มีวิธีป้องกันเวลาโดนแช่ง หรือวิธีถอนคำแช่งเวลาที่เราโดนแช่งมั้ยคะ ต้องทำบุญยังไงให้เจ้ากรรมนายเวรรึป่าวคะ
ขอบคุณค่ะ
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 06:21 PM
มีวิธีป้องกันเวลาโดนแช่ง หรือวิธีถอนคำแช่งเวลาที่เราโดนแช่งมั้ยคะ ต้องทำบุญยังไงให้เจ้ากรรมนายเวรรึป่าวคะ
ขอบคุณค่ะ
ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ บุญของผู้ให้ย่อมเจริญ
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 06:50 PM
อย่าไปใส่ใจครับ ถ้าเราไม่ได้ไปทำผิดอะไรกับเขา เป็นเรื่องของคนอื่น ใครอยากสาปแช่งก็ปล่อยให้เขาพล่ามไป ถ้าเราไม่รับรู้ซะ มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา
ท่านพุทธทาสเคยเมตตาเทศนาไว้ว่า การสาปแช่งคนอื่นนั้น คนแรกที่ได้รับผลจากการสาปแช่งก็คือคนที่สาปแช่งนั่นแหละ เพราะได้ยิน ได้รับคำสาปแช่งก่อนคนอื่นเขา แล้วไฟแค้นที่มันสุมอยู่ในใจขณะสาปแช่ง มันก็เผาตัวคนสาปแช่งให้ร้อนรุ่มจนเกินทน จนทุรนทุรายขาดสติอยู่แล้ว เหลือร้อนมาถึงคนสาปแช่งไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเราทำดี ไม่ต้องไปกลัว
ส่วนเราก็ตั้งหน้า ตั้งตาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาของเราไป หามงคลใส่ตัวดีกว่ามานั่งกังวลกับเรื่องคนอื่น มงคลเหล่านั้นจะคุ้มครองเราเอง
แต่ถ้าเราไปทำผิดกับเขา แล้วเขาสาปแช่ง วิธีที่ดีที่สุดคือ ไปขอโทษ ขอขมา ขออโหสิกรรมกับเขาซะ แค่นั้นก็สิ้นเรื่อง ไม่มีกรรมผูกพันกันอีก (แต่กรรมที่ทำผิดกับเขายังอยู่นะครับ ไม่หายไปไหน เราต้องเร่งทำกรรมดีที่ส่งผลตรงข้ามให้มากๆ ไปเจือให้กรรมไม่ดีที่ทำไว้ไม่มีโอกาศส่งผล)
และเรื่องทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรอะไรนั่นก็ควรทำนะครับ ยิ่งทำเยอะยิ่งดี เพราะเจ้ากรรมนายเวรของเราก็คือตัวเราเอง เราเป็นอย่างนี้เพราะกรรมที่เราทำไว้ ไม่เกี่ยวกับใครหน้าไหน กรรมของเราทั้งนั้นทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี เรานี่แหละเจ้าของกรรม เจ้าของเวรตัวจริง
แล้วก็เลิกนินทาว่าร้ายคนอื่นโดยเด็ดขาด จะจริงหรือไม่จริงก็เฉยๆ ไว้ เพราะวิบากกรรมนินทาว่าร้ายคนอื่นนี่แหละครับเป็นเชื้อ ถึงไปดึงดูดให้อยู่ดีๆ ก็มีคนมาว่าร้ายสาปแช่งเรา แม้บางครั้งเราพูดเล่นในหมู่เพื่อนเฉยๆ ก็จริงแต่ก็กฏแห่งกรรมไม่มีละเว้นครับ พูดดีๆ ยิ้มเข้าไว้ อย่าเปิดช่องให้วิบากกรรมได้ช่องส่งผลครับ
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 07:27 PM
อย่าไปใส่ใจครับ ถ้าเราไม่ได้ไปทำผิดอะไรกับเขา เป็นเรื่องของคนอื่น ใครอยากสาปแช่งก็ปล่อยให้เขาพล่ามไป ถ้าเราไม่รับรู้ซะ มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา
