เปรตกลางทะเลทราย
หอบแลบลิ้นแฮก ๆ ทั้งหิว กระหาย ร้อน อดอยากลำบากมาก ไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาน เดิมเป็นเศรษฐีมีทรัพย์มาก แต่ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีศรัทธา เวลาพระมาบิณฑบาตก็ห้ามไม่ให้มา แถมด่าว่าไล่อีก ไม่ว่าเป็นสมณะ ชีพราหมณ์ หรือยาจกเข็ญใจมาขอ ก็บอกว่าไม่มีเงินให้ เวลาทานอาหารจะสั่งคนใช้ให้ปิดประตูบ้าน เพราะกลัวพระหรือยาจกผ่านมาเห็นแล้วจะมาขอ รู้ข่าวว่ามีพระเดินธุดงค์ธรรมจาริกผ่านหมู่บ้าน ก็จะไม่ให้พระได้ดื่มน้ำ หรืออาบน้ำ บอกลูกน้องให้เอาหญ้าถมลงไปในบ่อน้ำ ทั้ง ๆ ที่เป็นบ่อสาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้น รื้อสะพานที่จะข้ามมาหมู่บ้าน จึงได้รวยเพียงชาติเดียวเพราะความตระหนี่
เปรตทูนหยากเยื่อเศษขยะเหม็นคลุ้ง
เหม็นยิ่งกว่าในโลกมนุษย์หลายเท่า เดิมเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง เป็นคนตระหนี่ พระผ่านมาขอพักสัก 1-2คืนไม่ได้ เป็นพระทำบุญได้บุญเยอะ เวลาทำบาปได้บาปมากกว่าฆราวาส ละโลกแล้วไปมหานรก แล้วมาเป็นเปรต
อสุรกายสายพันธุ์เปรต
อสุรกายมีลูกนัยน์ตาโปนเหมือนตาปู ปากเล็กเท่ารูเข็มอยู่บนกลางกระหม่อม ด้านหน้าไม่มีปาก อสุรกายที่ตกจากสวรรค์ เช่น ท้าวเวชประจิต เดิมอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไปดื่มน้ำผลไม้ที่มีรสเมา เลยถูกพระอินทร์จับทุ่มลงมาอยู่ในภพอสูร ที่เป็นสายพันธุ์เปรต เพราะวิบากกรรมตระหนี่ เวลาใครชวนทำบุญก็ถลึงตาใส่เพื่อเขาจะได้หนีไป และยังใช้ดวงตาไปเพ่งอยากได้สมบัติของคนอื่น ตายไปมหานรก แล้วขึ้นมาก็เป็นแบบนี้ มีความทุกข์ทรมานมาก หิวกระหายอยู่ตลอดเวลา พอหิวน้ำก็วิ่งกระเสือกกระสนไปหาบ่อน้ำ เจอน้ำก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อกินน้ำ ต้องเอาหัวลงหกสูง ไม่ทันได้ดื่มน้ำก็กลายเป็นทรายเพราะไม่ได้ทำทานมา ตระหนี่ ห้ามเขาทำบุญ
อสุรกายมีรูปกายพิกลพิการ เรียกว่ารูปวิบัติ เป็นที่รวมของรูปทรัพย์ต่าง ๆ ตั้งแต่สองชนิดไปจนถึงสี่ห้าชนิด อยู่ในตัวเดียว บางครั้งตัวเป็นไก่หน้าเหมือนหมู จากกรรมปาณาติบาต ฆ่าหมู ฆ่าไก่ ตายแล้วไปมหานรก ยมโลก แล้วมาเป็นอสุรกาย คนที่เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ขายให้เขาฆ่าก็อาจเป็นแบบนี้ แต่เลี้ยงแล้วเลิกหันมาประกอบสัมมาอาชีวะ สั่งสมบุญใหม่ ใจอยู่ในบุญ ใจใสไม่หมองจะไปสุคติก่อน
อสูรอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า อสูรเทวดา เหมือนท้าวเวชประจิต (เคยอยู่บนดาวดึงส์ เคยเป็นพ่อตาของพระอินทร์องค์ปัจจุบัน เพราะลูกสาวคือ นางสุชาดาไปแต่งงานด้วย) เหมือนเทวดาแต่ dark tall and handsome ผิวคล้ำ รูปงามเหมือนเทวดา
