อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด คืออะไรครับ?
#1
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 12:20 PM
อยากทราบความหมาย โดยละเอียดพิสดาร ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 12:36 PM
เป็นการขออราธนาหรือปล่าวน๊า? ซึ่งจะต้องมีคำว่า...ขออราธนา บุญ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด แห่ง....องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...อย่างนี้ด้วยหรือปล่าวน๊า?
#3
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 12:40 PM
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง
สุนทรพ่อ
มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ
#4
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 01:09 PM
#5
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 05:52 PM
แต่คำถามนี้ "หยุดให้ได้ซะก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน" ครับ (แซวเล่น ๆ ครับ)
#6
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 07:40 PM
ดวงบารมี 1 คืบ กลั่นเป็น ดวงอุปปบารมี 1 นิ้ว
ดวงอุปปบารมี 1 คืบ กลั่นเป็น ดวงปรมัตถบารมี 1 นิ้ว
ดวงปรมัตถบารมี 1 คืบ กลั่นเป็น ดวงรัศมี 1 นิ้ว
ดวงรัศมี 1 คืบ กลั่นเป็น ดวงกำลัง 1 นิ้ว
ดวงกำลัง 1 คืบ กลั่นเป็นดวงฤทธิ์ 1 นิ้ว
ดวงฤทธิ์ 1 คืบกลั่นเป็นดวงอำนาจ 1 นิ้ว
ดวงอำนาจ 1 คืบ กลั่นเป็นดวงสิทธิ 1 นิ้ว
ดวงสิทธิ 1 คืบ กลั่นเป็นดวงเฉียบขาด 1 นิ้ว
#7
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 07:56 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#8
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 08:40 PM
ดวงบารมี ๑ คืบ กลั่นเป็น ดวงอุปบารมี ๑ นิ้ว
ดวงอุปบารมี ๑ คืบ กลั่นเป็น ดวงปรมัตถบารมี ๑ นิ้ว
เมื่อดวงปรมัตถบารมีโตเต็มส่วน ๑ คืบ ทั้ง ๑๐ ทัศ(ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา)
ก็เพียงพอที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหัตสาวกทั่วไปได้
ถ้าอย่างนี้ล่ะก็ถูกต้องแน่นอนครับ(จากหนังสือ "คู่มือสมภาร") ส่วนที่เหลือ ที่หลายๆท่านได้กล่าวมา ไม่ทราบว่าไปได้ยินได้ฟังกันมาจากไหน และมีความถูกต้องแค่ไหนนะครับ
พูดถึงตรงนี้ก็เลยอยากจะฝากกันไว้ว่า สิ่งใดก็ตามที่เราได้ยินได้ฟังกันมา โดยที่อาศัยพูดเล่าลือกันมานั้น โดยเฉพาะเรื่องธรรมะละเอียด หากเรายังไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้รับฟังมานั้นถูกต้องแค่ไหนอย่างไร ไม่ควรเอาไปพูดต่อนะครับ เพราะหากสิ่งที่เราเอาไปพูดต่อมันไม่ถูกต้อง และมันไปทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดตามไปด้วยล่ะก็ อันนี้อานิสงส์แรงเลยนะครับ อยากจะฝากกันไว้
ส่วนเรื่อง อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด คืออะไรนั้น รอฟังจากพระเดชพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่ ดีกว่าครับ เพราะเรื่องอำนาจ สิทธิ เฉียบขาดนั้น เป็นเรื่องละเอียดพอสมควรทีเดียวครับ ซึ่งพระเดชพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่ท่านคงเห็นแล้วว่า ลูกๆโดยทั่วไปยังไม่ควรรู้ เรื่องไหนที่ลูกๆควรรู้ รับรองว่าพระเดชพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่ ท่านบอกหมดไม่มีปิดบังแน่นอน ดังนั้น อย่ามาถามเอาคำตอบในเวบบอร์ดแบบนี้เลย เพราะคงไม่ได้คำตอบ และต่อให้ได้คำตอบ จะรู้ได้อย่างไรครับว่าถูกต้อง ขอฝากไว้อีกหนึ่งเรื่องครับ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ...สาธุ
Someday I'm gonna be free.
