ช่วยแนะนำเทคนิคการเรียนเก่งๆหน่อยนะค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 12:32 AM
#2
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 07:35 AM
#3
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 09:25 AM
ตอนทำงานก็กลุ้มใจเรื่องงาน เจ้านายจะขึ้นเงินเดือนให้มั้ย ปีนี้จะได้โบนัสรึป่าว ฯลฯ
ตอนทำงาน ไม่ยักกะเครียดเรื่องเกรดสมัยเรียนเลยนะ ไม่เห็นจะได้เอาเกรดมาใช้เลยด้วยซ้ำ
อืม มนุษย์หนอ หาเรื่องปวดสมองมาใส่ตัวเองแท้ๆ อย่าไปเครียดมันให้มากนะคะคุณน้อง ทำใจหลวมๆ อย่างที่พี่ๆ เขาว่า แล้วใจจะสบาย พอใจสบาย คิดอะไร ก็คิดออกได้อย่างง่ายๆ เรียนมั่ง เล่นมั่ง อย่าไปซีเรียส จริงจังกับชีวิตให้มากนัก ความรู้ทางโลก เรียนไปมันก็ตัน เอาไปใช้ได้แค่เฉพาะจุด หมั่นสังเกตใจตัวเองนะคะ ว่าเซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม ไม่ร่าเริง ไม่หนุกหนานกับชีวิตรึป่าว เครียดมาก ตั้งใจมาก ก็เหมือนสายพิณนั่นแหล่ะ "ขาด" ค่ะคุณน้องขา คุณพี่ก็ไม่มีอะไรจะแนะนำเรื่องการเรียนหรอกนะคะ เพราะสมัยคุณพี่เรียน คุณพี่ก็ไม่ได้เครียดอะไรกับมันมาก โดด ออกจะบ่อย มาสายเป็นประจำเพราะชอบอ่านหนังสือตอนดึก ตอนชาวบ้านเขาหลับกัน มันก็จบออกมาแบบชิวๆ 2.7 คุณพี่ไม่ซีเรียสเลย ซักกะติ๊ดเดียว นิ่งๆ สบายๆ เพราะตอนไปสมัครงาน เขาก็ไม่ได้ดูเกรดไรมากมาย เขาสัมภาษณ์เราแล้วดูว่าเรามีกึ๋นรึป่าว เท่านั้นแหล่ะจ้ะ แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้ภายใน อันได้มาจากใจหยุด กับนิ่ง นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดนะคะ อย่าไปวิตกกังวล กะเกณฑ์ คาดหวังอะไรกับชีวิตมาก
เพราะไม่อย่างนั้นพี่ก็บอกได้คำเดียวว่าคุณน้องจะ "เครียด" ค่ะ
"สบายๆ" ดีกว่านะ พี่เป็นกำลัีงใจให้จ้ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#4
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 11:07 AM
เขาถึงได้เปรียบไว้ไงจ๊ะว่าครูบาอาจารย์เปรียบเสมือนเรือจ้าง ที่คอยผายเรือส่งลูกศิษย์ให้ถึงฝั่ง แต่การจะขึ้นฝั่งได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวลูกศิษย์ว่าจะให้วิธีขึ้นฝั่งได้มากน้อยแค่ไหน เคยหัดขึ้นฝั่งบ่อยแค่ไหน ยิ่งถ้าหากฝั่งนั้นสูงชันมาก จะขึ้นฝั่งได้นั้นก็ต้องขึ้นกับการฝึกฝนและความชำนาญด้วยใช่ไหมจ๊ะ ถ้าน้องเคยขึ้นฝั่งบ่อยครั้ง การขึ้นฝั่งนั้นก็เป็นเรื่องง่าย และที่สำคัญขึ้นกับการแสวงหาด้วย ขึ้นท่านี้ไม่ได้ อ่ะลองเปลี่ยนท่า ขึ้นท่านี้ดู นี่แหล่ะจ๊ะการแสวงหา
อ้อ อีกประการนะจ๊ะ สำคัญไม่แพ้กัน อย่างที่ความเห็นข้างบนบอกไว้ คือ อย่าเครียด อย่าซีเรียส ให้สนุกกับมัน ไม่ใช่ว่านั่งทำแบบฝึกหัดไป หน้านิ่วคิ้วขมวดไป ให้สนุกไปกับมันเหมือนเวลาเราดูทีวีดูละคร สังเกตุไหมจ๊ะ อ่านหนังสือเรียนอ่านเท่าไหร่ก็ไม่จำสักที คิดยังไงก็คิดไม่ออก แต่พอดูทีวี ดูหนัง ดูละคร ดูการ์ตูน ดูรอบเดียวเราจำได้ทั้งเรื่องละ นี่มันต้องสนุกกับมันด้วยถึงจะดี ถึงจะเก่งจ๊ะ
