มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[gioia]

ในปัจจุบัน ผู้หญิงมีศิษย์มีเสียง มีความรู้มีความสามารถ ไม่แพ้ผู้ชาย เพราะฉะนั้นถ้าผู้หญิงคิดจะอยู่เป็นโสด ความคิดนี้จะเหมาะสมและถูกต้องเพียงใด สำหรับสังคมไทยของเรา
การอยู่เป็นโสดคนเดียว ย่อมสบายกว่าการมีครอบครัวอยู่แล้ว

โดยทั่วไป สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงส่วนมากคิดแต่งงาน คือ

๑. ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ จึงคิดหาที่พึ่ง โดยการยอมเป็นช้างเท้าหลังของผู้ชาย

๒. ไม่มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันตัวเองเมื่อมีภัยได้ แม้จะสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่า ถ้ามีเหตุเภทภัยอะไรเกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นภัยจากคนพาล ภัยจากสุขภาพ ภัยจากธรรมชาติไม่เอื้ออำนวย แล้วใครจะ ช่วยเป็น เกราะป้องกันภัยเหล่านี้ให้

ทั้ง ๒ กรณีนี้ ผู้หญิงยอมแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รัก ส่วนในกรณีที่รักเขาจึงยอมแต่งงานด้วย

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้รักใครชนิดหัวปักหัวปำลงไปแล้ว ในเมื่อเราก็สามารถ ทำมาหาเลี้ยง ตัวเองได้ เมื่อมีเหตุเภทภัยอะไรเกิดขึ้นก็ไม่กลัว บ้านเมืองสมัยนี้ก็ไม่ถึง กับป่าเถื่อนจนเกินไปนัก เนื่องจากมีกฎหมาย มีการคุ้มครองที่ดีอยู่แล้ว

และยังมีความมั่นใจอีกว่า โดยฐานะ โดยสุขภาพ แม้เราจะต้องอยู่คนเดียวตอนชรา เราก็อยู่ของเราได้ ไม่ต้องให้ใครมาคอยดูแลเพราะว่าหลักประกันสังคมในด้านต่างๆ นั้นมีอยู่มากมาย

ถ้ามีความมั่นใจอย่างนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงาน
ถ้าผู้หญิงทั้งหลายที่สามารถยืนหยัดอยู่บนขาของตัวเอง ไม่คิด ที่จะแต่งงาน แล้วก็ไม่ได้ผิดหลัก ศาสนาอะไรด้วย

ความจริงแล้วคนเราไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือเป็นชาย ในพระพุทธศาสนาสอนไว้ชัดเจนว่า " คนเราเกิดมาเพื่อแก้ไขตนเอง " เพราะแต่ละคนก็มีนิสัย มีความประพฤติ ที่ยังดีไม่สมบูรณ์อยู่ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อไม่รีบแก้ไขเสียตั้งแต่ตอนนี้ นิสัยและความประพฤติไม่ดีเหล่านั้น ก็จะทำให้เราไปทำอะไร ที่ไม่เหมาะ ไม่ควร จนเป็นบาปติดตัว เป็นทุกข์ ตามมา

ถ้าเราสามารถแก้นิสัยไม่ดีของเราได้ จนกระทั่งเหลือแต่นิสัยดีๆ ก็จะทำให้พฤติกรรมต่างๆ ของเรา เป็นบุญ เป็นกุศล อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ชีวิตของเราจะมีทุกข์น้อยลง และมีสุขเพิ่มขึ้น ไปทุกชาติๆ

แต่ว่าขณะที่เรายังต้องแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีให้หมดไปนี้ เรายังต้องกิน ต้องใช้ ก็เลยต้องมีการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ บางคน ไม่มั่นใจในความสามารถ ในการหาเลี้ยงชีพของตัวเอง ก็เลยหาที่พึ่งด้วยการแต่งงาน ต้องยอมไปทำอะไรหลายๆ อย่าง ที่ไม่อยากทำ แต่พ่อบ้านเขาให้ทำ

เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ สามารถต่อสู้กับอุปสรรคเภทภัยต่างๆ ได้ เรื่องอะไร จะต้องไปรองรับ หน้าแข้งคนอื่นเขา อยู่คนเดียวอย่างนั้นแหละดี แล้วก็หมั่นแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีในตัวของเราไป

