มีสามีหรือภรรยาหลายคนสามารถจะบรรลุธรรม คือ พระนิพพานได้ไหมครับ
#1
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 08:55 AM
#2
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 09:03 AM
นอกนั้นก็ให้ทำตามหลักการที่ครูไม่ใหญ่ว่า "อดีตที่ผิดพลาด ลืมไปให้หมดสิ้น......." นั่นแหละครับ ทำให้ครบ
#3
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 09:25 AM
#4
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 06:41 PM
ก็น่าจะได้นะครับ เพราะไม่ใช่อนันตริยกรรม เหมือนกับที่คุณTanay007 ว่าไว้
ท่านองคุลีมาลฆ่าคนเป็นหลายร้อย ศีลข้อ1 ขาดกระจุย ยังบรรลุมรรคผลนิพพานได้
กับเพียงแค่มีสามีหรือภรรยาหลายคน ก็น่าจะบรรลุได้นะครับ หุหุ
----------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#5
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 06:45 PM
#6
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 08:09 PM
การมีภรรยาน้อยนั้น ถ้าภรรยาหลวงยินยอมและเต็มใจ ก็ไม่ผิดศีลข้อ 3 ครับ เช่น พระอินทร์ มีภรรยาใหญ่ๆ ถึง 4 คน และมีภรรยาน้อยอีก 20 กว่าคนทีเดียว แต่ก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน คือ ภายใน 7 ชาติ ก็บรรลุนิพพาน
พระเจ้าสุทโธทะนะ พุทธบิดา ก็มีมเหสีซ้ายขวา ขวาก็พระนางสิริมหามายา ซ้ายก็พระนางอุบลวรรณาเถรี แถมสนมอีกไม่ทราบจำนวน ยังบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตอนก่อนละโลกได้เลย
แต่ถ้าภรรยาหลวงไม่เต็มใจล่ะก็ ศีลก็ด่างพร้อยครับ จะไปมีผล ทำให้เราเป็นเกิดเป็นผู้หญิงที่ต้องไปเจอสามีทำเช่นนั้นกับเราบ้างน่ะครับ ดังนั้น อย่าเสี่ยงดีกว่า
ส่วนกรณีผู้หญิงนั้น ไม่ได้นะครับ ผิดทุกกรณี แม้สามียินยอมก็ตาม ดังที่เคส Study ไม่กี่วันที่ผ่านมา หญิงไทย มีสามีญี่ปุ่นถึง 3 คน และคนญี่ปุ่นไม่ถือ ทั้ง 3 ยินยอมเป็นสามีเธอพร้อมๆ กันหมด อย่างนี้คุณครูบอกว่า ถือว่า ผิดว่าศึลครับ ให้เธอไปเลิกกับอีก 2 คนซะ มิฉะนั้น หมดสิทธิ์ไปดุสิตบุรี แต่ความจริง อาจถึงกับลงอบายทีเดียวนะครับ
ตรงนี้ ถ้าท่านใดจะถามว่า อย่างนี้ ริดรอนสิทธิสตรีนี่นา คือ ผมตอบตามกฏแห่งกรรมน่ะครับ กฏมันเป็นแบบนี้ ผมก็ตอบแบบนี้น่ะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 10:41 PM
เอ ไม่ใช่พระนางสิริมหามายา กับพระนางมหาปชาบดีโคตมีหรือครับ
"ยังบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตอนก่อนละโลกได้เลย"
ตรงนี้ผมก็เคยได้ยินมาครับ แต่ค้นในพระไตรปิฎกไม่เจอ ที่พุทธบิดาบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถ้าท่านใดเจอขอความกรุณาช่วยบอกด้วยครับผม ขอบพระคุณครับ
#8
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 09:12 AM
ตรงนี้ผมก็เคยได้ยินมาครับ แต่ค้นในพระไตรปิฎกไม่เจอ ที่พุทธบิดาบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถ้าท่านใดเจอขอความกรุณาช่วยบอกด้วยครับผม ขอบพระคุณครับ
ยืนยันตามคุณหัดฝันครับ พระพุทธบิดาท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วนิพพานแล้วจริงๆ เรื่องราวมีอยู่ว่า
คราวที่ 1 ตอนที่พระพุทธองค์เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรก ที่เกิดฝนโบกขรพรรษ ทรงแสดงธรรมจน พระพุทธบิดาบรรลุ พระอนาคามิผล และสามเณรราหุลออกบวช เรื่องราวดังนี้
เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบก็ตกพระทัย รีบเสด็จลงจากพระราชนิเวศน์ เสด็จพระราชดำเนินไปหยุดยืนเฉพาะพระพักตร์พระบรมศาสดาแล้วทูลว่า "ไฉนพระองค์จึงทรงทำให้หม่อมฉันได้รับความอัปยศ โดยเที่ยวภิกษาจารเช่นนี้"
สมเด็จพระชินสีห์จึงตรัสตอบว่า "ดูกรพระราชสมภาร อันการเที่ยวบิณฑบาตนี้ เป็นจารีตประเพณีของตถาคต"
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาค อันบรรดากษัตริย์ขัตติยสมมติวงค์องค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งเที่ยวบิณฑบาตเช่นนี้ยังจะมีอยู่ ณ ที่ใด ประเพณีของหม่อมฉันไม่เคยมีแต่ครั้งไหนในก่อนกาล"
"ดูกรพระราชสมภาร นับแต่ตถาคตได้บรรลุพระสัมโพธิญาณแล้ว ก็สิ้นสุดสมมติขัตติวงศ์ เริ่มประดิษฐานพุทธวงศ์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ ดังนั้น การเที่ยวบิณฑบาตจึงเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า ตลอดพระภิกษุสงฆ์ที่สืบสายพุทธวงศ์ชั่วนิรันดร"
เมื่อพระบรมศาสดาตรัสเช่นนี้แล้ว จึงแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา ให้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วพระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงรับบาตรของพระบรมศาสดา ทูลอาราธนาให้เสด็จขึ้นพระราชนิเวศน์ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ทรงอังคาสด้วยอาหารบิณฑบาตอันประณีต
วันรุ่งขึ้น พระบรมศาสดาเสด็จพระพุทธดำเนินไปรับภัตตาหารบิณฑบาตใน พระราชนิเวศน์เป็นวันที่สอง ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้ว ตรัสพระธรรมเทศนาโปรดพระนางมหาปชาบดีและพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระนางมหาปชาบดีได้บรรลุโสดาปัตติผล พระพุทธบิดาได้บรรลุสกิทาคามีผล
วันรุ่งขึ้นอีก พระบรมศาสดาเสด็จพระพุทธดำเนินไปรับภัตตาหารบิณฑบาต ในพระราชนิเวศน์เป็นวันที่สาม ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้ว ตรัสเทศนามหาธรรมปาลชาดกโปรดพระพุทธบิดา ให้สำเร็จพระอนาคามีผล
คราวที่ 2 ในปีที่ 5 นับแต่ตรัสรู้ เวลานั้นพระพุทธบิดาประชวรใกล้สวรรคต พระพุทธองค์ได้กลับเทศน์โปรดจนพระพุทธบิดาบรรลุพระอรหันต์ แล้วนิพพาน เรื่องราวดังนี้
พระพุทธเจ้าจึงรับสั่งพระอานนท์ให้แจ้งข่าวพระสงฆ์ ถึงเรื่องที่พระองค์จะเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์อีกวาระหนึ่ง
ธรรมเนียมการเสด็จจาริกทางไกลของพระพุทธเจ้ามีอยู่อย่างหนึ่งคือ ก่อนเสด็จจะรับสั่งพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้ชิดให้บอกข่าวพระสงฆ์ทั้งมวลว่า พระพุทธเจ้าจะเสด็จทางไกล ที่นั่น ที่นี่ เวลานั้น เวลานี้ พระสงฆ์รูปใดจะตามเสด็จก็จะได้เตรียมข้าวของอัฐบริขารไว้พร้อม
การเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ของพระพุทธเจ้า เพื่อทรงเยี่ยมพุทธบิดาที่ทรงประชวรครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อเสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์ ได้เสด็จเข้าเยี่ยมพุทธบิดา ซึ่งมีพระอาการเพียบหนักแล้ว ทรงแสดงธรรมโปรดพุทธบิดาด้วยเรื่องความเป็นอนิจจังของสังขาร ปฐมสมโพธิ บันทึกพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าครั้งนี้ไว้ตอนหนึ่งว่า
"ดูกร มหาบพิตร อันว่าชีวิตแห่งมนุษย์ทั้งหลายนี้ น้อยนักดำรงอยู่ โดยพลันมิได้ยั่งยืนอยู่ช้า คุรุวนา ดุจสายฟ้าแลบอันปรากฎมิได้นาน....."
