อยากทราบอานิสงส์ถวายดอกไม้บูชาพระค่ะ
เริ่มโดย แก้วใสเย็น, Aug 08 2009 08:03 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 08 August 2009 - 08:03 PM
อยากทราบถึงอานิสงส์ถวายดอกไม้บูชาพระค่ะ
และต้องเป็นดอกไม้อะไรคะที่สามารถบูชาพระได้
ในวันพระกับวันกับวันธรรมดาวันไหนได้บุญมากกว่าคะ
และต้องถวายดอกไม้ไม่เกินกี่ทุ่มคะ
กลิ่นของดอกไม้จะส่งผลถึงกลิ่นตัวและสีผิวเราด้วยใช่ไหมคะ
ดิฉันเป็นคนชอบสีเหลืองจึงชอบถวายดอกไม้สีเหลือง ผิวของดิฉันก็สีขาวเหลืองอันนี้เกี่ยวกับการทำกรรมในอดีตมาใช่ไหมคะ แล้วคนเราที่มีสีผิวที่แตกต่างกันเป็นเพราะทำกรรมมาไม่เหมือนกัน
แล้วกรรมอะไรบ้างคะที่ทำให้คนเรามีสีผิวที่ไม่เหมือนกัน
และต้องเป็นดอกไม้อะไรคะที่สามารถบูชาพระได้
ในวันพระกับวันกับวันธรรมดาวันไหนได้บุญมากกว่าคะ
และต้องถวายดอกไม้ไม่เกินกี่ทุ่มคะ
กลิ่นของดอกไม้จะส่งผลถึงกลิ่นตัวและสีผิวเราด้วยใช่ไหมคะ
ดิฉันเป็นคนชอบสีเหลืองจึงชอบถวายดอกไม้สีเหลือง ผิวของดิฉันก็สีขาวเหลืองอันนี้เกี่ยวกับการทำกรรมในอดีตมาใช่ไหมคะ แล้วคนเราที่มีสีผิวที่แตกต่างกันเป็นเพราะทำกรรมมาไม่เหมือนกัน
แล้วกรรมอะไรบ้างคะที่ทำให้คนเรามีสีผิวที่ไม่เหมือนกัน
เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#2
โพสต์เมื่อ 08 August 2009 - 08:28 PM
ตัวอย่างอานิสงส์ถวายดอกไม้
พระปิณโฑลภารทวาชะ ผู้เป็นยอดแห่งภิกษุ ในการบันลือสีหนาท เป็นเลิศในการประกาศธรรม ท่านเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ไม่ครั่นคร้ามต่อที่ประชุมชน ใจของท่านเด็ดเดี่ยวมั่นคง ตั้งอยู่ในแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ จรดอยู่กลางกายธรรมพระอรหัตอยู่ตลอดเวลา
*ในอดีตของท่านนั้น ท่านเคยเกิดในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ปทุมุตตระ พระปิณโฑลภารทวาชะบังเกิดเป็นราชสีห์ อาศัยอยู่ ณ เชิงเขาในป่าใหญ่ ตอนเช้าตรู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยธรรมจักษุ ทรงทอดพระเนตรเห็นพญาราชสีห์เข้ามาปรากฏในข่ายพระญาณอันบริสุทธิ์ จึงเสด็จไปบิณฑบาตในพระนครหงสวดี หลังจากที่เสวยภัตตาหารเสร็จ ก็เสด็จมายังถํ้าของพญาราชสีห์ซึ่งกำลังออกหาอาหาร แล้วทรงประทับนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ เข้านิโรธสมาบัติ รอคอยการกลับมา
พญาราชสีห์ได้เหยื่อและกลับมายังถ้ำ เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งเข้านิโรธสมาบัติอยู่ภายในถ้ำ จึงคิดว่า "ในป่าแห่งนี้ ไม่มีสัตว์อื่นที่มีความสามารถจะมานั่งกลางอากาศในที่อยู่ของเราได้ บุรุษนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงหนอ มานั่งขัดสมาธิภายในถ้ำของเรา และมีรัศมีกายสว่างไสวแผ่ไปโดยรอบ เราไม่เคยเห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ สงสัยบุรุษนี้คงเป็นยอดมหาบุรุษของโลก"
