"คำพูด" มีบางคนคิดว่าไม่สำคัญ คำพูดที่ออกจากปากไปแล้วอาจเป็นอาวุธเป็นหอกดาบ หรือน้ำทิพย์ชโลมใจ อาจเป็นน้ำหวานให้คนฟังชื่นบาน หรือยาพิษให้คนฟังสะเทือนใจเจียนตาย
แต่ในการติดต่อสื่อสารในสังคม สิ่งที่พบเห็นมาตลอดและดูเหมือนทำได้ง่ายๆ คือการกล่าวโทษกัน มีอะไรเกิดขึ้นก็โทษคนอื่นเป็นอันดับแรก ไม่ว่าได้มองหรือไม่มองตนเองแต่ต้องมีใครสักคน(ที่เป็นคนอื่น)ที่ผิด การด่าด้วยถ้อยคำผรุสวาทที่คำนึงถึงความสะใจตนเป็นที่ตั้ง คำอาฆาต คำส่อเสียด กระแหนะกระแหน ตลอดจนคำนินทา ล้วนไม่สร้างสรรค์โลกและสังคม ไม่แก้ปัญหา แต่ได้สร้างปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ และเรื่อยๆ อย่างไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
คนในสังคม ซึ่งเกิดมาอาศัยในโลกที่อัตคัตแถมมีทุกข์ภัยสารพัด แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือกันอย่างที่ควรจะเป็น กลับต้องมาสู้และทนกับเสียงลมปากและผลกระทบจากลมปาก ที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ด้วยกัน เรียกได้ว่าเจอภัยอะไรมา อาจได้เจอคำพูดทำร้ายจิตใจซ้ำ สิ่งเหล่านี้ทำให้คนในสังคมไทยต้องกลายสภาพเป็นชา บางคราวอาจถึงขั้นด้านชากับความทุกข์ของคนอื่น เพราะถูกสังคมหล่อหลอมให้เป็นอย่างนั้น กลายเป็นสนใจแต่เรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง ใครมาขอความช่วยเหลือก็สงสัยว่าเขามาหลอกลวงรึเปล่า เพราะ18มงกุฎมีเยอะ ต่างคนก็ทำมาหากินหาเงินให้ได้เยอะๆ จนเอาเงินเป็นตัวตั้ง วิธีการได้มาไม่เกี่ยง เมื่อถามเรื่องความถูกต้องของศีลและธรรม ก็ตอบไม่เต็มปาก พูดแบบอ้อมแอ้ม อ้างว่าเป็นวิธีและหน้าที่ที่ต้องหาเงิน
มวลชนของสังคมได้สร้างทิศทางกระแสวิถีการใช้ชีวิตไปในทางที่ไม่ใส่ใจจิตใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันและกัน ไม่สนใจเร่องคุณธรรม เป็นบริโภค+วัตถุนิยมมากขึ้นๆ ทั้งที่ในใจก็อาจวาดหวังว่าโลกน่าจะเอื้อเฟื้อน่ารื่นรมย์ แต่ชีวิตจริงกลายเป็นอีกอย่างนึง
ไม่ทราบว่า เพื่อนกัลยาณมิตร มีแนวคิดแนวปฏิบัติ ในเรื่องคำพูด และการช่วยให้สังคมน่าอยู่ กันอย่างไรบ้าง
"คำพูด" มีบางคนคิดว่าไม่สำคัญ
เริ่มโดย light mint, May 19 2008 10:07 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 19 May 2008 - 10:07 PM
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#2
โพสต์เมื่อ 19 May 2008 - 10:55 PM
ผมน้อมคำสอนของคุณยายมาใช้เตือนสติครับ
ร้อนเขา ร้อนเรา อย่าพูด.....
...............................................
และที่เคยอ่านมาจากผู้รู้ บอกว่า
ไม่จำเป้นที่จะพูดทุกอย่าง ดั่งที่ใจคิด
..................................
