ธรรมสวัสดีค่ะ
สาธุ
ขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆค่ะ
ตราบใดที่ยังมีผู้ศึกษาธรรม ปฎิบัติธรรม ตราบนั้นโลกก็ยังมีพระอริยะ ผู้เปรียบดังแสงสว่างของโลก
ธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงบุคคลผู้รู้ ไม่ควรเข้าไปยึดมั่น.
เราอาศัยธรรม เปรียบเสมือนเรือ ข้ามฝากจากฝั่งสัวสารวัฎ (ความปรุงแต่ง) สู่ ฝั่งแห่งพระนิพพาน (ความดับไปของความปรุงแต่ง)
เมื่อข้ามแล้ว เรือ (ธรรม)นั้น เราก็ละเสีย
เราจึงเป็นผู้พ้นจากการครอบงำของธรรมทั้งปวงอันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เมื่อเธอรู้แจ้งแทงตลอดถึงความปรุงแต่ง เธอก็จักรูได้ถึงสิ่งที่ปราศจากความปรุงแต่ง.
ธรรมรักษา
Thai in Denamrk
[email protected]
www.chigongmeditation.com
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: ThDk
สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 259
- ดูโปรไฟล์ 14639
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
-
Location
Struer, Denmark
-
Interests
จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
โพสต์ที่ฉันโพสต์
ในกระทู้: รัชนียสูตร
02 September 2009 - 12:37 PM
ในกระทู้: พระภิกษุณี ในพระพุทธศาสนา
23 March 2009 - 01:01 PM
http://www.jozho.net...?mo=3&art=70852
นี่คือเรื่องของผู้สละโลก เป็นเสียงอ่านหนังสือค่ะ ของ อ.วศิน
ขอแนะนำค่ะ ถ้าฟังแล้วเข้าใจในธรรม ท่านก็จะสละโลกได้ สละโลกได้ก็เท่ากับสละ ละ วาง ทุกข์ได้ ที่เหลือก็สุขสงบ สันติ ดับเย็น นิพพาน.
ลองฟังและพิจารณา และอย่าลืมนำมาปฎิบัตินะค่ะ
นี่คือเรื่องของผู้สละโลก เป็นเสียงอ่านหนังสือค่ะ ของ อ.วศิน
ขอแนะนำค่ะ ถ้าฟังแล้วเข้าใจในธรรม ท่านก็จะสละโลกได้ สละโลกได้ก็เท่ากับสละ ละ วาง ทุกข์ได้ ที่เหลือก็สุขสงบ สันติ ดับเย็น นิพพาน.
ลองฟังและพิจารณา และอย่าลืมนำมาปฎิบัตินะค่ะ
ในกระทู้: ทำอย่างไรจะสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้สำเร็จ
22 March 2009 - 06:04 PM
ทำอย่างไรจะสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้สำเร็จ
ขอตอบว่า มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นค่ะ คุณไม่มีทางเลือกอื่นเลย
คือ อริยมรรค.
ถ้าคุณไม่ตามรอย อริยมรรค
ถึงคุณจะมีความสามารถรวบรวมเอาทองที่มีทั้งหมดในโลกมาสร้างองค์พระพุทธรูปทองคำ คุณก็ยังไม่มีพระธรรมกายประจำตัว.
แต่เมื่อใดที่คุณเข้าสู่ทางแห่งอริยมรรค คุณก็ไม่ต้องสร้างอะไรแล้ว คุณจะเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย คุณจะเป็นผู้มีความยินดีในความสงบ ความสันโดษ คุณจะเป็นผู้สิ้น ราคะ โทสะ โมหะ ในที่สุดของเส้นทางแห่งอริยมรรค ความปราถนาใดๆไม่เกิดแก่คุณอีกเลย.
นี่คือ การสร้างพระประจำตัว แบบสร้างเพียงครั้งเดียว เป็นอันจบ เสร็จกิจในพระพุทธศาสนา.
ไม่มีการหวนมาสร้างแล้ว สร้างอีก ในแต่ละชาติที่เกิดมา.
