สัพพัญญุตญาณ
#1
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 09:53 PM
#2
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 09:58 PM
ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกครับ ไม่ขัดกันเองด้วย เพราะหมู่คณะเรามีจิตมุ่งมาดปรารถนาที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์นี่นา สรุปว่า มีโอกาสบรรลุถึงซึ่งพระสัพพัญญุตญาณนะครับ (ถ้าไม่หนีทัพไปเสียก่อน) แต่สิ่งที่ขัดกันเองก็คือ ประโยคแรกของคุณที่ว่า "การอธิษฐานจิตให้บรรลุสัพพัญญุตญาณ (ไม่ใช่อธิษฐานให้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)" อันนี้ขัดกันนะครับ เพราะพระสัพพัญญุตญาณนั้น ย่อมปรากฏมีแต่เฉพาะองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นครับ
#3
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 12:12 AM
ก็อย่างที่น้องเกียรติก้องได้บอกไว้แหละครับว่า พระสัพพัญญุตญาณนั้น เฉพาะผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นครับ
ตอบ สมควรถ้ามีกำลังใจแก่กล้ามากพอที่จะทำงานใหญ่ครับ
ไม่สมควรหากบารมียังอ่อนอยู่มาก กล่าวคือ ถ้ายังมีนิสัยบุญก็ทำบาปก็ยังทำอยู่
รู้ตัวว่าเป็นคนตามใจตัวเองกิเลสหนาตัณหาจัด เช่น ชอบฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดในกาม โกหกเก่ง ชอบสุรา
นารี พาชี กีฬาบัตร ใส่บาตรก็ทำ นั่งสมาธิก็นั่ง สวดมนต์ก็สวดบุญใหญ่วัดไหนทำหมด
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่สมควรไปที่สุดแห่งธรรมครับ เพราะการอธิษฐานจิตเพื่อไปที่สุดแห่งธรรมแต่ไม่ลดละเลิกกิเลส
ก็เท่ากับเป็นการจองตั๋วฟรีไปที่สุดแห่งนรกครับ และถ้ากำลังใจยังเอาแน่ไม่ได้ต่อไปมรรคผลก็จะเนิ่นนานยาก
ที่บารมีจะเต็มได้โดยง่ายครับ
ตอบ ใช่ครับ
ตอบ มีโอกาสครับ ถูกต้องครับทุกคนปรารถนาไปสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อพักกลางทางเท่านั้น และชั้นนี้จะอยู่ได้เฉพาะผู้ที่
เป็นพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นครับ
การไปที่สุดแห่งธรรมนั้นจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้กายมหาบุรุษ โดยทุกคนจะเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธเจ้าครับ
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้าในกลุ่มพระปัจเจกพุทธเจ้านั่นแหละครับ
ดังนั้นการบำเพ็ญบารมีจึงต้องแก่รอบไปพร้อมๆ กันเมื่อถึงเวลาอันสมควรบารมีเต็มส่วนการไปที่สุดแห่งธรรมเพื่อกำจัด
เหตุแห่งกองทุกข์ แก่ เจ็บ ตาย ก็จะเริ่มขึ้นครับ
ส่วนการที่ใครจะสามารถไปถึงได้จริงหรือไม่นั้นก็คงต้องแล้วแต่บุญและวาสนาของแต่ละคนครับ
อุปมาเหมือนเต่าทะเลที่ฟักออกมาจากไข่แล้ววิ่งลงทะเล ท่ามกลางมรสุมอันเชี่ยวกราก อาจจะต้องมีเต่าทะเลตายลงเป็น
จำนวนมาก บางตัวก็ถูกนกกินบ้าง ปลากินบ้าง ปูกินบ้าง บ้างหมดแรงตายกลางทะเล บ้างก็รอดชีวิตอยู่จนถึงโต
....
