พระเล่นเอ็มผิดศีลไหมค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 06:13 PM
#2
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 08:37 PM
[๖๔๕] คำว่า อนึ่งสถานหาเป็นอาสนะกำบังไม่เลยทีเดียว อธิบายว่า อาสนะเป็นที่เปิดเผย คือ เป็นสถานที่มิได้กำบังด้วยฝา บานประตู เสื่อลำแพน ม่านบัง ต้นไม้ เสาหรือฉาง อย่างใดอย่างหนึ่ง
บทว่า หาเป็นที่พอจะทำการได้ไม่ คือ ไม่อาจเสพเมถุนธรรมได้
คำว่า แต่เป็นที่พอจะพูดเคาะมาตุคาม ด้วยวาจาชั่วหยาบได้อยู่ คือ อาจจะพูดเคาะมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบได้
[๖๔๖] บทว่า แล ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด มีการงานอย่างใด มีชาติอย่างใดมีชื่ออย่างใด มีโคตรอย่างใด มีปกติอย่างใด มีธรรมเครื่องอยู่อย่างใด มีอารมณ์อย่างใด เป็นเถระก็ตาม เป็นนวกะก็ตาม เป็นมัชฌิมะก็ตามนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า แล ... ใด
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้ขอ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า ประพฤติภิกขาจริยวัตร ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า ทรงผืนผ้าที่ถูกทำลายแล้ว ชื่อว่าภิกษุ โดยสมญา ชื่อว่า ภิกษุ โดยปฏิญญา ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นเอหิภิกษุ ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้อุปสมบทแล้วด้วยไตรสรณคมน์ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้เจริญ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่ามีสารธรรม ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นพระเสขะ ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นพระอเสขะ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้อันสงฆ์พร้อมเพรียงกันอุปสมบทให้ด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุที่สงฆ์
พร้อมเพรียงกันอุปสมบทให้ด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะนี้ ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้
บทว่า ในอาสนะมีรูปอย่างนั้น คือ ในอาสนะเห็นปานนั้น
ที่ชื่อว่า มาตุคาม ได้แก่หญิงมนุษย์ ไม่ใช่หญิงยักษ์ ไม่ใช่หญิงเปรต ไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย เป็นสตรีผู้รู้เดียงสา สามารถซาบซึ้งถึงถ้อยคำ เป็นสุภาษิต ทุรภาษิต วาจาชั่วหยาบและสุภาพ
บทว่า กับ คือ ร่วมกัน
คำว่า รูปเดียว ... ผู้เดียว ได้แก่ ภิกษุ ๑ มาตุคาม ๑
***ที่ชื่อว่า ในที่ลับ ได้แก่ ที่ลับตา ๑ ที่ลับหู ๑
ที่ลับตา ได้แก่สถานที่ซึ่งเมื่อภิกษุ หรือมาตุคาม ขยิบตา ยักคิ้ว หรือชูศีรษะไม่มีใครสามารถจะแลเห็นได้
ที่ลับหู ได้แก่ สถานที่ซึ่งไม่มีใครสามารถได้ยินถ้อยคำที่พูดตามปกติได้
คำว่า สำเร็จการนั่ง หมายความว่า เมื่อมาตุคามนั่งแล้ว ภิกษุนั่งใกล้ หรือนอนใกล้ก็ดี เมื่อภิกษุนั่งแล้ว มาตุคามนั่งใกล้ หรือนอนใกล้ก็ดี นั่งทั้งสองคน หรือนอนทั้งสองคนก็ดี
[๖๔๗] อุบาสิกาที่ชื่อว่า มีวาจาที่เชื่อได้ คือ เป็นสตรีผู้บรรลุผล ผู้ตรัสรู้ธรรม ผู้เข้าใจศาสนาดี
ที่ชื่อว่า อุบาสิกา ได้แก่ สตรีผู้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ผู้ถึงพระธรรมเป็นสรณะ ผู้ถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ
บทว่า เห็น คือพบ
[๖๔๘] อุบาสิกามีวาจาที่เชื่อได้เช่นนั้น พึงพูดขึ้นด้วยธรรม ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือด้วยสังฆาทิเสสก็ดี ด้วยปาจิตตีย์ก็ดี ภิกษุปฏิญาณซึ่งการนั่งพึงถูกปรับด้วยธรรม ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ด้วยสังฆาทิเสสบ้าง ด้วยปาจิตตีย์บ้าง อีกประการหนึ่งอุบาสิกามีวาจาที่เชื่อได้นั้น กล่าวด้วยธรรมใด ภิกษุนั้นพึงถูกปรับด้วยธรรมนั้น.