เกิดมาสร้างพระแล้วก็ตาย......แล้วก็เกิดมาสร้างพระอีกแล้วก็ตาย.......แล้วก็เกิดมาสร้างพระอีกแล้วก็ตาย สูญไร้สาระ.
พระบรมศาสดาไม่ทำกิจเช่นนี้ และไม่สอนผู้อื่นให้ทำกิจเช่นนี้.
พระบรมศาสดา ทรงรู้ทุกข์ ทรงเห็นทุกข์ และตรัสสอนให้ผู้อื่นได้รู็ทุกข์ตามพระองค์ ให้ผู้อื่นได้เห็นทุกข์ตามพระองค์,
ทรงละเหตุแห่งทุกข์ และสอนผู้อื่นเช่นนั้นด้วย,
ทรงทำความดับไปแห่งทุกข์ให้เกิดแก่พระองค์ และทรงสอนผู้อื่นเช่นนั้นด้วย,
ทรงดำเนินตามมรรคา และสอนผู้อื่นเช่นนั้นด้วย
ผู้ใครู้เช่นที่พระบรมศาสดารู้
เห็นเช่นพระบรมศาสดาเห็น
ละเช่นพระบรมศาสดาละ
ดำเนินตามรอบพระบาทพระศาสดา
ถึงผู้นั้น มิเคยสร้างพระพุทธรูปเลย มิเคยออกบวช โกนผม หรือนุ่งผ้ากาสาวพัตร์เลย
พระบรมศาสดาย่อมยินดีในบุคคลเช่นนั้น
เพราะผู้นั้นได้สืบทอดพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ด้วย กาย วาจา และจิต.
บุคคลผู้นั้นเป็น พุทธบุตร เป็นผู้ที่เกิดโดยธรรม เป็นบุตรอันเกิดดีแล้วในพระบรมศาสดา.
ขอตอบว่า มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นค่ะ คุณไม่มีทางเลือกอื่นเลย
คือ อริยมรรค.
ถ้าคุณไม่ตามรอย อริยมรรค
ถึงคุณจะมีความสามารถรวบรวมเอาทองที่มีทั้งหมดในโลกมาสร้างองค์พระพุทธรูปทองคำ คุณก็ยังไม่มีพระธรรมกายประจำตัว.
แต่เมื่อใดที่คุณเข้าสู่ทางแห่งอริยมรรค คุณก็ไม่ต้องสร้างอะไรแล้ว คุณจะเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย คุณจะเป็นผู้มีความยินดีในความสงบ ความสันโดษ คุณจะเป็นผู้สิ้น ราคะ โทสะ โมหะ ในที่สุดของเส้นทางแห่งอริยมรรค ความปราถนาใดๆไม่เกิดแก่คุณอีกเลย.
นี่คือ การสร้างพระประจำตัว แบบสร้างเพียงครั้งเดียว เป็นอันจบ เสร็จกิจในพระพุทธศาสนา.
ไม่มีการหวนมาสร้างแล้ว สร้างอีก ในแต่ละชาติที่เกิดมา.
เกิดมาสร้างพระแล้วก็ตาย......แล้วก็เกิดมาสร้างพระอีกแล้วก็ตาย.......แล้วก็เกิดมาสร้างพระอีกแล้วก็ตาย สูญไร้สาระ.
พระบรมศาสดาไม่ทำกิจเช่นนี้ และไม่สอนผู้อื่นให้ทำกิจเช่นนี้.
พระบรมศาสดา ทรงรู้ทุกข์ ทรงเห็นทุกข์ และตรัสสอนให้ผู้อื่นได้รู็ทุกข์ตามพระองค์ ให้ผู้อื่นได้เห็นทุกข์ตามพระองค์,
ทรงละเหตุแห่งทุกข์ และสอนผู้อื่นเช่นนั้นด้วย,
ทรงทำความดับไปแห่งทุกข์ให้เกิดแก่พระองค์ และทรงสอนผู้อื่นเช่นนั้นด้วย,
ทรงดำเนินตามมรรคา และสอนผู้อื่นเช่นนั้นด้วย
ผู้ใครู้เช่นที่พระบรมศาสดารู้
เห็นเช่นพระบรมศาสดาเห็น
ละเช่นพระบรมศาสดาละ
ดำเนินตามรอบพระบาทพระศาสดา
ถึงผู้นั้น มิเคยสร้างพระพุทธรูปเลย มิเคยออกบวช โกนผม หรือนุ่งผ้ากาสาวพัตร์เลย
พระบรมศาสดาย่อมยินดีในบุคคลเช่นนั้น
เพราะผู้นั้นได้สืบทอดพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ด้วย กาย วาจา และจิต.