ท่านพุทธทาสเคยเมตตาเทศนาไว้ว่า การสาปแช่งคนอื่นนั้น คนแรกที่ได้รับผลจากการสาปแช่งก็คือคนที่สาปแช่งนั่นแหละ เพราะได้ยิน ได้รับคำสาปแช่งก่อนคนอื่นเขา แล้วไฟแค้นที่มันสุมอยู่ในใจขณะสาปแช่ง มันก็เผาตัวคนสาปแช่งให้ร้อนรุ่มจนเกินทน จนทุรนทุรายขาดสติอยู่แล้ว เหลือร้อนมาถึงคนสาปแช่งไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเราทำดี ไม่ต้องไปกลัว
ส่วนเราก็ตั้งหน้า ตั้งตาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาของเราไป หามงคลใส่ตัวดีกว่ามานั่งกังวลกับเรื่องคนอื่น มงคลเหล่านั้นจะคุ้มครองเราเอง
แต่ถ้าเราไปทำผิดกับเขา แล้วเขาสาปแช่ง วิธีที่ดีที่สุดคือ ไปขอโทษ ขอขมา ขออโหสิกรรมกับเขาซะ แค่นั้นก็สิ้นเรื่อง ไม่มีกรรมผูกพันกันอีก (แต่กรรมที่ทำผิดกับเขายังอยู่นะครับ ไม่หายไปไหน เราต้องเร่งทำกรรมดีที่ส่งผลตรงข้ามให้มากๆ ไปเจือให้กรรมไม่ดีที่ทำไว้ไม่มีโอกาศส่งผล)
และเรื่องทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรอะไรนั่นก็ควรทำนะครับ ยิ่งทำเยอะยิ่งดี เพราะเจ้ากรรมนายเวรของเราก็คือตัวเราเอง เราเป็นอย่างนี้เพราะกรรมที่เราทำไว้ ไม่เกี่ยวกับใครหน้าไหน กรรมของเราทั้งนั้นทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี เรานี่แหละเจ้าของกรรม เจ้าของเวรตัวจริง
แล้วก็เลิกนินทาว่าร้ายคนอื่นโดยเด็ดขาด จะจริงหรือไม่จริงก็เฉยๆ ไว้ เพราะวิบากกรรมนินทาว่าร้ายคนอื่นนี่แหละครับเป็นเชื้อ ถึงไปดึงดูดให้อยู่ดีๆ ก็มีคนมาว่าร้ายสาปแช่งเรา แม้บางครั้งเราพูดเล่นในหมู่เพื่อนเฉยๆ ก็จริงแต่ก็กฏแห่งกรรมไม่มีละเว้นครับ พูดดีๆ ยิ้มเข้าไว้ อย่าเปิดช่องให้วิบากกรรมได้ช่องส่งผลครับ
ขอบคุณมากๆค่ะ จะว่าไปก็เคยนินทาอยู่ครั้งนึง ก่อนที่จะโดนแช่ง กรรมตามทันรวดเร็วมากเลยค่ะ เคยดูดวงมาเขาบอกว่า ดวงหนูเนี่ย ห้ามทำกรรมไม่ดีเด็ดขาด เพราะกรรมจะตามสนองอย่างรวดเร็ว เร็วมากๆค่ะ ไว้จะเล่าให้ฟัง ติดตามได้ในบล็อกนะคะ(อยากอัพเดตทุกวัน อิอิ) กรรมไม่ดีสนองเร็ว แต่กรรมดีก็สนองช้าเหลือเกิน แต่ก็ไม่ท้อค่ะ ทำดีต่อไป ซักวันก็คงได้ดี มีหลายเรื่องมากเลยค่ะ ที่เป็นกรรมไม่ดีมาสนอง เป็นคนมีสัมผัสที่หกด้วยค่ะ เลยรู้ว่าที่เกิดกับเราแบบนี้เพราะทำยังงี้ๆๆ มันแวบเข้ามาในหัวเลย อิอิ
ถามต่อนะคะ แล้วถ้าเราไปขอขมาเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมยกโทษให้เราล่ะคะ
ขอบคุณค่า
ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ บุญของผู้ให้ย่อมเจริญ
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 09:26 PM
ให้เราทำบุญ แล้วนึกแบ่งบุญให้เขาบ่อยๆ ครับ สักวันหนึ่ง บุญจะไปช่วยดลจิตดลใจให้เขา เลิกผูกพยาบาทเราเอง
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 09:49 PM
สู้สู้
Army Of The Lord Buddha.