ที่มา : http://84000.org/tip...484&pagebreak=0
บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์
[๕๔๑] มาตุคาม ภิกษุสำคัญว่ามาตุคาม สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือในอาสนะกำบังต้องอาบัติปาจิตตีย์.
มาตุคาม ภิกษุสงสัย สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะกำบัง ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
มาตุคาม ภิกษุสำคัญว่าไม่ใช่มาตุคาม สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะกำบังต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ติกะทุกกฏ
ภิกษุสำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะกำบังกับหญิงยักษ์ หญิงเปรต บัณเฑาะก์หรือสัตว์ดิรัจฉานตัวเมียมีกายดังมนุษย์ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ใช่มาตุคาม ภิกษุสำคัญว่ามาตุคาม ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ใช่มาตุคาม ภิกษุสงสัย ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ต้องอาบัติ
ไม่ใช่มาตุคาม ภิกษุสำคัญว่าไม่ใช่มาตุคาม ... ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
[๕๔๒] ภิกษุมีบุรุษผู้รู้เดียงสาคนใดคนหนึ่งอยู่เป็นเพื่อน ๑ ภิกษุยืนมิได้นั่ง ๑ ภิกษุ มิได้มุ่งที่ลับ ๑ ภิกษุนั่งส่งใจไปในอารมณ์อื่น ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ที่มา : http://84000.org/tip...A=11363&Z=11422
๕. กุลุปกสูตรที่ ๑
[๒๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในภิกษุผู้เข้าสู่สกุล๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุผู้เข้าไปสู่สกุลย่อมต้องอาบัติเพราะเที่ยวไปโดยไม่บอกลา ๑ ย่อมต้องอาบัติเพราะนั่งในที่ลับหูกับมาตุคาม ๑ ย่อมต้องอาบัติเพราะนั่งในที่ลับตากับมาตุคาม ๑ เมื่อแสดงธรรมแก่มาตุคามเกินกว่า ๕-๖ คำย่อมต้องอาบัติ ๑ ย่อมมากด้วยความดำริในกามอยู่ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในภิกษุผู้เข้าไปสู่สกุล ฯ
จบสูตรที่ ๕
ที่มา : http://84000.org/tip...2&A=6062&Z=6069
[๒๕๐] ภิกษุพูดเคาะมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ ต้องอาบัติ ๓ คือ พูดชมก็ดี พูดติก็ดี พาดพิงวัจจมรรค ปัสสาวมรรค ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑ พูดชมก็ดี พูดติก็ดี พาดพิงอวัยวะใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป เว้นวัจจมรรค ปัสสาวมรรค ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ พูดชมก็ดี พูดติก็ดี พาดพิงของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๒๕๑] ภิกษุกล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ต้องอาบัติ ๓ คือ กล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ในสำนักมาตุคาม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑ กล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ในสำนักบัณเฑาะก์ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ กล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ในสำนักดิรัจฉาน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
ที่มา : http://84000.org/tip...8&A=2541&Z=2587
**********************************
สรุปคือ การที่พระภิกษุพูดจากับมาตุคามนั้น ถือเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากสำหรับพระภิกษุ เพราะจะเห็นว่า แม้เพียงแค่แสดงธรรมแก่มาตุคามเกินกว่า ๕-๖ คำย่อมต้องอาบัติ ๑ และหากมีจิตดำริในกามหรือยินดีในการได้ยินเสียงมาตุคามหรือยินดีในการเสวนากับมาตุคาม ย่อมเข้าข่ายอาบัติไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่งแน่ครับ
แม้กรณีที่ภิกษุพูดชมก็ดี พูดติก็ดี พาดพิงของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ยกตัวอย่างเช่น สีกาหน้าตาผ่องใสดีนะ สีกาหน้าตาขี้เหร่จัง หรือโยมมีบุญวาสนาจริงๆ ที่สรีระงดงาม เพียงเท่านี้ก็ต้องอาบัติทุกกฎแล้วครับ
อาบัติทุกกฎ หมายถึง อาบัติไม่ดีไม่งาม ถึงแม้ว่าอาบัติข้อนี้จะไม่ร้ายแรง แต่ขึ้นชื่อว่าผิดศีลผิดวินัยยิ่งแม้รู้ด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ควรกระทำครับ เพราะการผิดสัจจต่อพระพุทธเจ้านั้นผลย่อมไม่เบาเลยครับ