บุคคลผู้นั้นเป็น พุทธบุตร เป็นผู้ที่เกิดโดยธรรม เป็นบุตรอันเกิดดีแล้วในพระบรมศาสดา.
ในกระทู้: ที่สุด....ของชีวิต
22 March 2009 - 05:30 PM
ของแถม จากใจ
ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ ความเห็นผิด
เห็นสิ่งไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
เห็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
เห็นสิ่งที่ไม่ใช่เรา ว่าเป็นเรา
ความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา แต่ไม่สามารถข้ามโอฆะ
สิ่งที่สาหัสที่สุดในชีวิตของเรา คือ การแบกขันธ์ห้า
การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตของเรา คือ ๑.การกระทำด้วยความเชื่อเพราะฟังมา ๒.ทำด้วยเหตุที่ได้ทำตามกันมา ๓. ทำเพราะเขาเล่าลือ ๔.ทำเพราะตำราว่าอย่างนั้น ๕.ทำเพราะตรรก ๖.ทำเพราะอนุมาน ๗.ทำเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล ๘.ทำเพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่ว่าไว้แล้ว ๙.ทำเพระาเห็นว่าน่าจะเป็นไปได้ ๑๐.ทำเพราะอาจารย์บอกไว้ว่าอย่างนั้น. ( กาลามสูตร )
ความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของเรา คือ การสร้างภพให้แก่ตน
สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตของเรา คือ มีองค์พระแท้ แต่วิ่งหาองค์พระปลอมมาเป็นของตน.
มีสวรรค์ และสุขแท้อยู่แล้วกับเนื้อกับตัว แต่กลับวิ่งหา สวรรค์ปลอมๆ และสุขปลอมๆ ต้องประสบกับความยากลำบาก ด้วยความไม่รู้ ไม่รู้จักจบจักสิ้น.
ความยำแย่ที่สุดในชีวิตของเรา คือ การนอนหลับ ( อยู๋อย่างผู้หลับใหล )
สิ่งที่น่าอิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตของเรา คือ ความอิ่มของรสแห่งพระนิพพาน.
ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ ความเห็นผิด
เห็นสิ่งไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
เห็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
เห็นสิ่งที่ไม่ใช่เรา ว่าเป็นเรา
ความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา แต่ไม่สามารถข้ามโอฆะ
สิ่งที่สาหัสที่สุดในชีวิตของเรา คือ การแบกขันธ์ห้า
การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตของเรา คือ ๑.การกระทำด้วยความเชื่อเพราะฟังมา ๒.ทำด้วยเหตุที่ได้ทำตามกันมา ๓. ทำเพราะเขาเล่าลือ ๔.ทำเพราะตำราว่าอย่างนั้น ๕.ทำเพราะตรรก ๖.ทำเพราะอนุมาน ๗.ทำเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล ๘.ทำเพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่ว่าไว้แล้ว ๙.ทำเพระาเห็นว่าน่าจะเป็นไปได้ ๑๐.ทำเพราะอาจารย์บอกไว้ว่าอย่างนั้น. ( กาลามสูตร )
ความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของเรา คือ การสร้างภพให้แก่ตน
สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตของเรา คือ มีองค์พระแท้ แต่วิ่งหาองค์พระปลอมมาเป็นของตน.
มีสวรรค์ และสุขแท้อยู่แล้วกับเนื้อกับตัว แต่กลับวิ่งหา สวรรค์ปลอมๆ และสุขปลอมๆ ต้องประสบกับความยากลำบาก ด้วยความไม่รู้ ไม่รู้จักจบจักสิ้น.
