"หลวงตา"กับ"เด็กวัด"
10600367_707104302730892_7146230978772949219_n.jpg 61.34K 23 ดาวน์โหลด
วันหนึ่ง หลวงตากลับจากการบิณฑบาต พบเด็กวัดนั่งร้องไห้อยู่ หลวงตาจึงถามว่า
“เจ้าเป็นอะไรรึ”
“เขาใส่ร้ายว่าผมเป็นขโมย”
เจ้าเด็กน้อยมีหน้าที่เข้าไปปัดกวาดเช็ดถูในหอพระบ่อยๆ เมื่อเงินในหอพระหายไป ทุกคนจึงหาว่าเขาเป็นคนขโมยเงิน เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครเชื่อผมเลย"
หลวงตาจึงนั่งปลอบเด็กวัดด้วยการเล่าเป็นปริศนาธรรม
"เจ้ารู้ไหมว่าในตัวเรามีคนอยู่ ๓ คน คนแรกคือคนที่เราอยากเป็น คนที่สองคือคนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น และคนที่สามคือตัวเรา ที่เป็นเราจริงๆ"
เมื่อเจอปริศนาธรรมเข้า เด็กวัดก็หยุดร้องไห้ นิ่งฟังอย่างสนใจ
หลวงตาจึงเล่าต่อไปว่า เราทุกคนล้วนมี “ความฝัน” ความฝันเป็นสิ่งสวยงาม เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีพลังจะก้าวไป บางคนอยากเป็นนักร้อง ดารา บางคนอยากเป็นนักธุรกิจร่ำรวย นั่นคือ "คนแรก" ที่เราอยากเป็น
ส่วนคนที่สองนี่ เราไม่ได้นึกไม่ได้ฝัน ไม่ได้อยากจะเป็น แต่คนอื่นเขามองว่าเรา”เป็น” เขามองว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ บางทีก็มองเสีย “ดีเลิศ” จนเราอาย เพราะจิตสำนึกบอกเราว่า “ไม่จริงหรอก” แต่บางทีก็มองเราเสียเลวร้ายจนเราแทบจะรับไม่ได้ เพราะเรารู้ว่าความจริงเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
เจ้าเด็กน้อยนั่งฟังอย่างตั้งใจ หลวงตาสอนว่า ตัวเราคนที่ ๒ นี่เรากำหนดไม่ได้ เพราะเป็นโลกในมือคนอื่น บางคนก็มองเราดี บางคนก็มองเราในแง่ร้าย เพราะเขามองผ่าน “กระจกสีดำ” ในใจของเขาเอง
"เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจเราออกมา เพราะฉะนั้น ถ้าเจ้าเห็นใครทำไม่ดี จงเตือนตนเองเสมอว่า อย่าทำ อย่าเลียนแบบ"
"แล้วเราจะต้องทำตัวอย่างไรเล่าครับ ถ้าเราต้องเจอคนแบบนี้บ่อยๆ”
หลวงตายิ้ม แล้วตอบว่า
“ก็ให้นึกถึงคนที่ ๓ ที่อยู่ในตัวเรานี่แหละ เพราะนี่คือตัวเราที่เป็นเราจริงๆ”
หลวงตาสอนว่า เราต้องพยายามเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอๆ
"เราห้ามใจใครไม่ได้ แต่ให้คิดเสมอว่า สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่คนอื่นยัดเหยียดให้ ขอให้มองว่าคนเหล่านั้นน่าสงสาร มีเวลาเหลือเฟือในการเที่ยวมองคนอื่น แต่ไม่เคยมีเวลามองใจตัวเอง"
หลวงตาลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ
"จงแผ่เมตตาให้เขาไป"