ข่าวเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เปิดบริการทัวร์อวสานชีวิต เป็นหัวข้อข่าว ช่วยคนเบื่อโลกให้สมปรารถนา ข่าวนี้ลงเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2546 เปิดทัวร์อวสานชีวิตขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์ สำหรับผู้ที่ไม่ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปอีก ช่วยให้ผู้ที่เบื่อชีวิตได้จบชีวิตอย่างเงียบ ๆ ไปแล้วประมาณ 150 ราย เรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นที่อังกฤษ เมื่อปรากฏว่ามีสามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่ง สามีชื่อนายสโตก อายุ 59 ปี ป่วยเป็นโรคลมบ้าหมู ภรรยาอายุ 53 ปีเป็นโรคเบาหวานและปวดหลัง ลูกค้ารายล่าสุด ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังนครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปลายเดือนก่อนและได้จบชีวิตลงตามความปรารถนาด้วยการกินยานอนหลับที่แฟลตแห่งหนึ่งในเมือง เมื่อวันที่ 1 เดือนนี้ ด้วยการดำเนินการของมูลนิธิการกุศลแห่งหนึ่ง ซึ่งช่วยเหลือให้ผู้ปรารถนาจบชีวิตอย่างสงบพ้นความทรมานได้อย่างสมใจ
มูลนิธินี้เป็นเหตุทำให้เกิดข่าวอื้อฉาวในการไปทัวร์อวสานชีวิตที่สวิตฯ และมีข่าวอ้างว่ามูลนิธิเคยมีการดำเนินการให้บุคคลต่างๆ จัดการกับชีวิตของตนเองสำเร็จมาแล้วประมาณ 150 ราย ที่น่าสนใจคือ ทำไมเขาถึงสมัครใจไปฆ่าตัวตาย ถ้าขาดความรู้ที่แท้จริงของชีวิต ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต พอเจอความทุกข์ ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร คิดว่าถ้าพ้นจากโรคภัยจะต้องตายอย่างเดียว เพราะไม่มีความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม อันตรายมากทีเดียว
การมีกายมนุษย์ แม้เหลือเพียงครึ่งตัว ก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะศูนย์กลางกายยังอยู่ ฐานที่ 7 ซึ่งเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน หรือทางเข้าถึงพระรัตนตรัยยังมีอยู่ จะเจ็บป่วยอย่างไร เอาใจหยุดนิ่งสามารถเข้าถึงธรรมได้ มีความสุขได้ พ้นจากทุกข์ได้ ถ้าตายก็ไปดี ไปสุคติโลกสวรรค์ คนที่ตายด้วยความไม่รู้ก็ต้องไปอบายเพราะใจหมอง แล้วยังมีวิบากกรรมจะต้องไปฆ่าตัวตายอีกหลายชาติ ที่เกิดจากกรรมปาณาติบาต ต่างกรรมต่างวาระกัน ทั้ง 150 คนไม่เหมือนกัน ปกติเขาทำของเขาเองอยู่แล้ว พอดีมีบริการนี้ ก็เลยมาใช้บริการ
หากเราประสบทุกข์ อย่าทิ้งธรรม ให้ศึกษาว่าโลกมนุษย์นี้มีธรรมอยู่ 8 ประการประจำโลก มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีคนสรรเสริญ มีคนนินทา มีสุข มีทุกข์ ใครเกิดมาก็ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นล่าง เจอหมดทุกคน ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปหวั่นไหว หาหลักของชีวิต ศึกษาธรรม ปฏิบัติให้เข้าถึงธรรม ชีวิตจะพ้นทุกข์ มีความสุข อย่าหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตายหรือใช้บริการของคนอื่น อันตรายมาก