ความยำแย่ที่สุดในชีวิตของเรา คือ การนอนหลับ ( อยู๋อย่างผู้หลับใหล )
สิ่งที่น่าอิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตของเรา คือ ความอิ่มของรสแห่งพระนิพพาน.
ในกระทู้: จาตุฯ ถึง ดุสิต เทวดามากน้อยต่างกันอย่างไรครับ
22 March 2009 - 04:33 PM
คุณถามว่า ทำบุญอะไรไปสวรรค์ชั้นไหน
ขอถามว่า ที่คุณจะไปสวรรค์น่ะ คุณจะไปทำอะไรที่นั่น
ความตั้งใจของจิตคุณ จะเป็นตัวบ่งบอกถึงที่ๆคุณจะไปถึงค่ะ
ยกตัวอย่างๆ โลกๆ ถ้าจิตคุณมีความยินดีในการเป็นโจร จิตคุณก็จะพาคุณไปในกลุ่มโจร และคุณก็จะได้อยู่กับพวกโจร และเป็นโจรในที่สุด
ถ้าจิตคุณยินดีในการเป็นนักธุรกิจ มีรายได้เป็นล้าน จิตคุณก็จะพาคุณไปคบหาสมาคมกับพวกนักธุรกิจ และเป็นอย่างพวกนั้น
ถ้าจิตคุณยินดีในความสงบ ปราศจากทุกข์ จิตคุณก็จะพาคุณไปใน อริยมรรค คือ ทางของพระอริยทั้งหลายผู้มีทุกข์เบาบาง จนถึงผู้ที่ปราศจากทุกข์.
ทุกอย่างอยู่ที่จิตของคุณ พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นผู้นำ
สวรรค์แต่ละชั้น เป็นที่อยู๋ของจิต แต่ละชั้นของจิต ซึ่งแตกต่างกัน เหมือนโลกเรา ที่มีสังคมต่างๆกัน.
อย่าเข้าใจผิดว่า โลกกับสวรรค์ นั้นต่างกัน เพียงแต่เขาพรรณาให้ฟังดูว่าเลิศกว่าก็เท่านั้นเอง.
แต่ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็ยังติดตามไปได้แม้ในสวรรค์.
สัจจธรรมแห่งไตรลักษณ์ ครอบคลุม ภพทั้งสาม เป็นธรรมดาอยู่แล้ว. พ้นภพสามก็พ้นไตรลักษณ์
คุณพบเห็นอะไรในโลก คุณก็พบเห็นอย่างนั้นในสวรรค์ คือ คุณก็จะยังคงเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บนสวรรค์.
เหมือนคนนั่งในรถราคาแสน อยากเปลี่ยนไปนั่งรถราคาล้าน แต่ รถก็เสื่อม ผุพัง เข้ากองขยะเหมือนกัน.
การเข้าไปสู่ความเสื่อม พัง ทลาย สนุกสำหรับคุณหรือ ถ้าสนุกก็เชิญตามอัธยาสัย.
แต่ถ้าคุณเห็นแล้ว รู้แล้ว ว่า การเปลี่ยนรถยนตร์ ไร้สาระ
การเป็นอิสระจาก รถยนตร์ นั่นเป็นสาระ
ก็ขอให้ใช้รถที่มีอยู่ ไม่ว่ารถนั้นจะราคาเท่าใดก็ตาม ใช้มันเป็นยาน(ปัญญา) ขับออกจาก ความเกิด ความเสื่อม ความผุพังทลาย ขับรถนั้น ออกจากสังสารวัฎอันน่ากลัว ดุจดังกองเพลิง ดุจดังเชือกรัดคอ ดุจดังนายที่คอยจิกหัวใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน ดุจดังเจ้าหนี้ที่คอยมาตามหนี้.
ความยินดีในสวรรค์ วิมาน ย่อมไม่มีแก่ผู้เห็นความเสื่อม.