คุณยายอาจารย์ฯ ท่านเคยสอนว่า อยู่คนเดียวมีเงิน ๑๐๐ บาท สามารถทำบุญได้ถึง ๕๐ บาท แต่งงานไปมีเงิน ๑๐๐ บาท อย่างดีทำบุญได้แค่ ๕ บาทเท่านั้น เพราะว่าเกรงใจเขา ยิ่งมีลูกขึ้นมา สักคน มีเงิน ๑๐๐ บาท จะทำบุญสัก ๑ สลึง ก็ทำได้ยากเสียแล้ว เพราะต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง ห่วงสามี ห่วงลูก เกรงใจคนนั้น เกรงใจคนนี้

ผลสุดท้ายเกิดมาแทนที่จะได้สร้างบุญ สร้างบารมี กลับต้องมานั่งไกวเปลเลี้ยงลูก ต้องมา นั่งเกรงใจสามีที่บางครั้งก็ไปทำเรื่องไม่เข้าท่า

สู้เอาเวลาเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง ยืนหยัดอยู่ในโลกกว้าง ศึกษาและ ปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สร้างบุญ สร้างบารมี ของเราให้เต็มที่ ไม่ต้องมีใครมาเป็นเจ้าหัวใจดีกว่า

แต่บางครั้งก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้ว บั้นปลายชีวิตจะทำอย่างไร ในเมื่อเราไม่แต่งงาน ไม่มีลูก บางคนก็เลยมาตัดสินใจแต่งงานเอาง่ายๆ ตรงนี้เอง เพราะหวังว่าต้องมีลูกเอาไว้ เพื่อจะได้ดูแลเราตอนแก่

เคยเห็นมามาก บางคนมีลูกเป็นโหล ตอนแก่กลับพึ่งลูกไม่ได้สักคน เพราะต่างคนต่าง ก็แยกออกไปมีครอบครัวของตัวเองกันหมด ปล่อยให้แม่เฒ่าเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว

การที่จะมีใครมาคอยดูแลตอนแก่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ๒ ประการ คือ

๑. นิสัยใจคอของเรา เราเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น หรือไม่ ถ้าไม่จู้จี้ขี้บ่น คนที่จะมาช่วยดูแลเรา ตอนแก่ ก็พอจะหาได้ไม่ยาก

๒. ทรัพย์สมบัติของเรา เรามีเงินหรือไม่ ยิ่งมีเงินมากๆ ไม่ต้องมีลูกหรอก แค่หลานๆ หรือว่าเพื่อนบ้าน ก็อยากจะมาช่วยดูแลเรากันทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นคนไม่จู้จี้ขี้บ่น และมีฐานะดี หมั่นเก็บเงินเก็บทองเอาไว้มากๆ บั้นปลายชีวิต เดี๋ยวก็จะมีคนมาช่วยมาดูแลเราเอง

ข้อสำคัญเราต้องเป็นคนดี ต้องสร้างบุญ สร้างบารมี ตลอดชีวิต ทานก็ทำ ศีลก็รักษา สมาธิก็นั่ง เห็นหลานๆ หรือว่าเพื่อนบ้าน คนไหนที่มีแววว่าจะเป็นคนดี เราก็สนับสนุนส่งเสริม ให้การศึกษาบ้าง ให้ความช่วยเหลือต่างๆ บ้างตาม สมควรแก่นิสัยใจคอของเขา ก็คงจะได้เจอคนดีๆ เข้าบ้างล่ะ

เมื่อเราอุปการะเขาอย่างดี แม้ไม่มีลูกก็เหมือนมีลูก แล้วก็จะได้ให้เขานั่นแหละคอยดูแล เราตอนแก่ เพราะเราก็เตรียมของตอบแทนไว้เต็มที่แล้ว คือสมบัติที่เก็บเอาไว้นั่นเอง

"ลูกเอ๊ย ถ้าดูแลป้าดีๆ ก็เอามรดกนี้ไปก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นป้าเอาไปทำบุญหมดนะ"