เห็นไหมหลักการเหมือนการนั่งสมาธิเด๊ะๆเลย อย่าไปซีเรียส อย่าไปเครียด แต่ให้สนุกกับมัน แล้วจะได้ผลออกมาดีอย่างชนิดที่คลาดไม่ถึงเลยล่ะจ๊ะ หุหุ
สู้เขาต่อไป ทาเคชิ! ( มานมาอีกแล้ว ทาเคชิ - -" )
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 11:16 AM
#6
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 11:54 AM
ลองดูนะ เข้าใจว่าคุณย่า คุณอา อาจจะหวังในตัวหนูให้เรียนได้เกรดดี ๆ ใช่ไหมจ๊ะ ไม่เป็นไร หนูลองเปลี่ยนวิธีใหม่ เหมือนที่ พี่ ๆ ข้างบนเขาแนะนำซิ คิดว่าได้ผลแน่ จัดสรรเวลาทั้งทางโลกและทางธรรมให้ดี อย่าเครียด แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง ขอเป็นกำลังใจให้หนูนะคะ.......สู้ ...สู้... ถึงจะชนะ..
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#7
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 12:43 PM
#8
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 01:03 PM
แนะนำได้เท่านี้แหละค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 04:28 PM
- อุปนิสัยการเรียนใฝ่รู้คือ จุดเริ่มของพหูสูต ก้าวต่อไปคือมีศิลปะที่ต้องประยุกต์ความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่สำคัญคือการเรียนแบบเป็นทีมกับเพื่อนๆจะเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาร่นเวลาให้ผลการเรียนลุล่วงไปได้เร็ว(ยกชั้น)
- หมั่นฝึกตั้งคำถาม-ตอบ เพื่อให้รวดเร็ว ทันเวลา เนื่องจากการทดสอบจำกัดด้วยเวลา ถ้าเวลาลัดตัวคนเรามักจะเครียดนะ
#10
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 05:19 PM
#11
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 06:22 PM
พี่ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ บุญที่น้องได้ทำมานะคะ
#12
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 07:49 PM
#13
โพสต์เมื่อ 19 December 2007 - 08:36 PM
เวลามาวัด ชอบทำบุญ แสงสว่าง, สนับสนุนการศึกษาพระ-เณร,จัดพิมสื่อธรรมะ,บุญจุดประทีปบูชาเจดีย์และอื่นๆที่เห็นว่าเกี่ยวกะการเรียนและจะช่วยได้ยามคับขัน อย่างละเล็กละน้อย ตามกำลังของนักศึกษา แล้วอฐิษถานเรื่องเรียนบ่อยๆ
ไม่น่าเชื่อนะ ทั้งที่เป็นเด็กกิจกรรม Project,งานอะไรยากๆ จะง่ายไปหมด จบแบบง่ายๆ สบายๆ มีเพื่อนที่ดีคอยติว คอยแนะนำช่วยทำงานตลอด ทั้งที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกะวิศวะก็ได้เรื่องง่ายที่สุดในรุ่น เวลาทำข้อสอบไม่ได้นั่งเล่นไปเรื่อยๆ ไม่น่าเชื่อไม่รู้ความรู้ผุดมาจากไหน
...(ยิ่งช่วงยิ่งเรียนยิ่งโง่ก็ยิ่งสั่งสมบุญปัญญามากขึ้น เรียกว่า อัดบุญสู้ความโง่เลย55)แต่เราต้องใจเย็นหน่อยนะ...รอให้บุญได้ทำงานบ้าง
ลองใข้สูตรนี้ดูสิ(เคล็ดลับไม่เคยเปิดเผยที่ไหนนะ นอกจากDMCที่เดียว ....งิงิงิ.....)