ผู้รู้แล้ว เห็นแล้ว เข้าสู่สวรรค์ วิมาน ด้วยสติ ด้วยปัญญา เหมือนคนมีสติออกจากรถคันหนึ่ง เข้าสู่รถอีกคันหนึ่ง ขับญาณนั้นด้วยจิตที่บริสุทธิ์ เปี่ยมด้วยเมตตา เมื่อถึงเวลาอันสมควร จึงเปลี่ยน รถใหม่เพื่อมาสู่โลก เพื่อความสว่างของโลก เพื่อโลกได้เห็น ความไม่เที่ยง ความเสื่อม ของธรรมทั้งหลาย และ คลายความยึดมั่นใน นรก โลก สวรรค์ เพื่อความหลุดพ้นแห่งทุกข์ เข้าถึงสุขสงบที่แท้จริง มิใช่เพื่อเหตุอื่นใดเลย.
การถามว่า ทำบุญอะไรไปสวรค์ชั้นไหน เป้นคำถามที่ไม่ถูก
ควรถามใหม่ว่า ทำจิตอย่างใดได้ไปสวรรค์ชั้นไหน
เพราะ สวรรค์แต่ละชั้นแบ่งตามจิต ตามปัญญา ตามความสะอาด ความสว่าง และความสงบของจิต.
จิตคุณเป็นอย่างไร คุณก็ไปเข้าพวกกับที่มีจิตอย่างนั้น ไม่ผิดพวก
เหมือน พวกนักดนตรีก็จะรวมกลุ่มกัน พวกนักกีฬาก็จะรวมกลุ่มกัน พวกรักเรียนก็จะรวมกลุ่มกัน พวกหนีเรียนก็จะรวมกลุ่มกัน เป็นต้น
คุณอยากไปอยู่กับพวกที่มีราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต มาก คุณก็ทำจิตให้มีองค์ประกอบอย่างนั้นมาก เดี๋ยวคุณก็เจอกลุ่มนั้นเอง
ถ้าคุณเบื่อหน่ายต่อ จิตทีทีราคะ โทสะ โมหะ คุณก็ทำจิตให้ มีราคะน้อยๆ มีโทสะน้อยๆ มีโมหะน้อยๆ เดี๋ยวคุณก็ได้รวมกลุ่มกับพวกที่มีทุกข์น้อยๆ.
อย่าเชื่อ อย่าคิด แต่ใช้ปัญญาพิจารณาดูด้วยเหตุและผล.
ปัญญา ใช้บ่อยๆกำลังมากขึ้น
ความคิดใช้บ่อยๆ ก็จมลงเรื่อยๆ สู่โลกของความนึกคิด.
ขอถามว่า ที่คุณจะไปสวรรค์น่ะ คุณจะไปทำอะไรที่นั่น
ความตั้งใจของจิตคุณ จะเป็นตัวบ่งบอกถึงที่ๆคุณจะไปถึงค่ะ
ยกตัวอย่างๆ โลกๆ ถ้าจิตคุณมีความยินดีในการเป็นโจร จิตคุณก็จะพาคุณไปในกลุ่มโจร และคุณก็จะได้อยู่กับพวกโจร และเป็นโจรในที่สุด
ถ้าจิตคุณยินดีในการเป็นนักธุรกิจ มีรายได้เป็นล้าน จิตคุณก็จะพาคุณไปคบหาสมาคมกับพวกนักธุรกิจ และเป็นอย่างพวกนั้น
ถ้าจิตคุณยินดีในความสงบ ปราศจากทุกข์ จิตคุณก็จะพาคุณไปใน อริยมรรค คือ ทางของพระอริยทั้งหลายผู้มีทุกข์เบาบาง จนถึงผู้ที่ปราศจากทุกข์.
ทุกอย่างอยู่ที่จิตของคุณ พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นผู้นำ
สวรรค์แต่ละชั้น เป็นที่อยู๋ของจิต แต่ละชั้นของจิต ซึ่งแตกต่างกัน เหมือนโลกเรา ที่มีสังคมต่างๆกัน.
อย่าเข้าใจผิดว่า โลกกับสวรรค์ นั้นต่างกัน เพียงแต่เขาพรรณาให้ฟังดูว่าเลิศกว่าก็เท่านั้นเอง.
แต่ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็ยังติดตามไปได้แม้ในสวรรค์.
สัจจธรรมแห่งไตรลักษณ์ ครอบคลุม ภพทั้งสาม เป็นธรรมดาอยู่แล้ว. พ้นภพสามก็พ้นไตรลักษณ์
คุณพบเห็นอะไรในโลก คุณก็พบเห็นอย่างนั้นในสวรรค์ คือ คุณก็จะยังคงเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บนสวรรค์.