ที่มารูป www.lib.ru.ac.th/ ,www.talaythai.com/,www.siamfishing.com/,www.sharkfriends.com/
ดังนั้นการไปที่สุดแห่งธรรมนั้นจึงต้องอาศัยกำลังอันเข้มแข็งจริงๆ ครับขอให้ทุกท่านที่ปรารถนาสูงโชคดีทุกคนครับ
#4
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 09:55 AM
พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว
#5
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 11:34 AM
โดยที่ทราบมานั้น ไม่ใช่วิสัยของพระอรหันต์ทั้งหลายจะบรรลุได้เลยค่ะ
เพราะพระพุทธองค์ต้องบ่มบารมีจนครบ 30 ทัศ
จึงจะเห็นสัจธรรมโดยรอบโดยกว้างโดยลึกได้ชัดเช่นนั้น
ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ขอผู้รู้ชี้ชัดอีกทีค่ะ
ขอกล่าวว่าสัพพัญญุตญาณ เกิดกับพระพุทธองค์ได้นั้น เท่ากับ
หากท่านใดบ่มบารมีเพื่อสัพพัญญุตญาณ ย่อมต้องบ่มบารมี 30 ทัศให้ครบเป็นอย่างน้อย
แต่ถ้าไม่ได้ไปขอพุทธพยากรณ์เลย ไม่ได้อยากเป็นพระพุทธเจ้าเลย
ก็จะต้องบ่มบารมีเป็นพระบรมโพธิสัตว์แบบอนิยตโพธิสัตว์ต่อไปนั้น
อาจจะสามารถใช้ความสามารถส่วนนี้ได้เมื่อบารมีครบ 30 ทัศแล้ว
แต่อย่าลืมว่าภาคมารนั้นมีอิทธิพลต่อสรรพสัตว์ทุกรูปแบบอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้นพระพุทธองค์
สิทธิการใช้สัพพัญญุตญาณ มีแก่พระพุทธองค์นั้น เพราะมารอาจจะเปิดให้
ถือว่าเป็นข้อตกลงว่าเป็นพิเศษในชาติสุดท้าย ซึ่งให้สิทธิเต็มที่ (ในกรอบที่ให้ไว้นะคะ)
ฉะนั้นพระบรมโพธิสัตว์ที่บ่มบารมีครบ 30 ทัศแล้ว ยังอยู่ในสังสารวัฏต่อไปนั้น
อาจจะถูกบีบให้เข้าพระนิพพาน หรือไปขอพุทธพยากรณ์เพื่อตัดการบ่มบารมีต่อไปก็ได้
หรือหากยังอยู่ในสังสารวัฏต่อได้ แต่ปัญญาญาณที่เป็นตัวเดียวกับสัพพัญญุตญาณ
อาจจะไม่สามารถเปิดใช้ได้สมบูรณ์ 100% ก็ได้นะคะ
#6
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 01:14 PM
ความรู้ของผมยังน้อยนิด จึงขอทุกท่านเมตตาเสริมความเข้าใจให้ถูกต้องยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยครับ
กราบขอบคุณทุกท่านครับ
#7
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 01:25 PM
#8
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 03:24 PM
#9
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 04:47 PM
นานมาแล้วมีคุกแห่งหนึ่ง กว้างใหญ่ไพศาล ขังสรรพสัตว์ไว้มากมาย สรรพสัตว์ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวอยู่ในคุก เพราะคุกถูกออกแบบไว้อย่างดี จนแทบสังเกตุไม่ออก แต่ในท่ามกลางเชลยผู้ไม่รู้ทั้งหลายนี่เอง มีเชลยผู้รู้ผู้มีปัญญาเกิดขึ้น จากการลงโทษที่ได้รับมาเป็นเวลานาน ทำให้เชลยผู้รู้เกิดความรู้ขึ้นว่า ที่ที่ตนอยู่มานานนี้คือ คุกใบใหญ่นี่เอง
เชลยกลุ่มหนึ่งจึงตัดสินใจหาทางออกจากคุก มีทั้งแบบพอหาทางได้แล้วก็ไปเลย กับอีกกลุ่มหนึ่งชักชวนสมัครพรรคพวกจำนวนหนึ่ง หาทางไปด้วยกัน พอหาทางออกได้แล้ว ก็ออกไปด้วยกัน แต่คุกแห่งนี้มีพลังบางอย่างแฝงอยู่ โดยผู้คุมจะพยายามทำลายร่องรอยทางออกเดิมให้ได้เท่าที่มีโอกาส จึงทำให้พอมีคนออกไปได้จำนวนหนึ่งแล้ว แผนที่ทางออกนั้นก็ถูกทำลายลง ทิ้งเรื่องราวของคุกและทางออกไว้เป็นปริศนาอยู่เช่นเดิม ที่ยังคงขังนักโทษกลุ่มใหญ่มากๆ ไว้