#9
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 11:37 PM
ที่เหลือ ก็ฟังหูไว้หีบครับ (ใส่หีบเก็บ) ถือว่าอ่านกันเล่นๆ เพราะฟังมาจากไหนก็ไม่รู้ และก็คิดเองด้วย ก็ในเมื่ออยากให้ตอบแบบพิศดาร ก็ตอบแบบพิศดารแบบนี้แหละครับ อย่าเอาเป็นเรื่องเป็นราวเลย เป็นเรื่องไกลตัวเกิน
#10
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 11:39 PM
ต้องรอฟังต่อไป เดาเอาเองไม่ได้ค่ะ แต่ทราบมาว่าเป็นการกลั่นตัวของบุญ
นี่คือความเข้าใจที่ตนเอง ใช้ในการบ่มความสำเร็จแบบบริบูรณ์
ความเฉียบขาดเกิดขึ้นได้ เมื่อบุญมีกำลังมากที่สุด เหนือสิ่งที่ขวางไว้ไม่ให้สำเร็จผลในเรื่องนั้น
ก็หมายถึงว่าต้องสั่งสมบุญมากๆ และกลั่นตัวซ้ำๆกัน ด้วยจิตอันเป็นกุศลล้วนๆในเรื่องนั้น/เป้าหมายนั้น
เมื่อจิตมีความบริสุทธิ์ ละเอียดอ่อน เป็นกุศลเท่าทันครอบคลุม จนครบรอบหรือแก่รอบ
ความแจ้งชัดก็เกิดขึ้น บุญบารมี.... บริบูรณ์ ความเฉียบขาดก็เกิดขึ้น
ความคิด การพูด การกระทำทุกอย่างจะถูกส่วน เหมาะสมทุกอย่างกับความสำเร็จในขั้นนั้น
ฉะนั้นการที่จะชนะขาดรอย ชิตังเม ชนะด้วยผังสำเร็จอันเป็นกุศลรอบด้าน Win-Win
ต้องบ่มบุญ และกลั่นดวงบุญด้วยกุศลจิตที่เกิดขึ้นในองค์พระที่มีบารมีสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
จนเมื่อเข้าถึงองค์พระองค์ที่มีบารมีแก่พอ มีความบริสุทธิ์พร้อม เพียงพอที่จะชนะเรื่องนั้น
ก็ถึงที่สุดของเรื่องนั้น เป้าหมายนั้น ผังสำเร็จก็จะเกิดขึ้นด้วยความเฉียบขาด
ความเฉียบขาดอยู่ขั้นไหน ก็จะมีบารมีที่จะครองความสำเร็จในขั้นนั้น
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#11
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 11:47 PM
พูดถึงตรงนี้ก็เลยอยากจะฝากกันไว้ว่า สิ่งใดก็ตามที่เราได้ยินได้ฟังกันมา โดยที่อาศัยพูดเล่าลือกันมานั้น โดยเฉพาะเรื่องธรรมะละเอียด หากเรายังไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้รับฟังมานั้นถูกต้องแค่ไหนอย่างไร ไม่ควรเอาไปพูดต่อนะครับ
ข้อนี้เป็นความจริงทีเดียว เพราะเหตุว่า "ผู้รู้แท้ ย่อมกล่าวแต่น้อย" ครับ
ข้อนี้เป็นคุรุกรรมเลยทีเดียวนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากสิ่งที่นำไปบอกเล่าเก้าสิบนั้น ทำให้ผู้รับฟังเกิดความเบี่ยงเบนออกจากความเห็นที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม (สัมมาทิฏฐิ) แล้วล่ะก็ เมื่อถึงคราวตายเพราะกายแตก ย่อมมีคตินิมิตตารมณ์อันเที่ยงแท้ว่า จักต้องไปเสวยทุกข์โทษ ณ อายตนะแห่งนี้
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2310
เพราะฉะนั้น
กระทู้แนะนำสำหรับคนชอบฟังเรื่องอจินไตย ขุนศึกฯ มีแง่คิดดีๆ จะมามอบให้แด่ท่านตามกระทู้นี้เลยครับ
=> http://www.dmc.tv/fo...wtopic=6003&hl=
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"