได้เจอ ที่สำคัญคือชอบให้ทาน ยามใดก็ตามเอาข้าวเต็มหม้อนั่งแจกบริจาค แม้คนมาหมดชมพูทวีปก็บริจาคได้ไม่พร่อง

ส่วนลูกชายชอบเงิน ถ้าถือถุงเงินอยู่แจกเงินไม่ให้พร่องเลยทั่วทั้งชมพูทวีป และขอให้ได้เจอกันอีก สะใภ้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเอากระบุงใส่ข้าวเปลือกแจกอยู่ ก็ให้แจกไม่รู้จักพร่อง และขอให้เจอกันอีก ส่วนคนรับใช้ขอให้ไถนา ทีได้ 7 รอย ทางซ้าย 3 ทางขวา 3 ตรงกลาง 1 และขอให้ได้เจอกันอีก พออธิษฐานเสร็จก็เอาข้าวใส่หมดทั้ง 5 คน

พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านหยุดใจไป ณ จุดที่แห่งสมความปรารถนา ระหว่างที่เขาอธิษฐาน ท่านปล่อยใจไปเรื่อย เอาทุกคนไว้กลางธรรมกายนิ่ง จนกระทั่งไปอยู่ ณ จุดแห่งความสมปรารถนา แล้วให้พรว่า ขอให้สิ่งที่ตั้งปรารถนา ขอให้สมหวังดังใจ เอวัง โหตุ

เพื่อเพิ่มความปีติเลื่อมใสที่ทำบุญยามยาก ท่านอธิษฐานเหาะไปที่เขาคันธมาสไปแบ่งกับพระปัจเจกพุทธเจ้าอีก 500 องค์ที่ไม่ได้มาให้อยู่ในสายตาของคนทั้ง 5 เห็นแล้วปลื้ม กลับมาอธิษฐานซ้ำ


เศรษฐีมีวิธีแก้หิวโดยการนอน ทำให้ลืมหิวไปได้ชั่วคราว หลับตั้งแต่สายตื่นมาตอนเย็น ถามภรรยาว่า น้องมีข้าวตังบ้างไหมที่ติดก้นหม้อ เอามาแก้หิวก่อนตาย ภรรยาไม่ชอบคำว่า ไม่มี จึงไม่บอกตอนนั้น เดินเข้าครัวไปเปิด ปรากฏว่าข้าวสุกล้นฝาหม้อ ขาวอย่างกับมะลิตูมๆ มีกลิ่นหอมมัน จึงเรียกกันมาทั้งบ้าน ยุ้งทั้ง 1,250 ยุ้งพร้อมทั้งตุ่ม หลุม มีข้าวเต็มไปหมด เอาข้าวมากินกันด้วยความอร่อย อานุภาพบุญเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์เนื่องจากทั้ง 5 ได้ทำสิ่งที่ทำได้ยาก เอาวิกฤตมาเป็นโอกาส โอกาสที่ได้เจอเนื้อนาบุญ โอกาสที่ทำสุดยอดของบุญ เพราะทำด้วยชีวิต เขาทำบุญกันขนาดนี้ แล้วท่านแจกไปทั้งเมือง ใครอดอยากมาหาได้เลย แจกทั่วชมพูทวีป ละจากภพนั้น ไปอยู่เทวโลก ละจากเทวโลก ไปเกิดในยุคพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรามีชื่อว่าเมณฑกเศรษฐี ทั้ง 5 คนเกิดมาเจอกัน และมีหลานคนที่ 6 คือนางวิสาขา ภรรยาชื่อนางจันทปทุมา ที่ชื่อนี้เพราะว่าฝ่ามือข้างขวาเป็นรูปพระจันทร์คืนวันเพ็ญ ฝ่ามือข้างซ้ายเป็นรูปดอกบัว เท้าซ้ายเป็นรูปดอกบัว เท้าขวาเป็นรูปพระจันทร์วันเพ็ญ เหตุเพราะในอดีต ทำบุญมือซ้ายถือหม้อข้าว มือขวาทัพพี ตักบาตร เท้าได้เพราะเดินไปเดินมา เอาน้ำที่กรองอย่างดีไปถวายพระ เหมือนเราเดินหยิบภัตตาหารประเคน หรือเดินไปชวนคนทำบุญ เป็นผู้นำบุญ บุตรชื่อทนันชัยเศรษฐี สะใภ้ชื่อสุมนาเทวี คนรับใช้ชื่อปุณณะ

มีอยู่วันหนึ่งท่านเศรษฐีทดลองบุญ ไปอาบน้ำอาบท่าอย่างดี แต่งตัวพร้อมเครื่องประดับ เปิดประตูยุ้งฉางทั้งหมด แหงนหน้ามองท้องฟ้านึกถึงบุญ ข้าวสาลีและข้าวเปลือกก็เต็มยุ้งฉางไปหมด นางจันทปทุมา อาบน้ำแต่งตัว ลองบ้างประกาศไปทั้งเมืองให้มารับข้าว แจกหมดเมืองก็ยังไม่พร่อง ลูกชายถือถุงเงินแจกเงินและสะใภ้ถือกระบุงแจกข้าวเปลือกทดลองทำในทำนองเดียวกัน คนรับใช้ คันไถ เชือก ปะตักทำด้วยทองคำ แต่งตัวประดับด้วยเครื่องเพชร วัวคัดตัวสวย ๆ เอาน้ำหอมประพรมทั้งตัว เขาวัวมีทองคำหุ้ม ไถนาเป็น 7 รอยจริง ๆ ต่อมาเมื่อฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็บรรลุเป็นพระโสดาบันกันทุกคน