อยู่ต่อมา ก็มีเชลยผู้รู้อีกกลุ่มหนึ่งก็เกิดความคิดว่า อยากจะช่วยนักโทษทั้งหมดของคุก ให้พ้นคุกให้หมดทีเดียว เขาจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อเตรียมการก่อการใหญ่ แต่ก็จะมีเชลยอีกกลุ่มหนึ่งสงสัยว่า นักโทษที่เหลือในคุกนั้น กลุ่มใหญ่มาก ทำยังไงจะช่วยออกจากคุกได้หมด จะตั้งเป้าหมายว่าอย่างไร ในเมื่อถ้าตั้งเป้าหมายว่า ขอได้เป็นให้ผู้นำพาออกจากคุก ก็กลายเป็นว่าจะต้องออกไปก่อน ช่วยหมดทุกคนไม่ได้ แล้วการช่วยทุกชีวิตจากคุก จะมีใครเป็นผู้นำพาออก จะมีใครเป็นผู้ตาม ไม่เห็นมีใครตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำออกจากคุก หรือ ผู้ตามออกจากคุกเลย
จนกระทั่งมีผู้บอกเขาว่า ใครบอกว่า จะพาทั้งหมดออกจากคุกเล่า จะทำลายคุกต่างหาก ถึงตรงนี้เขาถึงได้บ้างอ้อว่า
"อ๋อ เพราะคิดจะทำลายคุก จึงไม่ต้องมีการตั้งเป้าหมายว่าใครจะเป็นผู้นำออกจากคุก ใครจะเป็นผู้ตามออกจากคุก (ไม่ต้องอธิษฐานว่า บรรลุ สัมมาสัมโพธิญาณ ปัจเจกโพธิญาณ อรหันตญาณ) แต่ตั้งเป้าหมายว่า จะทำลายคุกแทน (ที่สุดแห่งธรรม)"
"อ๋อ ถ้าไม่รู้เรื่องคุกระดับผู้นำออกจากคุกแล้ว จะพาทุกชีวิตออกจากคุกคงจะยาก นั้นก็ใช่ แต่เราไม่ได้คิดพาออก แต่เราจะชักชวนก่อการทำลายคุกต่างหาก เราจึงต้องสร้างผู้มีความรู้ระดับผู้นำออกจากคุกขึ้นมากๆ เพื่อจะได้ช่วยกันทำลายคุก (ไม่ใช่นำออก)"
"อ๋อ ถ้ามีผู้นำคนเดียว ย่อมทำได้ยาก ที่เหลือเป็นผู้ตามย่อมทำได้ไม่เก่ง ต้องสร้างผู้นำจำนวนมากๆ ไปช่วยกันทำลายคุก"
"อ๋อ ผู้นำออกจากคุก (พระพุทธเจ้า) อาจมีมากกว่า 1 คนในคราวเดียวกันไม่ได้ เพราะเขากันทางออกไว้ แต่ถ้าผู้นำทุกคน เปลี่ยนเป้าหมายมาทำลายคุก อย่างนี้เราจะมีผู้นำกี่คนก็ได้ เพราะทุกคนคือ ผู้นำ โอ้ จอร์จ มันยอดมากจริงๆ"
#10
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 04:53 PM
ถ้าลองอ่านพุทธประวัติของพระพุทธองค์จะทราบว่าพระองค์ได้พยากรณ์ทำนายถึงพระพุทธเจ้าในอดีตย้อนไป 28 พระองค์
โดยแต่ละพระองค์นั้นจะพบว่าทุกพระองค์นั้นได้ปรารถนามีอายุขัยไม่มีประมาณ แต่จำต้องละสังขารโดยมีการบอกใบ้ให้พุทธอุปัฎฐากถึง 16 ที่ 16 ตำบลนั่นแสดงว่าพระพุทธองค์ต้องการจะบอกให้คนรุ่นหลังได้ทราบว่ามารนั้นเขาร้ายกาจมากครับ
เขาเซทผังสำเร็จให้พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ไม่สามารถจะต่อวิชชาหรือเดินวิชชาได้จำต้องเข้าพระนิพพานกันหมด
ดังนั้น การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้ามากกว่า 1 พระองค์จึงยังไม่บังเกิดแต่ถ้าเมื่อใดที่พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายปรารถนา
จะเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ถอนถอยไม่ลดละไม่ลาจากพุทธภูมิเสียก่อน ปาฎิหารย์ย่อมบังเกิดขึ้นได้แน่ครับ
ขอให้ดูตัวอย่างพระปัจเจกพุทธเจ้าเถอะครับท่านก็คือพระพุทธเจ้าเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้สั่งสอนหรือโปรดสัตว์ก็ยังมีการบังเกิดขึ้นได้ คำว่าเป็นไปไม่ได้ไม่มีสำหรับบรมโพธิสัตว์ครับ
ตอบ จริงครับ
เอาใจช่วยให้ทุกท่านที่ปรารถนาสูงประสบความสำเร็จโดยถ้วนหน้ากันครับสาธุ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#11