ไฟล์แนบ
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#14
โพสต์เมื่อ 20 December 2007 - 07:43 AM
1. ตั้งใจเรียนในห้องให้สุดๆ เลยครับ เอาแบบว่า ไม่ให้หลุด สักนาทีเลยนะครับ ( แต่ถ้าอาจารย์ปล่อยให้พัก หรือ อาจารย์ยังไม่ได้สอน ก็ พักได้นะ ^ ^ ) ห้ามหลับ ห้ามคุย เด็ดขาด แม้กระทั่ง เราจะรู้สึกว่า อาจารย์พูดนอกเรื่องไปบ้างก็ให้ฟังๆ ไปนะครับ บางทีข้อสอบ อาจจะอยู่ในนั้นก็ได้ และ ข้อสอบส่วนใหญ่ก็อยู่ที่อาจารย์ พูด แหละครับ
อ้อ แล้ว อีกอย่างหนึ่ง สำหรับ บางท่านที่ เรียน มหาวิทยาลัย แล้วมี การแกะเทป อย่าชะล่าใจนะครับ ว่ามี แกะเทป แล้ว เราหลับได้ คุยได้ เพราะ แกะเทป ย่อมไม่สามารถ เก็บ รายละเอียดได้หมด และ บางครั้ง การแกะ ก็อาจจะแกะ มาแบบ สรุปๆ ทำให้ได้เฉพาะเนื้อหา หลักๆ
#15
โพสต์เมื่อ 20 December 2007 - 07:59 AM
ทำให้คำพูดเสริมที่อาจารย์พูดเพื่อ ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็ ไม่ได้ หรือ แม้บางครั้ง เพื่อน เราก็ไม่ตั้งใจแกะ มาอย่างนี้ ก็ ทำให้เราไม่เข้าใจ แม้ว่าจะอ่านหลายรอบแล้วก็ตาม
2. ถ้าวิชาไหน จดได้ เราพยายามจดในคาบด้วยนะครับ เพราะ การฟังเฉยๆ บางครั้งทำให้เราเข้าใจได้น้อยกว่าเขียนไปด้วย เพราะ จะมีสมาธิมากกว่า และที่สำคัญ จะทำให้ไม่หลับด้วย
3. ทบทวนหลังเรียน ควรไม่เกิน 2-3 วันหลังเรียนนะครับ เพราะ จะทำให้ความรู้ ความเข้าใจที่มีนั้น เข้าใจได้ดีขึ้น ข้อมูลจะอยู่กับเราไป นานมากขึ้น เหมือนกับว่า เราได้มาทำความเข้าใจ ในสิ่งที่เราไม่เข้าใจในห้อง ทำให้เรารู้สึก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้ นี่เอง แล้ว พอมาอ่านอีกที มันก็ จะอ่าน ง่ายขึ้น ครับ ถ้าจะให้ดี ก็ทำ แผนผัง ความเข้าใจไว้ด้วยนะครับ ( เขาเรียก mild map อย่างนี่ หรือปล่าว * - - )
4. เมื่อไม่สงสัยตรงไหน ไปถามเพื่อนเรา หรือ อาจารย์ เลยครับ เพราะ จะทำให้เราได้ข้อมูลมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น ข้อสงสัยก็ หายไป ดีไม่ดี เพื่อน บางคนอาจบอกวิธีที่ทำให้เรา จำ และ เข้าใจได้มากยิ่งขึ้นด้วยนะครับ
5. ทำแบบฝึกหัด เพราะ บางครั้งความเข้าใจของเราไม่ถูก ก็ได้ เราก็ทำแบบฝึกหัดจะย้ำความเข้าใจ ของเราได้มากทีเดียวครับ ( สำหรับผู้ที่เรียน มหาวิทยาลัย เช่น คณะ แพทย์ เภสัช ทันตแพทย์ หรือ อื่นๆ ที่ไม่มี แบบฝึกหัดให้ทำเหมือน ม. ปลาย ก็อาจใช้วิธี แกะข้อสอบ - - คล้ายๆ แกะเทปแหละครับ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ ของเพื่อนๆ ในชั้นนะครับ ลองดูก็ได้ครับ เพราะ ผม ลองทำกันดูก็ใช้ได้ ครับ )