เหมือนคนนั่งในรถราคาแสน อยากเปลี่ยนไปนั่งรถราคาล้าน แต่ รถก็เสื่อม ผุพัง เข้ากองขยะเหมือนกัน.
การเข้าไปสู่ความเสื่อม พัง ทลาย สนุกสำหรับคุณหรือ ถ้าสนุกก็เชิญตามอัธยาสัย.
แต่ถ้าคุณเห็นแล้ว รู้แล้ว ว่า การเปลี่ยนรถยนตร์ ไร้สาระ
การเป็นอิสระจาก รถยนตร์ นั่นเป็นสาระ
ก็ขอให้ใช้รถที่มีอยู่ ไม่ว่ารถนั้นจะราคาเท่าใดก็ตาม ใช้มันเป็นยาน(ปัญญา) ขับออกจาก ความเกิด ความเสื่อม ความผุพังทลาย ขับรถนั้น ออกจากสังสารวัฎอันน่ากลัว ดุจดังกองเพลิง ดุจดังเชือกรัดคอ ดุจดังนายที่คอยจิกหัวใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน ดุจดังเจ้าหนี้ที่คอยมาตามหนี้.
ความยินดีในสวรรค์ วิมาน ย่อมไม่มีแก่ผู้เห็นความเสื่อม.
ผู้รู้แล้ว เห็นแล้ว เข้าสู่สวรรค์ วิมาน ด้วยสติ ด้วยปัญญา เหมือนคนมีสติออกจากรถคันหนึ่ง เข้าสู่รถอีกคันหนึ่ง ขับญาณนั้นด้วยจิตที่บริสุทธิ์ เปี่ยมด้วยเมตตา เมื่อถึงเวลาอันสมควร จึงเปลี่ยน รถใหม่เพื่อมาสู่โลก เพื่อความสว่างของโลก เพื่อโลกได้เห็น ความไม่เที่ยง ความเสื่อม ของธรรมทั้งหลาย และ คลายความยึดมั่นใน นรก โลก สวรรค์ เพื่อความหลุดพ้นแห่งทุกข์ เข้าถึงสุขสงบที่แท้จริง มิใช่เพื่อเหตุอื่นใดเลย.
การถามว่า ทำบุญอะไรไปสวรค์ชั้นไหน เป้นคำถามที่ไม่ถูก
ควรถามใหม่ว่า ทำจิตอย่างใดได้ไปสวรรค์ชั้นไหน
เพราะ สวรรค์แต่ละชั้นแบ่งตามจิต ตามปัญญา ตามความสะอาด ความสว่าง และความสงบของจิต.
จิตคุณเป็นอย่างไร คุณก็ไปเข้าพวกกับที่มีจิตอย่างนั้น ไม่ผิดพวก
เหมือน พวกนักดนตรีก็จะรวมกลุ่มกัน พวกนักกีฬาก็จะรวมกลุ่มกัน พวกรักเรียนก็จะรวมกลุ่มกัน พวกหนีเรียนก็จะรวมกลุ่มกัน เป็นต้น
คุณอยากไปอยู่กับพวกที่มีราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต มาก คุณก็ทำจิตให้มีองค์ประกอบอย่างนั้นมาก เดี๋ยวคุณก็เจอกลุ่มนั้นเอง
ถ้าคุณเบื่อหน่ายต่อ จิตทีทีราคะ โทสะ โมหะ คุณก็ทำจิตให้ มีราคะน้อยๆ มีโทสะน้อยๆ มีโมหะน้อยๆ เดี๋ยวคุณก็ได้รวมกลุ่มกับพวกที่มีทุกข์น้อยๆ.
อย่าเชื่อ อย่าคิด แต่ใช้ปัญญาพิจารณาดูด้วยเหตุและผล.
ปัญญา ใช้บ่อยๆกำลังมากขึ้น
ความคิดใช้บ่อยๆ ก็จมลงเรื่อยๆ สู่โลกของความนึกคิด.
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: ThDk
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·