เพราะพระภิกษุก่อนบวชได้ขอรับศีลกับพระพุทธเจ้านั่นก็คือการขอรับสัจจะกับพระพุทธเจ้า แต่ภิกษุทำผิดไปเนื่องด้วยไม่รู้ไม่เจตนาก็สามารถปลงอาบัติได้ครับ แต่ไม่ควรกลับมากระทำอีก
ถ้าเป็นปาจิตตีย์จะแปลว่า จิตเป็นบาป เพราะเปิดช่องให้เกิดความยินดีในการเสวนาธรรมกับสตรีได้ครับ ยกเว้นถ้าไม่มีจิตยินดีในกามคุณก็ไม่ต้องอาบัติครับ
แต่ถ้าให้ดีสำหรับชีวิตสมณะแล้วผมว่าเลี่ยงการพูด การคุย การเสวนา ในที่ลับหู ที่ลับตา ที่คนอื่นไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นก็จะเป็นการดีที่สุดครับ
#3
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 09:04 PM
#4
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 09:10 PM
#5
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 10:26 PM
ดังนั้นอุปกรณ์สื่อสารไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ขึ้นอยู่กับคนใช้มากกว่า เหมือนทีวีกับดาวธรรมไงครับ ถ้าเอาทีวีไปเปิดสิ่งที่ไม่ดี ทีวีก็ไม่ดี แต่ถ้าเอาไปเปิดดาวธรรม ทีวีก็มีประโยชน์มากครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#6
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 12:19 AM
นานาจิตตังครับ ความจริงถ้าหากว่าไม่ได้มีเรื่องขัดใจกันมาก่อนเพียงแค่ลบชื่อออกจาก list ก็พอครับ การ block น่าจะใช้เฉพาะกรณีที่รู้สึกไปกันไม่ได้กับคู่สนทนาหรือพูดกันไม่รู้เรื่อง เช่น ฝรั่งเข้ามาพยายามคุยกับผมๆ ก็เผ่นเลยเหมือนกันครับ ขั้นแรกก็ลบก่อน ถ้าเขาพยายามเข้ามาอีกผมก็จะค่อย block ในภายหลังครับ 5555
เจตนาหาใช่รังเกียจครับแต่ภาษาต่างชาติผมไม่แข็งแรงครับ กลัวคนอ่านฝากโน้นจะงงหนะครับ 555+
กรณีของน้องจอยซ่าส์ถ้าจะลบก็ไม่ผิดศีลหรือบาปแต่อย่างใดหรอกครับ เพราะถ้า list name ยาวมากๆ แต่ไม่ค่อยได้คุยก็ดูจะว่างเปล่ามีก็เหมือนไม่มีครับ ผมเองถ้าไม่ค่อยได้คุยก็กะจะลบออกเก็บไว้เฉพาะคนที่เราเสวนาธรรมบ่อยๆ ท่าจะดีกว่าเหมือนกันครับ แต่อย่าเพิ่งถึงกับ block กันเลยครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#7
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 12:38 PM
#8
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 10:22 PM
"เรื่องกามนั้น เป็นของร้อน ต้องชักสะพานเสีย ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี อย่าพึ่งนึกว่าตัวเรานี่เก่งกล้าอาจหาญที่จะกระทำการดับเพลิงกองนี้ ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษได้ด้วยตัวของเราเองนะครับ"
ปล. แค่ต้องอาบัติทุกกฏ แล้วไม่ปลงอาบัติให้ตนเองกลับบริสุทธิ์ ก็มีสิทธิ์ได้ลงไปท่องในสัญชีวมหานรกแล้ว
#9
โพสต์เมื่อ 09 April 2006 - 03:22 PM
#10
โพสต์เมื่อ 09 April 2006 - 10:06 PM
#11
โพสต์เมื่อ 09 April 2006 - 10:58 PM
#12
โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 01:36 AM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#13
โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 03:47 AM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#14
โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 04:00 PM
เล่นเอ็มดีก้มีประโยชน์ เล่นไม่ดีก็โทษมหันต์เช่นกัน
#15
โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 10:56 PM
ทั้งเจ้าหน้าที่และหลวงพี่จะใช้ติดต่อกันระหว่างศูนย์ สะดวกและง่ายกว่าคุยโทรศัพท์ครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#16
โพสต์เมื่อ 11 April 2006 - 09:10 PM
แต่การจะเป็นบาป หรือไม่บาปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ "สาร"ที่เราสื่อออกไปมากกว่าครับ
เช่น ถ้าเอ็มเอสเอ็นด่ากัน ก็เป็นบาป
เอ็มเอสเอ็น บอกบุญ ก็ได้บุญ เป็นต้น
#17
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 01:58 AM
น้าจี้
#18
โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 09:13 PM
ถ้าใช้ในทางที่ดี เช่น ชวนทำความดี ฯลฯ ก็ดีคะ
ประหยัดเวลาด้วย ชวนได้หลายคน อิอิ
#19
โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 04:59 PM
บางทีเพื่อเป็นการติดต่องาน แล้วไม่ได้พูดในเชิงที่เป็นการกระทำผิดศีล ที่พระถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดไว้แล้ว ก็ถือว่า เล่น msn ได้ค่ะ
ยิ้ม ใส ปิ๊ง จ๊า...