ขออนุโมทนา บุญทุกบุญ กับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 10:54 PM
ตามที่ท่านพี่หัดฝันกล่าวไว้นั่นแหละครับ ถูกต้องที่สุด และดีที่สุดด้วย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะเป็นเหตุให้เราสร้างบุญไงครับ แม้เราจะสร้างบุญเพื่อจุดประสงค์ให้เกิดการอโหสิกรรม แต่นั่นก็เป็นเจตนา เป็นอธิษฐานจิต เราเป็นผู้ทำบุญ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม เราจะได้รับผลบุญนั้นเต็มที่ เต็มกำลังก่อนเสมอ
เคยไหมครับ ที่บางคนเรารู้สึกถูกชะตา เข้ากันได้ดี แม้เพิ่งรู้จักกัน เห็นหน้ากันครั้งแรก นั่นเพราะเคยเกื้อกูลกันมา เป็นกัลยาณมิตรกันมา เคยชวนกันทำเรื่องดีๆ ด้วยกันมา พอครั้งนี้มาเจอกัน บุญก็ส่งผลให้รู้สึกผูกพันกันได้ง่าย
ในทำนองเดียวกัน กับบางคน ทำไมเรารู้สึกไม่ชอบเลย ทั้งๆ เขาก็ไม่เคยมาทำอะไรเรา บางครั้งรุนแรงถึงขนาดเกลียดโดยไม่มีสาเหตุ นั่นก็เพราะเศษของวิบากกรรมผูกพยาบาทกันมานี่แหละครับที่ยังเหลือเหตุให้ส่งผล ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบใคร แปลว่า เราเคยผูกพยาบาทกับเขามาก่อน จะทำให้เราหงุดหงิดรำคาญใจทุกครั้งที่เจอ
เราพยาบาท เขาพยาบาท เจอกันเมื่อไหร่ กัดกันตายไปข้างหนึ่งแน่นอน และวิบากกรรมจะดึงมาให้เจอกันซะด้วย
เราอโหสิ เขาอโหสิ เจอกันเมื่อไหร่ เป็นเพื่อนรักกัน เป็นกัลยาณมิตรกันจนวันตาย และบุญมักส่งผลให้ได้มาเจอกันซะด้วย
เราพยาบาท เขาอโหสิ เจอกัน เราจะรู้สึกไม่ชอบหน้าทันที แต่เขาจะเฉยๆ จนถึงทำดีกับเราซะด้วย เพราะเขาไม่มีเชื้อพยาบาทเราในใจแล้ว
เราอโหสิ เขาพยาบาท ก็จะเป็นอย่างที่ท่านเจ้าของกระทู้เจออยู่นี่ เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรเขา แต่ทำไมเขาเกลียดเราจัง ลุกมาแร๊ปสาปแช่งเราซะงั้น
สองอย่างหลังนี่ เป็นแบบรอเวลา ถ้าเราทำดี พูดดี คิดดี วิบากกรรมนี้ก็จะเฉยๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่เผลอ ทำไม่ดี พูดไม่ดี คิดไม่ดีซ้ำเดิมเมื่อไหร่ ก็จะเป็นเหมือนสัญญาณดึงดูดให้เข้ามาเจอกันทันที
เพราะฉะนั้น ต้องทำอย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านเมตตาสั่งสอนพวกเราเอาไว้ครับ ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป แค่นี้วิบากกรรมไหนๆ ก็ยากจะตามเราทันครับ
โพสต์เมื่อ 26 July 2013 - 11:12 PM
ลืมตอบเรื่องสำคัญไปอีกเรื่อง
คนชอบพูดกันว่า บุญไม่ค่อยส่งผลเลย ขอบอกเลยนะครับว่า บุญน่ะส่งผลอยู่ตลอดเวลา และส่งผลมากกว่าวิบากกรรมไม่ดีซะด้วยซ้ำ
ได้เกิดมาเป็นคนนี่่ ต้องใช้บุญขนาดไหนทราบไหมครับ ไหนจะเกิดมาครบ 32 อีก เกิดมาในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ประเทศที่รวมๆ แล้วก็สงบเรียบร้อย ที่สำคัญมหาราชผู้ครองประเทศทรงเปี่ยมด้วยทศพิธราชธรรม เกิดมาในครอบครัวดี ได้รับการเลี้ยงดูดี ได้รับการศึกษา และ ฯลฯ และ ฯลฯ และ ฯลฯ และถึงตอนนี้ได้มาเจอพระพุทธศาสนาวิชาธรรมกาย เหล่านี้บุญส่งผลทั้งนั้นครับ แล้วแต่ละรายการใช้กำลังบุญแบบสุดๆ แทบจะหมดคลังบุญกันเลยทีเดียวนะครับ
อย่าไปมองสิครับ ว่าเราจะได้อะไรจากบุญ มามองที่ว่า บุญให้อะไรเรามาแล้วบ้างดีกว่า เทียบกันแล้วผลของวิบากกรรมที่เจอนั้นเล็กน้อยเท่านั้นเองเมื่อเทียบกับผลของบุญที่ส่งผลให้เรามาแล้ว เรานั้นเป็นผู้มีบุญมากครับ !!!