และของร้อนๆ ของสกปรก ก้อย่าเอามาใส่ตัว
.......................................
ยกตัวอย่าง ปัจจุบัน การเสพสื่อ เช่น สิ่งพิมพ์ ทีวี ฯลฯ
ล้วนเจอแต่ของร้อนๆ แถมยังเสียเงินซื้อมาอ่าน มาร้อนรุ่มอีก
.......................
เมื่อก่อน เคยเป็นสมาชิกหนังสือพิมพืรายวัน เดือนละประมาณ สองร้อยกว่าบาท
แต่ตอนนี้ไม่เอาไม่เป้น ไม่รับของร้อนมาใส่ใจ
เหลือเงิน สองร้อยกว่าบาท ทำบุญใส่บาตร ได้กุศลดีกว่า ซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน เป็นไหๆ ครับ
ร้อนเขา ร้อนเรา อย่าพูด.....
...............................................
และที่เคยอ่านมาจากผู้รู้ บอกว่า
ไม่จำเป้นที่จะพูดทุกอย่าง ดั่งที่ใจคิด
..................................
และของร้อนๆ ของสกปรก ก้อย่าเอามาใส่ตัว
.......................................
ยกตัวอย่าง ปัจจุบัน การเสพสื่อ เช่น สิ่งพิมพ์ ทีวี ฯลฯ
ล้วนเจอแต่ของร้อนๆ แถมยังเสียเงินซื้อมาอ่าน มาร้อนรุ่มอีก
.......................
เมื่อก่อน เคยเป็นสมาชิกหนังสือพิมพืรายวัน เดือนละประมาณ สองร้อยกว่าบาท
แต่ตอนนี้ไม่เอาไม่เป้น ไม่รับของร้อนมาใส่ใจ
เหลือเงิน สองร้อยกว่าบาท ทำบุญใส่บาตร ได้กุศลดีกว่า ซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน เป็นไหๆ ครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#3
โพสต์เมื่อ 21 May 2008 - 01:32 AM
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะสื่อหรือสิ่งพิมพ์ส่วนมากนำเสนอข่าวที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเช่นการฆ่า ข่มขืน การทำทารุณกรรม อ่านแล้วใจเศร้าหมอง ไม่ได้ประโยชน์ อ่าน อยบู่ในบลุญ กับดู DMC ดีกว่า
#4
โพสต์เมื่อ 21 May 2008 - 10:05 AM
'Good words anoint a man, ill words kill a man.'
John Florio, First Fruites
John Florio, First Fruites
#5
โพสต์เมื่อ 21 May 2008 - 01:39 PM
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เอาเงินไปซื้อของมาใส่บาตรได้ความเย็นตา เย็นใจดีกว่าตั้งมากมายค่ะ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#6
โพสต์เมื่อ 23 May 2008 - 08:17 AM
คำพูด หรือจะใช้คำว่าการสื่อสารต่อกันในรูปแบบต่าง ๆก็คงจะได้ นั้นสำคัญมาก โบราณท่านว่าไว้ดังนี้
ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา
คำพูดหรือวจืกรรม เป็นศีลข้อที่ 4ในจำนวน5ข้อของศีลห้าซึ่งถือว่าเป็นศีลของความเป็นมนุษย์
สังคมไทยหรือสังคมโลกก็ดีตกอยู่ในภาวะศีลธรรมเสื่อม เพราะมนุษย์ตกอยู่ในความหลง ความโลภ