#20
โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 08:48 PM
แต่ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านยังคงมีชีวิตอยู่ คุณคิดว่า ท่านจะอนุญาติให้พระเล่นเอ็มกับสีกา ไหมล่ะ ???
#21
โพสต์เมื่อ 21 April 2006 - 12:14 AM
ไม่ควรคุยสนุกสนานเกินไป ผู้หญิงควรสำรวมเป็นพิเศษ
เพิ่อไปไม่ให้เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกลับเครียดมากไป
และอยู่ที่ ถ้าเรารู้จักกับท่าน ประสานงานเกี่ยวกับงานบุญกันเป็นประจำ
ก็อาจจะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง ความสะดวกในการทำงานบ้าง
แง่มุมวิธีการต่างๆ การจัดตารางเวลา อันเป็นสาระที่จะประสานงานได้มากขึ้น
นั้นก็ไม่ถือว่าผิด เพราะว่าไม่เจตนาไปในเรื่องชู้สาวเลยค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#22
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 03:48 PM
เดี๋ยวนี้เทคโนโลยี ใหม่ๆ มีเข้ามามาก
ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ ยืนคุยในที่ลับหู ลับตา
ได้ด้วยน่ะสิ โดยหลักเราต้องยึดถืออยู่เหมือนเดิม
แต่วิธีการอาจต้องเปลี่ยนไปนะ ดูความเหมาะสมจ๊ะ
ลองโทรสอบถามที่สำนักงานพระพุทธํศาสนาแห่งชาติ แล้วได้คำตอบมาคือ
ไม่ใช่กิจของสงฆ์ คำเดียวสั้นๆ จ๊ะ
ถ้าสงสัยอะไรลองติดต่อไปที่นี่
หรือผ่านตู้ ปณ. ๔๔๔ ตามลิงค์ด้านล่าง
http://www.onab.go.th/news/444.pdf
#23
โพสต์เมื่อ 11 June 2006 - 10:15 PM
ใช้ไปทำไม
เพื่อประโยชน์อะไร
เกิดประโยชน์แบบใด
ถูกต้องหรือไม่
พิจราณาตามหลักการนะคะ
#24
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 04:29 PM
ต้องดูตามความพอเหมะพอดี ครับ
ลูกพระธรรม
#25
โพสต์เมื่อ 10 August 2006 - 03:21 PM
พระภิกษุในWebนี้ สุปฏิปัณโณ นะครับ สูงทั้งภูมิรู้ภูมิธรรม IQก็สูง EQก็สูง MQก็สูง
IQ=Intelligent Quotent ความฉลาดทางปัญญา
EQ=Emotional Quotent ความฉลาดทางอารมณ์
MQ=Moral Quotent ความฉลาดทางคุณธรรม
กลิ่นแห่งศีล หอมติดตัวอักษร
ท่านนำพระสัทธรรมมาสู่โลกอินเตอร์เนต แต่ไม่ยอมให้ข้อความในอินเตอร์เนตบิดเบือนพระสัทธรรม
#26
โพสต์เมื่อ 05 October 2006 - 04:16 PM
[size=3]สมัยนี้มันยุคเทคโนโลยี แล้ว เป็นพระเรื่องแค่นี้ท่านคงคิดเองได้[/size]