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 10:17 PM
ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างบารมีจนได้กายมหาบุรุษก็มีโอกาสได้สัพพัญญุตญาณครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 04:20 AM
พระพุทธเจ้าในพระพุทธเจ้า จำเป็นต้องมีอัครสาวกและอสีติมหาสาวกและสาวกอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ครับ ถ้าไม่มีจะเรียกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหมครับ หรือว่าเหมือนกับพระปัจเจกพุทธเจ้าที่อยู่รวมกัน ต่างกันแต่บารมีและสัพพัญญุตญาณเหรอครับ หรือไปโปรดเอาตอนสุดท้ายครับ แล้วผู้ที่จะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมจำเป็นต้องสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหมครับ สาวกที่สามารถไปถึงที่สุดแห่งธรรมมีหรือไม่ครับ เพราะผมเคยได้ยินมาว่า แม้คุณยายก็ยังเป็นบารมีระดับสาวก ตรงนี้เองที่ทำให้ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ว่าจะไม่ถามแล้วเชียวครับ แต่มันก็คาใจจริง ๆ ครับ เพราะผมได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้มาน้อยมากครับ
#13
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 09:01 AM
ไม่ขอตอบด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไม่มีใครรู้จริง เรากำลังพาดพิงถึงผู้ที่มีคุณธรรมสูง ดังนั้น ถ้าเราตอบไปโดยไม่รู้ว่าความจริงแท้เป็นอย่างไร ไม่ตอบดีกว่าครับ เดี๋ยวจะมีวิบากกกรรมบิดเบือน ลบหลู่โดยไม่ตั้งใจ ไม่รู้แล้วไม่ชี้ดีกว่า ไม่รู้แล้วชี้นะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#14
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 09:14 AM
"ในอดีต ได้มีคนพยายามถามน้ำหนักของพระพุทธเจ้าว่า ทรงมีน้ำหนักเท่าไหร่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีใครในโลก สามารถวัดความหนักหน่วงแห่งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าไปได้หรอก ขอให้รู้แต่เพียงว่า ถ้าเมื่อใดมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันถึง 2 พระองค์ โลกนี้จะต้องแตกทำลาย เพราะทานน้ำหนักแห่งคุณธรรมของพระพุทธเจ้าพร้อมกัน 2 พระองค์ไม่ได้น่ะครับ"
#15
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 01:49 PM
อันนี้ฟังแล้วแปล่งๆ นะครับ พระพุทธเจ้าเป็นกุศลาธัมมานะครับ ไม่ใช่อกุศลาธัมมาครับ
ดังนั้นการบังเกิดของพระองค์มีแต่จะยังให้โลกนี้วิวัฒขึ้นครับ ถ้าพระองค์ลงมา 2 พระองค์แล้วโลกแตกฟังแล้วยังขัดๆ
กับคุณธรรมเพื่อช่วยเหลือสัพพสัตว์อยู่มากเลยครับ
ตอบ ต่างกันเพียงบารมีกับสัพพัญญุตญาณครับ ผลเหมือนกันแต่บารมีกับสัพพัญญุตญาณไม่เท่ากันครับ
ตอบ เบื้องต้นก่อนที่จะคิดไปถึงขั้นนั้นขอให้เราพยายามเข้าไปเป็นอนุพุทธเจ้าให้ได้ก่อนทุกชาติไปครับเรื่องอื่นๆ อย่าเพิ่งคิดมากไปครับเอาเพียงแค่เบื้องต้นให้ได้แล้วผลต่อไปจะตามมาเองครับ