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็ออกไปหาดอกไม้ชนิดต่างๆ ทั้งที่เกิดในน้ำและที่เกิดบนบก มาปูลาดเป็นอาสนะดอกไม้ ตั้งแต่พื้นดินวางซ้อนๆกันขึ้นไป จนถึงที่พระพุทธองค์ประทับนั่งขัดสมาธิ และยืนอารักขาพระพุทธองค์อยู่ตรงนั้น ด้วยจิตเลื่อมใสจนกระทั่งถึงสว่าง
พอรุ่งเช้าวันใหม่ พญาราชสีห์ก็นำดอกไม้เก่าของเมื่อวานออกไปทิ้ง และหาดอกไม้สดมาปูเป็นอาสนะอีก จัดแจงปูลาดอาสนะถวายพระพุทธเจ้าอย่างนี้อยู่ถึง ๗วัน โดยที่ตัวเองก็ไม่ออกไปล่าเหยื่อที่ไหนเหมือนกัน มีความปีติและอิ่มบุญที่ได้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ในระหว่างที่ทำหน้าที่อารักขาพระพุทธเจ้าอยู่นั้น พญาราชสีห์จะบันลือสีหนาท ๓เวลา คือ เช้า กลางวันและเย็น เป็นการขับไล่สัตว์ร้ายทั้งหลายไม่ให้มารบกวนพระพุทธองค์ การบันลือสีหนาทด้วยจิตที่เลื่อมใสนี่เอง เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่าน หลังจากได้บรรลุอรหัตผลแล้ว มักจะบันลือสีหนาทเป็นประจำ
http://www.dmc.tv/pa...ngkol06-14.html
http://www.dmc.tv/pa...ngkol06-15.html
พระปิณโฑลภารทวาชะ ผู้เป็นยอดแห่งภิกษุ ในการบันลือสีหนาท เป็นเลิศในการประกาศธรรม ท่านเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ไม่ครั่นคร้ามต่อที่ประชุมชน ใจของท่านเด็ดเดี่ยวมั่นคง ตั้งอยู่ในแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ จรดอยู่กลางกายธรรมพระอรหัตอยู่ตลอดเวลา
*ในอดีตของท่านนั้น ท่านเคยเกิดในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ปทุมุตตระ พระปิณโฑลภารทวาชะบังเกิดเป็นราชสีห์ อาศัยอยู่ ณ เชิงเขาในป่าใหญ่ ตอนเช้าตรู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยธรรมจักษุ ทรงทอดพระเนตรเห็นพญาราชสีห์เข้ามาปรากฏในข่ายพระญาณอันบริสุทธิ์ จึงเสด็จไปบิณฑบาตในพระนครหงสวดี หลังจากที่เสวยภัตตาหารเสร็จ ก็เสด็จมายังถํ้าของพญาราชสีห์ซึ่งกำลังออกหาอาหาร แล้วทรงประทับนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ เข้านิโรธสมาบัติ รอคอยการกลับมา
พญาราชสีห์ได้เหยื่อและกลับมายังถ้ำ เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งเข้านิโรธสมาบัติอยู่ภายในถ้ำ จึงคิดว่า "ในป่าแห่งนี้ ไม่มีสัตว์อื่นที่มีความสามารถจะมานั่งกลางอากาศในที่อยู่ของเราได้ บุรุษนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงหนอ มานั่งขัดสมาธิภายในถ้ำของเรา และมีรัศมีกายสว่างไสวแผ่ไปโดยรอบ เราไม่เคยเห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ สงสัยบุรุษนี้คงเป็นยอดมหาบุรุษของโลก"