มองภาพของการดำเนินชีวิตให้ได้ชัดเจนอย่างนี้ แล้วหมั่นเตือนตัวเองว่า
ฉันเกิดมา เพื่อสร้างบุญ สร้างบารมี เกิดมาเพื่อจะแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีให้หมดไป เกิดมาเพื่อจะถางทางไปพระนิพพาน

คิดได้อย่างนี้ สามีก็ไม่ต้องมี ลูกก็ไม่ต้องมี เงินทองหามาได้ที่ต้องกินก็กิน ที่ต้องใช้ก็ใช้ ที่ต้องเก็บก็เก็บ ที่ต้องทำบุญก็ทำบุญ ที่จะต้องไปเกื้อหนุนใคร ก็เตรียมเอาไว้ให้พร้อมสรรพ ใครทำ ได้อย่างนี้ รับรองอยู่คนเดียวสบาย


ดังนี้ เป็นโอวาทพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว

[Dd2683]

จริงแท้ ทุกมุมมอง จากผู้มีประสบการณ์ชีวิตแท้จริง มาเปิดใจให้
สุภาพสตรีโสดทั้งหลายที่ ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์
แต่ยังไม่แน่ใจ คงได้คำตอบชัดเจนให้ตนเองมากขึ้น

โมทนาสาธุกับธรรมทานของคุณ miocercio ด้วยครับ

โลกและชีวิต จะสุข หรือทุกข์
สำเร็จ หรือล้มเหลว
อ่อนแอ หรือแข็งแรง
ขึ้นอยู่กับ กุศลและอกุศล ที่ทำไว้

ถ้าสั่งสมบุญไว้ดี ต่อเนื่อง ระลึกถึงเนืองๆ ( ใจอยู่ในบุญ )
จะโสดหรือแต่งงาน ก็มีความสุข ความสำเร็จ
ถ้าสั่งสมบุญไว้น้อย ใจไม่อยู่ในบุญ
จะโสดหรือแต่งงาน ก็มีความทุกข์ ทุกคราว ทุกที่ไป

อย่าปรุงแต่งความกังวล ในอดีต เพราะผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้ จำไว้ว่า อดีต คือ อดีต
และอย่าดึงความกังวลจากอนาคต ซึ่งเป็นเวลาที่ยังมาไม่ถึง เดี๋ยวจะ ทุกข์กินเปล่า
ให้สั่งสมบุญไว้ นำทางชีวิต
ทำการบ้าน 10 ข้อ ของคุณครูทุกวัน
มีแต่เรื่องอัศจรรย์ เกินพรรณนา

ไฟล์แนบ

•  40_L.jpg   124.05K   48 ดาวน์โหลด

[Streamdhamma]

หนูก็อยากเป็นโสดด

[aoi]

เป็นคนหนึ่งที่คิดว่าชีวิตจะอยู่เป็นโสดแน่นอนค่ะ และไม่กลัวว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเพราะเชื่อมันในคำสอนของคุณยายค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ

[เป็นหนึ่ง]

อนุโมทนาบุญครับ...สาธุ

[Omena]

การแต่งงานมันมีสุขน้อยทุกข์มากอยู่แล้วค่ะ

[นิ่งๆ นุ่มๆ]

ใช่ ต้องรักให้เป็น จึงจะไม่อกหัก รักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่อกหักแน่นอน

[นิ่งๆ นุ่มๆ]

พี่miocercio คะ ยังไม่ได้ e mail ข้อมูลสาธุชนที่ เลยอะคะ รบกวนด้วยค่า


ใช่คะ ต้องรักให้เป็น รักพระพุทธศาสนาซิคะ รับรองไม่อกหัก


พี่miocercio คะ ยังไม่ได้ e mail ข้อมูลสาธุชนที่ Italy เลยอะคะ รบกวนด้วยค่า

[แก้วประเสริฐ]

เป็นโสดดีกว่า ลองไปถามคนที่แต่งงานมีครอบครัว ทุกคนบอกว่า รู้อย่างนี้ไม่แต่งดีกว่าทุกข์มากกว่า สุข (สุก)

[VCO]

ยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีแฟนแล้ว ยังทุกข์เลย
แล้วนับประสาอะไรกับแต่งงานแล้ว .... เฮ้อออออ พลาดไปแย้ววววว

นั่งสมาธิเป็นสุขกว่าเยอะเลย

[ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี]

รักมากก็ทุกข์มาก รักน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่รักก็ไม่ทุกข์ นี้เป็นเรื่องจริง

[นิ่งๆ นุ่มๆ]

การแต่งงานไม่ใช่ของสนุกเลยโดนมาแล้วกำลังหาทางหนี

โอ โห เอาใจช่วยคะ

[ลูกพระธัมฯ Merry Ma]

"สบายส่วนตัว อย่างที่ ไม่เคยรู้สึกมาก่อน" ค่ะ

ไม่ใช่อยู่ที่ไม่สวยไม่น่ารัก ขี้เกียจ อกหัก ขี้งก ถึงได้อยากอยู่เป็นโสดนะคะ

แต่เป็นเพราะว่าขณะนี้เราพบความสุขจากภายใน ความเกลี้ยงโปร่งเบา
ความหมดกังวล ความอิ่มเอมใจ ความรู้สึกเมตตาต่อผู้อื่น ความสดชื่น
ความกระฉับกระเฉง ความเย็นสุขุมหนักแน่น ความฉับไวในความคิดอ่านฯลฯ
ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกว่า Self-Actualization Needs จากการนั่งสมาธิ
อีกทั้งมีความเข้าใจใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำSelf-Development
ทำให้เราพอใจในความละเอียดอ่อนในตนเองยิ่งขึ้น เป็นความสุขความพอใจในตน

เราได้เป็นตัวเราเองจริงๆ ซึ่งก็ไม่ได้เกลียดผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหลงรักใครด้วย
กลับมีความเมตตากรุณาต่อผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ คนจน คนรวย ฯลฯ
ได้เท่าๆกันหมด ตัวเราเองก็คงเส้นคงวา ไม่ต้องแสดงละครทำเป็นดีเป็นร้าย

เมื่อได้รับความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ใจเราก็ไม่ทุกข์ร้อนว่าต้องมีคู่
ทุกอย่างเป็นเรื่องราวใหม่ ที่ตรงกับความเป็นจริงภายในตนเองที่เคยรู้สึกอยู่ลึกๆ
ยิ่งได้ฟังคุณครูไม่ใหญ่สอนทุกวัน เห็นหมู่คณะเดินหน้าสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่
ยิ่งรู้สึก Alert พอใจจริงๆ ที่เรารอดมาเป็นโสดได้ "ดีจัง จะได้สร้างบารมีเต็มที่"

ไม่กลัวเลยว่าจะลำบากตอนแก่ เพราะว่าถ้าเรามีจิตใจผ่องใส ใครๆก็รักอยากอยู่ใกล้
ไม่กลัวเลยว่าจะไม่มีลูก เพราะว่าการเป็นแม่คนเป็นการเจริญเมตตาอย่างหนึ่ง
เชื่อว่าถ้าเราดีงาม เราทำบุญ อีกหน่อยเด็กที่เคยมีบุญกับเรา แม้นเกิดด้วยกายเนื้อกับใคร
ก็จะมาหาเราเอง เราเป็นต้นแบบต้นบุญให้เค้าได้ สอนให้เค้ามีศีล สมาธิ ปัญญา

ส่วนพวกผู้ชายนั้น ไม่มีปัญหาเลย เราเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ไม่คิดเรื่องนี้
ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้ามาคิดว่าเราจะแย่งสามีเค้าแน่
(อีนี่มาวัดประจำ พูดอะไรก็"วัด"ทุกที อิอิ มันไม่มาแข่ง แย่งของเราแน่)
มีแต่เราจะช่วยให้พวกเค้าทั้งคู่มาถือศีล ทำสมาธิ ให้ทาน ดับร้อนในชีวิตคู่