ตอบ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ส่วนผู้ที่ลาพุทธภูมิย่อมมีเป็นของธรรมดาครับ เพราะบุคคลที่จะบรรลุแม้เพียงเป็นสาวก หรือพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่ของง่ายครับจะต้องบำเพ็ญบารมีมาอย่างยิ่งยวด ผ่านชีวิตมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย ยักษ์ ครุฑ นาค คนธรรณ์ สัตว์เดียรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรหม คนรวย คนจน คนทุพลภาพ คนฉลาด คนโง่ คนด้อยโอกาส นักวิทยาศาสตร์ นักเรียน นักเลง ฯลฯ
ส่วนผู้ที่ปรารถนาสูงเพื่อที่สุดแห่งธรรมนั้นจะต้องมีแต่เพียงสุคติเป็นที่ไปทุกชาติไปครับ ถึงจะ
สามารถไปถึงจุดหมายได้ครับ ถ้ากำลังใจยังไม่มั่นคงในทางกุศลแล้วยังมีจิตอยากตามใจกิเลส
ตัณหาอยู่มากก็ทำใจตีตั๋วฟรีไปนรกได้เลยครับ ไปไม่ถึงที่สุดแห่งธรรมหรอกถ้ามีจิตอกุศลแบบนี้ครับ เพราะจิตไปติดที่สุดแห่งกรรมชั่วซะแล้วนั่นเองครับ
ตอบ เรื่องของบารมีนั้นการที่เราได้ยินได้ฟังมาจากบุคคลอื่นยังเชื่อถือไม่ได้ครับ แต่ถ้าจะให้แน่เราจะต้องสามารถเข้าถึงธรรม ณ ภายในให้ได้เอง และฝึกสมาบัติ ๘ เดินกสิณ ให้ไปรู้ไปเห็นวิชชาเอาเองจึงจะทราบได้แน่ชัดครับว่าบารมีของตนเองมีมากน้อยแค่ไหนครับ
#16 *สมถะ*
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 02:11 PM
#17
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 04:34 PM
จะรอถึงวันที่วัฏฏสงสารถูกรื้อ
จะรอถึงวันที่สัตว์โลกทั้งหมดไปที่สุดแห่งธรรม
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#18
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 06:00 PM
คำถามผมจริง ๆ ก็แค่คำถามเดียวคือ ควรหรือไม่ที่จะอธิษฐานให้บรรลุสัพพุญญุตญาณ แต่ก็ยังต้องมีคำถามบริวาร เช่น ทุกคนที่ตั้งใจไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม สามารถอธิษฐานได้หรือไม่ หรือว่าต้องชั่งใจดูบารมีตัวเอง หรือว่าต้องให้เข้าใจอะไรมากขึ้นกว่านี้ก่อน ทำนองนี้ครับ
ส่วนเรื่องคุณยายผมไม่ได้บอกว่าฟังมาจากไหนเพื่อไม่ต้องการพาดพิงให้บานปลาย แต่ไม่ได้เก็บมามั่วแน่ครับ ต้องเป็นคำพูดของคนที่ทำให้ผมละเลยไม่ได้ล่ะครับ และอย่างที่บอกผมไม่เคยเห็นใครเลยที่อธิษฐานอย่างนี้ ผมเคยอธิษฐานอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็ต้องหยุดไว้ก่อนเพราะเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาเอง ไม่ได้ฟังมาจากใคร ก็เลยอยากแก้ความเห็นของตนเองในเรื่องนี้ให้ถูกต้องด้วยการสอบถามจากผู้รู้ให้แน่ชัดน่ะครับ
แต่ตอนนี้คิดว่าจะยังไม่อธิษฐานอย่างนี้ก่อนน่ะครับ เพราะประการแรกไม่เคยได้ยินใครในหมู่คณะอธิษฐานแบบนี้ ประการที่สองคุณธรรมของตัวผมเองก็ยังต้องฝึกอีกหลาย ๆ อย่างให้มากกว่านี้อย่างนับประมาณไม่ได้ ถ้าสัพพัญญุตญาณนั้นจำเป็นสำหรับเป้าหมายและคุณธรรมตัวเราเองก็ถึงพร้อม สักวันก็คงได้อธิษฐานขึ้นมาเองอีกล่ะครับ
ตอนนี้ก็จะตั้งใจฝึกฝนอบรมขัดเกลาจิตใจตนเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปโดยยังไม่ไปใส่ใจในสิ่งที่เกินวิสัยของตัวเองตามที่ทุกท่านแนะนำนะครับ
สุดท้ายนี้กราบขอขมาพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และกัลยาณมิตรทุกท่าน ถ้าหากว่าสิ่งที่ผมเขียนไปจะมีโทษอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ตนเองหรือผู้อื่นนะครับ
ขอกราบอนุโมทนาบุญทุกท่านครับ