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็ออกไปหาดอกไม้ชนิดต่างๆ ทั้งที่เกิดในน้ำและที่เกิดบนบก มาปูลาดเป็นอาสนะดอกไม้ ตั้งแต่พื้นดินวางซ้อนๆกันขึ้นไป จนถึงที่พระพุทธองค์ประทับนั่งขัดสมาธิ และยืนอารักขาพระพุทธองค์อยู่ตรงนั้น ด้วยจิตเลื่อมใสจนกระทั่งถึงสว่าง
พอรุ่งเช้าวันใหม่ พญาราชสีห์ก็นำดอกไม้เก่าของเมื่อวานออกไปทิ้ง และหาดอกไม้สดมาปูเป็นอาสนะอีก จัดแจงปูลาดอาสนะถวายพระพุทธเจ้าอย่างนี้อยู่ถึง ๗วัน โดยที่ตัวเองก็ไม่ออกไปล่าเหยื่อที่ไหนเหมือนกัน มีความปีติและอิ่มบุญที่ได้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ในระหว่างที่ทำหน้าที่อารักขาพระพุทธเจ้าอยู่นั้น พญาราชสีห์จะบันลือสีหนาท ๓เวลา คือ เช้า กลางวันและเย็น เป็นการขับไล่สัตว์ร้ายทั้งหลายไม่ให้มารบกวนพระพุทธองค์ การบันลือสีหนาทด้วยจิตที่เลื่อมใสนี่เอง เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่าน หลังจากได้บรรลุอรหัตผลแล้ว มักจะบันลือสีหนาทเป็นประจำ
http://www.dmc.tv/pa...ngkol06-14.html
http://www.dmc.tv/pa...ngkol06-15.html
QUOTE
ต้องเป็นดอกไม้อะไรที่สามารถบูชาพระได้
- นิยมดอกบัว ดอกมะลิ คงไม่นิยมดอกกุหลบQUOTE
แล้วคนเราที่มีสีผิวที่แตกต่างกันเป็นเพราะทำกรรมมาไม่เหมือนกัน แล้วกรรมอะไรบ้างคะที่ทำให้คนเรามีสีผิวที่ไม่เหมือนกัน
- โมหะ การดูถูกดูแคลน นำมาสู่การแบ่งชนชั้นวรรณะ สีผิว
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#3
โพสต์เมื่อ 08 August 2009 - 08:35 PM
สาธุค่ะ
เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#4 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 08 August 2009 - 10:15 PM
-บุคคลผู้บูชาพระด้วยดอกไม้ทีมีสีสวย แต่ไม่มีกลิ่นหอม เช่น บูชาพระด้วยดอกไม้พลาสติก หรือ ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น ต่อไปในภายหน้า บุคคลผู้นั้นจะได้อะไร ๆ ก็ล้วนแต่มีรูปร่างลักษณะดี มีรูปสวย แต่คุณภาพไม่ดีดังคำพังเพยว่า " สวยแต่รูป แต่จูบไม่หอม " -บุคคลผู้บูชาพระด้วยดอกไม้มีกลิ่นหอม แต่มีสีไม่สวย ต่อไปในภายหน้า บุคคลผู้นั้นจะได้อะไร ๆ ก็ล้วนแต่มีคุณภาพดี แต่มีรูปร่างลักษณะไม่สวย ไม่งดงาม ดังคำพังเพย " ถึงรูปชั่วตัวดำ แต่น้ำใจดี "
-บุคคลผู้บูชาพระด้วยดอกไม้กำลังสดชื่น ต่อไปในภายหน้า บุคคลผู้นั้นจะได้อะไร ๆ ก็ล้วนแต่เป็นของใหม่ ๆ ไม่ต้องใช้ของที่เขาใช้แล้ว เป็นมือหนึ่ง ไม่ต้องเป็นมือสองรองใคร ดังตัวอย่างเช่น ชูชกมีอายุแก่คราวปู่ได้นางอมิตตดา ซึ่งเป็นสาวแรกรุ่นคราวลูกหลานเป็นภรรยา เพราะอานิสงส์ที่ชูชกได้เคยบูชาพระด้วยดอกบัวตูมที่กำลังสดชื่น ฉะนั้น