พระเจ้าสุทโธทนะ ซึ่งทรงสำเร็จอนาคามีผลอยู่ก่อนแล้ว ได้สดับพระธรรมเทศนา ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ได้สำเร็จอรหันต์ในบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพ หลังจากนั้นอีก ๗ วัน ก็สิ้นพระชนม์
พระพุทธเจ้าเสด็จสรงน้ำพระศพพุทธบิดา และถวายพระเพลิง พร้อมด้วยพระสงฆ์ พระประยูรญาติ ชาวศากยะทั้งมวลจนเสร็จสิ้น
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#9
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 09:41 AM
#10
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 12:04 PM
#11
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 12:17 PM
#12
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 03:05 PM
#13
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 04:15 PM
พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยพระดำรัสว่า ลูกเอย เจ้าจงดูพระสมณะซึ่งมีรูปดังพรหม
มีวรรณะดังทองคำแวดล้อมด้วยสมณะ ๒ หมื่นองค์อย่างนั้น พระสมณะนี้เป็น
พระบิดาของเจ้า พระสมณะนั่นได้มีขุมทรัพย์ใหญ่ จำเดิมแต่พระสมณะนั้น
ออกบวชแล้ว แม่ไม่เห็นขุมทรัพย์เหล่านั้นเจ้าจงไปขอมรดกกะพระสมณะนั้น
ว่า ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์เป็นกุมาร ได้รับอภิเษกแล้วจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ข้าพระองค์ต้องการทรัพย์ ขอพระองค์จงประทานทรัพย์แก่ข้าพระองค์
เพราะบุตรย่อมเป็นเจ้าของสิ่งของอันเป็นของบิดา. พระกุมารเสด็จไปยังสำนักของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทีเดียว กลับได้ความรักต่อพระบิดามีจิตใจร่าเริงนักกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระสมณะ ร่มเงาของพระองค์เป็นสุข แล้วได้ยืนตรัสถ้อยคำอย่างอื่น
อันสมควรแก่พระองค์เป็นอันมาก. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำภัตตกิจแล้ว
ทรงกระทำอนุโมทนา แล้วเสด็จลุกจากอาสนะหลีกไป. ฝ่ายพระกุมารเสด็จติด
ตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปโดยตรัสว่า ข้าแต่พระสมณะ ขอพระองค์จงประทาน
มรดกแก่ข้าพระองค์ ข้าแต่พระสมณะ ขอพระองค์จงประทานมรดกแก่ข้าพระองค์
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงไม่ให้พระกุมารกลับ. บริวารชนไม่ได้อาจเพื่อ
จะยังพระกุมารผู้เสด็จไปพร้อมกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้กลับ. พระกุมารนั้น
ได้เสด็จไปยังพระอารามพร้อมกับพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยประการดังนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดำเนินไป ทรงพระดำริว่า กุมารนี้ปรารถนาทรัพย์อันเป็น
ของบิดาซึ่งเป็นไปตามวัฏฏะมีความคับแค้น เอาเถอะ เราจะให้อริยทรัพย์ ๗
ประการซึ่งเราได้เฉพาะที่โพธิมัณฑ์แก่กุมารนี้ เราจะกระทำให้เป็นเจ้าของ
ทรัพย์มรดกอันเป็นโลกุตระ แล้วตรัสเรียกท่านพระสารีบุตรมาว่า สารีบุตร
ถ้าอย่างนั้น เธอจงให้ราหุลกุมารบวช. ก็เมื่อพระกุมารบวชแล้ว ทุกข์มี
ประมาณยิ่งเกิดขึ้นแก่พระราชา. เมื่อไม่ทรงสามารถจะอดกลั้นความทุกข์นั้น
จึงทูลให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ. แล้วทรงขอพรว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ดังหม่อมฉันจะขอโอกาส พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย ไม่พึงบวชบุตรที่
บิดามารดายังไม่อนุญาต. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับพระดำรัสนั้นของพระราชา
นั้น ในวันรุ่งขึ้น เสวยพระกระยาหารเช้าในพระราชนิเวศน์ เมื่อพระราชา
ผู้ประทับนั่งอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่งตรัสว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในคราวที่
พระองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา เทวดาองค์หนึ่งเข้าไปหาหม่อมฉันกล่าวว่า
พระโอรสของพระองค์ทรงทำกาละแล้ว หม่อมฉันไม่เชื่อคำของเทวดานั้น ห้าม
เทวดานั้นว่า บุตรของเรายังไม่บรรลุพระโพธิญาณจะยังไม่ทำกาละ จึงตรัสว่า
บัดนี้ พระองค์จักทรงเชื่อได้อย่างไร แม้ในกาลก่อนเมื่อคนเอากระดูกแสดง
แล้วกล่าวว่า บุตรของท่านตายแล้ว พระองค์ก็ยังไม่เชื่อ แล้วตรัสมหาธรรมปาลชาดก
เพราะเหตุเกิดเรื่องนี้ขึ้น.
ในเวลาจบพระคาถา พระราชา(พระเจ้าสุทโธทนะ)ทรงดำรง
อยู่ในพระอนาคามิผล. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้พระบิดาดำรงอยู่ในผลทั้ง ๓
ด้วยประการดังนี้แล้ว อันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้ว เสด็จไปกรุงราชคฤห์อีก
ทรงประทับอยู่ที่ป่าสีตวัน.
ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย ชาดก เล่ม 55 หน้า 148-149
#14
โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 04:53 PM
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง
#15
โพสต์เมื่อ 09 October 2006 - 09:05 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี