กรรมอะไรที่ทำให้บุคคลเกิดมาสายตาสั้นครับ
#1
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 02:08 AM
และกรรมอะไรหรือครับที่ทำให้เกิดมามีจักขุแจ่มใส สายตาไม่สั้นไม่ยาว ถ้ายกเว้นการถวายประทีปโคมไฟแล้วมีข้ออื่นๆ อีกไหมครับที่ช่วยทำให้จักขุงาม
เห็นภาพได้งดงามสว่างไสว ไม่ขุ่น ไม่มัวครับ
#2
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 03:46 AM
โอ อันนี้ อยากรู้มากเหมือนกันคะ เพราะตัวเองทั้งสั้นทั้งเอียงมากกกก
ส่วนอันนี้มีหลายสาเหตุนะคะ จากที่ฟังใน รร ฝันในฝันก็จะมี เคยเป็นทหารแล้วขังคนในคุกมืด หรือ เคยทรมานสัตว์ หรือเคยเป็นหมอแล้วรักษาคนไข้ผิด ฯ
เห็นภาพได้งดงามสว่างไสว ไม่ขุ่น ไม่มัวครับ
ขอแนะนำให้เข้าถึงธรรมคะ รับรองมีตาทิพย์ เห็นได้ชัดแจ๋ว ไม่ขุ่น ไม่มัวคะ
น้าจี้
#3
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 03:58 AM
๑. กรรมทรมานสัตว์และ/หรือคนโดยการไปทำให้เขาตาบอด ส่วนอีกกรรมหนึ่งก็คือ กรรมขังสัตว์เอาไว้ในที่มืด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่นิยมขังปลาดุกปลาช่อนไว้ในตุ่มแล้วปิดฝา เพื่อเตรียมไว้สำหรับนำมาประกอบอาหาร (แต่ประการหลังนี้ส่งผลเพียงแค่ทำให้นัยน์ตามัวและฝ้าฟางแต่เพียงเท่านั้น)
๒. กรรมอทินนาทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อค้าแม่ขายที่ชอบขายสินค้าด้วยวิธีการปลอมปนในลักษณะของการเอาของแท้ปนของเทียม อาทิ ค้าข้าวเปลือกอย่างเดียวยังไม่ได้ราคาขายสมใจ ต้องเอารำข้าวคลุกผสมลงไปเพื่อโกงตราชั่ง ด้วยกรรมเพียงเท่านี้ ย่อมส่งผลให้เป็นโรคตาบอดสี อันเนื่องมาจากเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนในการเลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังมีวิบากกรรมอันเผ็ดร้อนที่จะต้องไปเสวยผลในนรกภูมิดังนี้คือ ต้องไปถูกนายนิรยบาลจับนอนขึงพืดบนแผ่นเหล็กแดงร้อนแรงด้วยเปลวไฟ จากนั้นนายนิรยบาลก็จะนำเอาเบ็ดเหล็กร้อนที่ทั้งแหลมทั้งคมขนาดโตเท่าลำตาล มาสับ เชือด และเฉือนลงบนตัวของสัตว์นรก จนกระทั่งร่างกายของสัตว์นรกขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆ ตายเกิดตายเกิดวนเวียนอยู่เช่นนี้จนกว่าจะสิ้นกรรม ซึ่งการที่สัตว์นรกอดีตพ่อค้าแม่ขายใจคดดังกล่าวต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยอาการเช่นนี้ อธิบายว่า การขายสินค้าปลอมปนให้กับผู้บริโภคนั้น เปรียบได้กับการเอาเหยื่อหุ้มเบ็ด ซึ่งในการนี้ ผู้ที่ทำการตกเบ็ด คือ พ่อค้าแม่ขาย ส่วนปลาที่ตกเป็นเหยื่อนั้นคือ ผู้บริโภคเช่นเราท่านทั้งหลายนั่นเอง ประกอบเหตุไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้สัตว์นรกจึงต้องมาเสวยทุกข์โทษด้วยอาการดังกล่าวตามสมควรแก่เหตุที่ตนได้ประกอบไว้ (ทรงจำมาจาก "เราคือใคร" เรียบเรียงโดย อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล)
๓. กรรมกาเมสุมิจฉาจาร ที่พบเห็นได้อย่างดาษดื่นในปัจจุบันก็คือ ผู้ที่ทำการผลิตเว็บไซต์ลามกอนาจารทุกประเภทซึ่งทำให้คนบอดตาบอดใจ ลุ่มหลงมัวเมาตกเป็นทาสของกามตัณหาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ซึ่งเรื่องนี้สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับอดีตชาติของพระบรมโพธิสัตว์ของเราเมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นมานพหนุ่มช่างทองครับ ด้วยความประมาทหลงคบคนชั่วเป็นมิตรจนต้องประพฤติผิดในกาม หลังจากที่ท่านต้องไปชดใช้กรรมในจตุราบายภูมิอย่างยาวนานเป็นเวลาถึง ๑๔ กัป (เห็นไหมครับว่า "กรรมชั่วแม้เพียงนิด อย่าคิดทำ หากเราทำก็เท่ากับว่า เราได้สร้างหนามแหลมขึ้นมาทิ่มตำตัวเอง") แล้ว หนึ่งในการเสวยผลกรรมนอกจากการที่ต้องเกิดมาเป็นคนที่มีความวิปริตทางเพศแล้ว ท่านยังต้องเกิดมาเป็นคนตาบอดอีกด้วยครับ อ้อ! แล้วแต่ละอย่างที่ท่านต้องมาเกิดเป็นหลังจากที่ได้ไปชดใช้วิบากกรรมในอบายภูมิมาแล้วจนหมดสิ้นนี่ แต่ละอย่างไม่ต่ำกว่า ๕oo ชาตินะครับ (เวรกรรมมันร้ายอย่างนี้นี่เอง)
๔. กรรมมุสาวาท ดังเช่นกรณีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ แต่อาจมีจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ตรงที่การประกอบเหตุ กล่าวคือ แทนที่จะไปล้อคนสายตาสั้น ก็เปลี่ยนเป็นล้อเลียนคนตาบอดเสีย
๕. กรรมดื่มสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราเถื่อนที่มีส่วนผสมของเมธิลแอลกอฮอล์ (Methanol) ซึ่งถ้าหากบริโภคในปริมาณมากจนเกินไปก็สามารถทำให้ตาบอดได้เช่นกัน (ข้อนี้สามารถส่งผลอย่างทันตาเห็นในภพชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้าครับ)
บุญจากการถวายแว่นตาให้กับพระภิกษุสงฆ์ซึ่งท่านมีอาการอาพาธทางสายตา และบุญที่เราๆ ท่านๆ กำลังทำกันอย่างขมันเขม้นทุกวี่ทุกวันอยู่ในขณะนี้ก็คือ บุญอันเกิดจากการให้ธรรมทานนี่แหละครับ เพราะเป็นการหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง และถ้าจะให้ผมอธิบายแบบวิเคราะห์เจาะลึกแล้ว ก็ต้องบอกกับทุกท่านว่า นี่คือการให้ปัญญาจักษุ อันจะเป็นเครื่องเปิดทางให้ มังสจักษุ ทิพยจักษุ สมันตจักษุ และธรรมจักษุภายในของเรา ถึงพร้อมบริบูรณ์สว่างไสวไพศาลอีกด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่ด้วยเช่นเดียวกันครับว่า หากท่านให้มิจฉาธรรมะแก่ผู้อื่น แม้ว่าในขณะนี้ท่านจะยังไม่บอดตา แต่ท่านย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้บอดภายใน คือ "บอดใจ" แล้วนะครับ
#4
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 05:14 AM
น้าจี้
#5
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 08:05 AM
#6
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 08:11 AM
อยากมีสายตาดี ก็ขอให้เป็นคนคิดอะไรยาวๆ มองอะไรให้กว้างๆ มองให้ลึก มีเหตุมีผล มีใจเป็นกลางไม่เอนเอียงไม่มีอคติ เจริญปัญญาด้วยการเจริญภาวนาจนเข้าขั้นมีรู้มีญาณทัสสนะเห็นอะไรตามความเป็นจริงได้บ้าง แล้วก็อย่าไปกล่าวตู่ใคร อย่ามองคนผิดๆ อย่ามองแบบใจแคบ อย่ามองคนที่ภายนอก ให้มองที่ภายใน มองที่ใจ มองเห็นให้ทะลุปรุโปร่งครับ สายตาเราจะแจ่มใสชัดเจนไปทุกภพทุกชาติครับ
#7
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 12:22 PM
#8
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 01:15 PM
โอ้โห สาธุค่ะ คุณก้องเกียรติ....
แล้วก็อยู่ที่กรรมใหม่ด้วย ตอนเด็กๆ ชอบไปดูทีวีใกล้ๆจอ
แถมยังชอบนอนอ่านหนังสือในที่มืดๆ
เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดช่องกรรมมาแทรกหนะค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 01:22 PM
ชื่อว่าเว็บบอร์ด ต้องบอร์ด DMC ไม่ทำให้คนตาบอดครับ
#10
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 01:30 PM
เอ: อืม รู้จักหลวงพี่มงคลไหม
บี: อืม ไม่รู้จักน่ะ รูปไหนเหรอ
เอ: ก็องค์ที่ใส่แว่นไง
บี: อ๋อๆ จำได้แล้ว องค์ที่อ้วนๆ แล้วก็ใส่แว่นใช่มะ
เอ: ใช่ๆ องค์นั้นแหล่ะที่ท่านเคยเทศน์สอนเรา
สรุปว่า ทั้งเอ และบี ต่างต้องไปมีสายตาสั้นด้วยกันทั้งคู่ในชาติต่อๆ ไปค่ะ (บีก็โดนสองกระทงทั้งอ้วนทั้งต้องใส่แว่นด้วย)
วิบากกรรมหนอ ไม่เคยละเว้นผู้ใดเลยย
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#11
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 03:47 PM
ขออโหสิกรรมกับคู่กรรมคู่เวรด้วย ขอให้ได้รับผลบุญของเราให้สุขทั้งกายและใจ
เรื่องจ้องคอมก็ไม่น่าถึงกับตาบอด แต่ว่าก็เคยตาแดงไปหาหมอเป็นเดือนเหมือนกัน
เพราะว่าใส่คอนแทคเลนท์ไปด้วยจ้องคอมไปด้วย แล้วน้ำตาแห้ง เลยอักเสบหนะค่ะ
ตอนนี้จึงต้องหยุดใส่เลนท์จ้องคอมพ์ค่ะ เปลี่ยนมาไส่แว่นจ้องคอมพ์แทน
เวลาออกงานก็ค่อยใส่เลนท์แทนแว่น
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#12
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 04:24 PM
ขอโมทนาสาธุการกับทุกๆ ท่านด้วยครับสา....ธุ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#13
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 06:44 PM
ไม่ใช่ค่ะ
ไม่ได้ขัง
แค่คิดจะสร้างคุกมืดค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#14
โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 11:37 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#15
โพสต์เมื่อ 31 March 2006 - 02:52 AM
#16
โพสต์เมื่อ 31 March 2006 - 09:48 AM
สงสัยมานานแล้วค่ะ พี่เกียรติก้อง ตอบได้ชัดเจนจริงๆ สาธุ
#17
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 03:06 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#18
โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 01:22 PM
อย่างนี้มีกรรมอย่างไรครับ....
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#19
โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 04:45 PM
เช่นกันเลยครับคุณเถลิงเกียรติ เมื่อก่อนผมก็ไม่สั้นมากครับหลังจากทำงานหน้าคอมฯบ่อยๆ สายตาสั้นไปเยอะเลยครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#20
โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 04:51 PM
#21
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 01:19 PM
แล้วอยากทราบว่า นอกจากสายตาเราที่ยาวเนื่องจากสังขารของคนเราแล้ว มีวิบากกรรมอะไรไหมค่ะที่ทำให้เรามีสายตายาว ต้องให้แว่นช่วย
#22
โพสต์เมื่อ 06 June 2006 - 04:21 PM
แล้วก็ค่อยๆสั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนเรียนมหาลัยสั้นประมาณ 1100
เรียกว่าถ้าไม่มีแว่นนี่ไม่ต้องกลับบ้านหรือไปไหนกันเลยครับ
ในที่สุดตอนเรียนปี 5 จึงได้ทำเลสิก ปัจจุบันไม่ต้องใส่แว่นเหลือสั้นอยู่เล็กน้อย
เคยฝากเพื่อนที่ส่งเคสถามคุณครูไม่ใหญ่ ปรากฏว่าพุทธันดรที่แล้วไปล้อคนอื่นว่า "แว่นตาหนาเตอะ"
ที่ทำเลสิกแล้วหายผมไม่ได้ถาม แต่คิดว่าคงเพราะกรรมเบาบางลง+จุดโคมมาฆประทีปครับ