พี่ WISH เรารีบไปหาดอกไม้ไปบูชาพระกันเถอะๆ อิอิ
#5
โพสต์เมื่อ 10 August 2009 - 08:59 PM
ดอกไม้อะไรก็ได้ครับ ตามสมควรแก่กำลังกายและกำลังศรัทธาครับ หากมีใจเลื่อมใสในคุณของพระรัตนตรัยแล้ว ได้อานิสงส์มากครับ สำคัญมาก คือ จิตใจ ที่สุดครับ ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง เทพธิดาดอกบวบขม เป็นต้น ท่านมีจิตเลื่อมใสในคุณของพระศาสดา แต่ไม่มีทรัพย์เพียงพอที่จะจัดหาดอกไม้ที่ปราณีตได้เนื่องจากเป็นคนขัดสน เห็นมีแค่ดอกบวบขมเท่านั้นที่ข้างรั้วของตน จึงถือเอาดอกบวบขมเพียงเท่านั้นมีใจร่าเริงบันเทิงในบุญเดินไป เพื่อจะบูชาพระเจดีย์ ในระหว่างทางถูกแม่โคลูกอ่อนขวิดตายในระหว่างทาง จึงไปบังเกิดในสวรรค์ เพราะใจที่เลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัย สรุปได้ทุกบุญคร้าบบบบ
#6
โพสต์เมื่อ 11 August 2009 - 07:08 PM
สาธุค่ะ
เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#7
โพสต์เมื่อ 11 August 2009 - 08:17 PM
สงสัยจังเลยค่ะ ว่าถ้าเอาดอกกุหลาบ บูชาแล้วผลจะเป็นอย่างไรค่ะ...
หรือถ้าเอาดอกไม้ที่สวย แต่ไม่มีกลิ่นหอม แล้วจะเป็นอย่างไรหรือค่ะ....
แล้วดอกบัว นี้มีกลิ่นหรือเปล่าค่ะไม่แน่ใจค่ะ.......
ต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่เข้ามาถามในกระทู้นี้พอดี เห็นกระทู้นี้น่าใจก็เลยเข้ามา
อ่านเอาไว้เป็นความรู้นะค่ะ.......พอดีดิฉัน ก็บูชาพระด้วยดอกไม้ที่สวยแต่ไม่มีกลิ่น
หอมเพราะหายได้ยาก.....
หรือถ้าเอาดอกไม้ที่สวย แต่ไม่มีกลิ่นหอม แล้วจะเป็นอย่างไรหรือค่ะ....
แล้วดอกบัว นี้มีกลิ่นหรือเปล่าค่ะไม่แน่ใจค่ะ.......
ต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่เข้ามาถามในกระทู้นี้พอดี เห็นกระทู้นี้น่าใจก็เลยเข้ามา
อ่านเอาไว้เป็นความรู้นะค่ะ.......พอดีดิฉัน ก็บูชาพระด้วยดอกไม้ที่สวยแต่ไม่มีกลิ่น
หอมเพราะหายได้ยาก.....
#8
โพสต์เมื่อ 11 August 2009 - 10:05 PM
ชนิดดอกไม้ สี และกลิ่น น่าจะมีส่วนนะครับอย่างพระอุบลวรรณา
เรื่องบุญเป็นอจิณไตย ยากเกินอธิบายนะผมว่า ^ ^
เรื่องบุญเป็นอจิณไตย ยากเกินอธิบายนะผมว่า ^ ^
#10 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 03 February 2011 - 07:53 PM
อานิสงส์ นะครับ มีผลถึงชาติหน้าเลยแหละ แต่ ดอกไม้ที่ จะถวายนะ ห้ามเป็นดอกไม้แห้งหรือดอกไม้ประดิษฐ์นะครับ เพราะว่าดอกที่ถวายนั้นมันไม่สมควรกับ พระพุทธองค์ของเรา หากว่าใครอย่ากรู้ อะไรเพิ่มอีกนะครับ ถามผมได ที่
e-mail [email protected]
e-mail [email protected]