ความไม่รู้จักพอ หรือหลักเศรษฐกิจพอเพียง การใช้สื่อเพือสนองตัญหาในยุค IT จึงเป็นไปอย่างกว้างไกล และรวดเร็ว เห็นได้ชัดในสังคมไทยเป็นสังคมจ้องจับผิด จับแพะชนแกะ หรือในทางธรรมก็คือการพูดส่อเสียดทำให้เกิดการทะเลาะกัน ไม่ได้สร้างสรร สังคม จึงมักมีข่าวเน่า ๆ มากกว่าการนำเสนอข่าวดี ๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ประเทศไทยมีสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ เป็นหลักที่หนักแน่นให้ประชาชนได้พึ่งพิง ไม่พังไปง่าย ๆ
ฉนั้นเราต้องมาช่วยกัน เริ่มต้นที่คนละหนึ่งกองทุนเป็นไง คือกองทุนธรรมะเพื่อประชาชน หนึ่งกองทุน
และกองทุนฟี้นฟูศีลธรรมโลกอีกหนึ่งกองทุน เพือสนับสนุนให้งานของหลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่สำเร็จผลเร็ว ๆ และเป็นการสร้างบุญสร้างบารมีของตัวเราเองด้วย ให้เกิดมาเป็นคนมีวาจาสุภาษิต คือเมื่อจะพูด
ก็พูดด้วยจิตที่เป็นกุศล พูดคำจริงด้วย และพูดถูกกาลเทศะ และก็พูดแล้วได้ประโยชน์ และไม่บวก4คิอ:
ไม่พูดคำหยาบ เหมือนเอาลวดหนามมาแยงหู
ไมพูดคำเท็จ คำโกหก ปั้นน้ำเหลวเป็นตัว
ไม่พูดเพ้อเจ้อ นำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง
ไม่พูดคำส่อเสียด ทำให้เขาทะเลาะกัน เป็นนกสองหัว นำความข้างนี้ไปบอกข้างโน้น นำความข้างโน้นไปบอกข้างนี้
ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา
คำพูดหรือวจืกรรม เป็นศีลข้อที่ 4ในจำนวน5ข้อของศีลห้าซึ่งถือว่าเป็นศีลของความเป็นมนุษย์
สังคมไทยหรือสังคมโลกก็ดีตกอยู่ในภาวะศีลธรรมเสื่อม เพราะมนุษย์ตกอยู่ในความหลง ความโลภ
ความไม่รู้จักพอ หรือหลักเศรษฐกิจพอเพียง การใช้สื่อเพือสนองตัญหาในยุค IT จึงเป็นไปอย่างกว้างไกล และรวดเร็ว เห็นได้ชัดในสังคมไทยเป็นสังคมจ้องจับผิด จับแพะชนแกะ หรือในทางธรรมก็คือการพูดส่อเสียดทำให้เกิดการทะเลาะกัน ไม่ได้สร้างสรร สังคม จึงมักมีข่าวเน่า ๆ มากกว่าการนำเสนอข่าวดี ๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ประเทศไทยมีสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ เป็นหลักที่หนักแน่นให้ประชาชนได้พึ่งพิง ไม่พังไปง่าย ๆ
ฉนั้นเราต้องมาช่วยกัน เริ่มต้นที่คนละหนึ่งกองทุนเป็นไง คือกองทุนธรรมะเพื่อประชาชน หนึ่งกองทุน
และกองทุนฟี้นฟูศีลธรรมโลกอีกหนึ่งกองทุน เพือสนับสนุนให้งานของหลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่สำเร็จผลเร็ว ๆ และเป็นการสร้างบุญสร้างบารมีของตัวเราเองด้วย ให้เกิดมาเป็นคนมีวาจาสุภาษิต คือเมื่อจะพูด
ก็พูดด้วยจิตที่เป็นกุศล พูดคำจริงด้วย และพูดถูกกาลเทศะ และก็พูดแล้วได้ประโยชน์ และไม่บวก4คิอ:
ไม่พูดคำหยาบ เหมือนเอาลวดหนามมาแยงหู
ไมพูดคำเท็จ คำโกหก ปั้นน้ำเหลวเป็นตัว
ไม่พูดเพ้อเจ้อ นำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง
ไม่พูดคำส่อเสียด ทำให้เขาทะเลาะกัน เป็นนกสองหัว นำความข้างนี้ไปบอกข้างโน้น นำความข้างโน้นไปบอกข้างนี้