6. อ่านหนังสือ ให้มีระบบ ครับ อย่าอ่านลุย แหลก แต่ก็ แล้วแต่คนชอบด้วยนะครับ ถ้าไม่รู้จะอ่านอย่างไร เราก็ อ่านรอบแรก ก็ อ่านผ่านๆ ไปก่อน นะครับ พอให้รู้ว่าเขา บอกเรื่อง อะไร ไม่ต้องเก็บ รายละเอียดมาก รอบ สองก็ เริ่ม เชื่อมความเข้าใจ รอบ สาม ก็ ค่อยเก็บรายละเอียดครับ อ่านอย่างนี้เราก็ อ่านแบบ อาศัย ความคุ้นเคย ไม่เครียด แล้วก็รู้เรื่องด้วยครับ ดีกว่าเรา อ่านแบบว่าจะให้จำได้ ในรอบเดียว อย่างนี้ ก็ไม่รู้เรื่องนะสิครับ แล้วก็ เครียด จำก็จำไม่ได้ ( แต่บางท่านที่ อ่านรอบแรกเข้าใจ ก็ดีแล้วครับ ^ ^ )
7. สั่งสมบุญ นั่งสมาธิ อันนี้สำคัญมากเลยนะครับ จะทำให้เราเรียนได้ดีมากขึ้น ใจก็เย็นลง สิ่งแวดล้อมดีๆ เจอแต่อะไรดีๆ ทำให้ชีวิตเราดี ไปตลอดเลยนะครับ ถ้าจะให้ดี ก็ นั่งสมาธิ ทุกวัน เลย แล้วก็ เชิญชวนมา ทำบุญที่วัดทุก อย่างน้อยก็ ทุกวันอาทิตย์ ต้นเดือนเลยนะครับ ^ ^ สาธุ อนุโมทนาบุญกับทุกความเห็น และ เจ้าของทุกๆ ท่านด้วยนะครับ สาธุ . . .
#16
โพสต์เมื่อ 20 December 2007 - 10:58 AM
ข้อสอบเขียน เป็นการวัดความรู้จริงของน้อง และเป็นข้อสอบวัดการประมวลความรู้ของน้องว่าน้องจะสามารถเอาความรู้ที่มีมาวิเคราะห์ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น
1. อ่านโจทย์คำถามให้แตก แล้วเขียนเป็นประเด็นว่าต้องตอบกี่ประเด็นบ้างในหนึ่งข้อ ตอบได้ครบทุกประเด็น ก็ได้คะแนนในส่วนนี้ไปค่ะ
2. หาตัวอย่างมาประกอบการวิเคราะห์ เพื่อให้ตอบได้โดนใจอาจารย์
จริง ๆ แล้ว ครูต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ แล้วจะแนะนำได้ถูก เพราะจริง ๆ แล้ว เนื้อหาวิชา แนวการตอบข้อสอบ ของแต่ละวิชา มีความแตกต่างกัน น้องลองไปอ่านจาก Next Step with AJ.Nicky ได้นะคะ เพราะครูเขียนไว้ให้สำหรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ ลองถามฝ่ายจราจรดูนะคะ หรือไม่ก้อที่บู๊ทของหมู่บ้านปฎิบัติธรรมนะคะ
ขอให้น้องเรียนอย่างมีความสุขและสำเร็จดั่งใจหวังทุกประการนะคะ
AJ.Nicky
#17
โพสต์เมื่อ 20 December 2007 - 11:53 AM
#18
โพสต์เมื่อ 20 December 2007 - 12:08 PM
ถ้า ขาด กำลังใจ.. มาที่นี่ ไม่ผิดหวังค่ะ มีคำแนะนำ ดีๆ มากมาย ให้ลองทำ
แต่ จะสำเร็จ แค่ไหน ก็อยู่ที่ ตัวเอง นะคะ
" อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน "
บุญรักษา ^o^