และสุดท้าย เมื่อได้โอกาศมาเป็นมนุษย์แล้ว รู้วิธีสร้างบุญ สร้างบารมีแล้ว อย่าลืมสะสมบุญใหม่ให้เต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลาด้วยนะครับ สิ่งนี้สำคัญทีเดียว บุญไม่มีขาย ต้องขวยขวายทำเอาเองเท่านั้นครับ
เวลาจะใช้บุญจะได้ไม่มานั่งนึกเสียดายว่า รู้งี้ทำไว้เยอะๆ ก็ดีหรอก ถึงตอนนั้นก็ไม่ทันแล้วครับ
พรรษานี้เป็นพรรษาพิสุทธิ์ ตักตวงบุญให้เต็มที่นะครับ อย่ารอแต่บุญใหญ่ๆ เท่านั้น บุญเล็กบุญน้อยกอบโกยให้เต็มที่ ใครจะว่าเรางกบุญก็ช่าง อย่าได้แคร์ครับ
โพสต์เมื่อ 27 July 2013 - 07:48 AM
ถ้าเราไปขอขมาเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมยกโทษให้เราล่ะ
รอดูจังหวะ...กาลเทศะ เข้าผิดจังหวะการขอขมาอาจไม่ประสบผล
ผู้ขอขมา ต้องพร้อมและสำนึกด้วยความจริงใจ ต่อ ขมานั้น
ผู้รับขมา ต้องพร้อมและอยู่ในสภาวะที่เบิกบาน ไม่ขุ่นมัว
ระหว่างขอขมา...ผู้ขอไม่ต้องสาธยายเหตุ กล่าวคำอโหสิกรรมออกมาจากใจที่ใสใส เพื่อผู้รับให้อภัยทานด้วยใจใสใสเช่นกัน
การแช่งให้มองเป็น วจีทุจริตเรื่องส่อเสียด หรือ เพ้อเจ้อ หรือ คำหยาบ ผู้พูดแช่งย่อมเป็นเจ้าของคำพูดที่เป็นอัปมงคลนั้น เราเผลอฟังก็ให้อภัย ปล่อยให้เป็นลมเป็นแล้งไป
โพสต์เมื่อ 27 July 2013 - 01:47 PM
ขอบคุณค่ะ Like ทุกคำตอบ
ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ บุญของผู้ให้ย่อมเจริญ
โพสต์เมื่อ 28 July 2013 - 06:07 PM
เวลาเขาแช่ง มันอยู่ที่เขา เราไม่ได้รับ กลัวทำไม
โพสต์เมื่อ 29 July 2013 - 11:06 PM
พระพุทธเจ้าเคยเตือนสติพราหมณ์ ที่ชอบด่าทอพระเสียๆหายๆ ว่า..
พราหมณ์ เวลามีแขกมาบ้านท่าน ท่านเสิร์ฟน้ำ ข้าวปลา อาหาร ขนมหวาน กาแฟสด ชีสอบมะนาว
แต่แขก ไม่แตะต้องสิ่งของท่านเลย แล้วกลับไป
สิ่งของเหล่านั้น จะตกเป็นของใคร ?
หนทางแก้ไขคำสาปแช่งคือ เอาใจไปจดจ่อเรื่องอื่น และ รักษาศีล 5 ของตน ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ยิ่งนึกถึงคำแช่ง มันจะยิ่งชัด ยิ่งจริง
ถ้าไปแช่งกลับ ก็ซวยทั้งคู่เลย