ไม่กลัวเลยว่าสมบัติที่เราหามาได้ อีกหน่อยจะไร้คนดูแล
เพราะว่าเราจะทำบุญกับทางวัดหมด แปลงทรัพย์สินเป็นทุนส่งบุญทับทวี
คนที่คิดว่าตัวเองรวย ยิ่งมีมากแล้ว แต่ไม่สอนคนรอบข้างให้มีศีล
มีแต่เค้าจะมาประจบเราเพื่ออยากได้ทรัพย์ ไม่เป็นมิตรแท้กับเรา
ถ้าเราเข้าวัด ก็เอาทุกคนรอบข้างเข้าวัด ใครคิดโกงทรัพย์ ประจบเรา
ย่อมทนอยู่ไม่ได้นาน ทนฟังธรรมของเราไม่ไหว นั่งสมาธิไม่นิ่ง
ก็เห็นแล้วว่าเค้ามีกิเลศมาก แต่เราจะพยายามให้เค้าปรับตัวไป
ถ้าช่องบุญเค้ามี เค้าก็ได้รู้วิธีการว่าจะได้ทรัพย์ด้วยกุศลยังไง

เรามีสมาธิเราจะรู้ทันคน อาจจะรู้ล่วงหน้าก่อนจะเจอคนๆนั้น
หรือแค่เห็นก็รู้ได้เลยว่ามาพบเราด้วยประสงค์ดีร้ายยังไง
เราควรจะปรับจะสอนเค้ายังไง ให้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาได้ดี
และรู้ว่าที่สุดแห่งธรรมคือะไร ควรเอาตนและครอบครัวให้รอด
ในสังสารวัฎได้อย่างไร

การที่จะอยู่โสดหรือไม่ อยู่ที่ บุญกรรมเก่า เรื่องราวเก่าของคนๆนั้นเป็นพื้นฐาน
บางคนมีคู่กรรม กรรมติดพันมาทำให้ช้ำในชาตินี้ รู้จักทุกข์ก็จะเริ่มตั้งอธิษฐาน
บางคนเคยมีคู่กรรมในอดีต รู้ทันทุกข์ เคยอธิษฐานให้เป็นโสด ก็จะอยากเป็นโสด
บางคนมีคู่บุญบารมีร่วมสร้างกันมาก็ยังติดใจอยากร่วมสร้างกันไป ถือว่าดีอยู่แล้วที่มีคู่เคียงข้าง

แต่บางคนก็มีคู่บุญบารมีมาก่อน แต่ชาตินี้คู่บุญละวางไปสู้เส้นทางอันประเสริญแล้ว
ก็มีแต่ต้องประพฤติพรหมจรรย์ เพราะว่าคนที่รักที่สุดที่ดีที่สุดของเราไม่มีให้เลือกแล้ว
สอนตนให้รู้จักอิ่มรู้จักพอในเรื่องนี้ ไม่มีอะไรเป็นสาระไปกว่านี้ ชีวิตคู่ไม่ใช่สุขสูงสุด
เดินหน้าสู่ขั้นตอน Self-Development ขั้นถัดไป อาจหาญร่าเริงในการสร้างบารมีต่อไป
อโหสิกรรมและอนุโมทนาบุญกับคู่บุญ ที่เค้าประเสริฐ เดินหน้าสร้างบารมีอย่างยิ่งยวดไปแล้ว
อธิษฐานให้เกิดเป็นชายได้บวช สร้างบารมีตามเค้า ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เรา
แล้วก็ขอให้เราไม่พบอุปสรรคเมื่อเราได้บวช ขอให้มีแต่คนยินดีสนับสนุนเราเช่นกัน
ขอให้บ่มบารมีเพื่อกายมหาบุรุษได้โดยเร็ว เป็นกำลังสำคัญให้แก่วงบุญของเรา

"เป้าหมายของเรา คือ ที่สุดแห่งธรรม"
โสดไม่โสด ก็ต้องสร้างบารมีให้เต็มที่
แม้นทุกข์เพราะรัก ก็ต้องอโหสิกรรมต่อกันไป
แม้นสุขเพราะรัก ก็ต้องรู้จักบำเพ็ญตบะ ทำสมาธิให้มาก
เพราะในสังสารวัฎ ในชาติใดชาติหนึ่ง มันอาจจะดึงเอากรรมเก่า
มาใส่ให้เราหรือคู่ของเรา ให้ต้องทำผิดใจ เป็นทุกข์แก่เราก็ได้

สัจธรรม... ความรักฉันท์คู่รัก ให้ทุกข์ที่สูงสุด แต่ไม่ได้ให้สุขที่สูงสุด