ไม่ค่อยเข้าใจมนุษย์สมัยนี้
#1
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 03:10 AM
คำพูดคำจาก็ไม่ค่อยจะสุภาพ พอพูดล้อเล่นรึพูดโดนปมนิดหน่อยโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจก็โกรธจัดมากเอาซะง่ายๆ ทั้งๆที่ถ้าผมโดนก็แค่ขำๆ
ผู้หญิง-ชายแต่งกายไม่เรียบร้อย ไม่เคารพพ่อแม่ ไม่นับถือศาสนา แย่ลงทุกวันจนในที่สุดก็ไม่รู้จะเริ่มต้นแนะนำเพื่อนเหล่านี้ยังไงดี
เลยอยากจะขอคำแนะนำจากผู้รู้ช่วยชี้แนะสักหน่อยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 04:11 AM
วางอุเบกขาไปก่อนค่ะ พยายามอย่างไปพูดเตือน หรือแนะนำใคร ขณะที่อยู่กับคนหมู่มาก เพราะว่าเราจะถูกยำ
และกลับจะถูกเค้าพาลว่าใส่ให้เราเครียดยิ่งขึ้น วางใจแบบปล่อยวางเค้าไปก่อน ยังคงทักทายกันพอควร
เหมือนกองเพลิงใหญ่ เราเอาน้ำไปลาดในกลางกองเพลิง เสียน้ำเปล่า แถมไฟกระจายออกมาลามใส่เราด้วย
ทุกอย่างอยู่ที่กำลังบุญของเราค่ะ หากเรายังฝึกตนเองให้อยู่ในบุญไม่แน่นพอ ไปพูดตรงๆให้เค้ากลับโจมตีเรา
เราควรเพิ่มบุญในตนเอง ทั้งทาน ศีล ภาวนา ให้จิตใจเราอิ่มบุญ พยายามคบพวกเค้าน้อยลงเพื่อไม่ให้เราขุ่น หรือติดนิสัยพวกเค้าอีก
เตรียมน้ำให้มากๆไว้ ดูว่ากองเพลิงนั้น มีแยกย่อยออกมาตรงไหน ที่มีแรงไฟน้อย มีเชื้อไฟรอบๆข้างน้อย หรือใกล้มอด
ตรวจดูว่าน้ำที่เรามีอยู่ มากพอที่จะไปราดรอบๆ ล้อมไฟไว้เพื่อไม่ให้ลามออกไปได้หรือไม่ และมีมากพอที่จะเอามาดับกองเพลิงย่อยนั้นได้ไหม
ฉะนั้นจงดูจังหวะว่ามีเพื่อนคนไหนในกลุ่มนี้ที่มีอาการเริ่มเบื่อหน่าย ชีวิตแบบนั้น หรือพบความไม่งามของเพื่อนๆบ้างแล้ว
และดูแล้วว่าจิตใจเค้ามีฐานความดีมากพอที่จะเข้าใจเราได้บ้างไหม ค่อยๆพูดแบบดีกรีอ่อนๆ ก่อนแล้วดูอาการว่าเข้าใจไหม
อย่ารีบใส่ความในใจของเราออกไปเร็วนั้น เพราะว่าถ้าเค้าเกิดไม่ชอบความในใจของเราขึ้นมาอาจจะไปบอกเพื่อนๆให้มารุมเราก็ได้
ที่สำคัญคือ 1. การทำบุญของตนเองให้มีกำลังมากขึ้นไว้ก่อน ฝึกตนให้ดีที่สุด
2. อุเบกขา ไม่คิดเอาชนะพวกเค้า วางใจเป็นกลางๆก่อน ทุกอย่างใช้เวลานะคะ
3. แผ่เมตตาและอธิษฐานเสมอว่า ขอให้มีใครสักคนสองคนในนั้น เริ่มเข้าใจสิ่งที่ดีๆที่เราจะให้
ที่สำคัญที่สุด ฝึกใจเราให้อยู่ในองค์พระได้ตลอดเวลา และลองอธิษฐานกับหลวงปู่สิคะ ทำใจใสๆ เรื่อยๆ ค่อยๆทำไป ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#3
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 10:07 AM
1. ระดับประถม เป็นระดับที่พึ่งเริ่มต้น หรือกลุ่มบุคคลที่ยังพอมีสตินึกคิดไตร่ตรองได้ด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างผู้ที่มีความคิดอยากริอยากลองแต่ไม่กล้า หรือลองไปแล้วมีความนึกคิดว่ามันไม่ดีต่อตัวเองแล้วเลิกลองเพราะเห็นว่าไม่ดีไม่เหมาะกับเรา ระดับนี้จะดีหน่อยหากพูดด้วยเหตุผลทำให้เขาเข้าใจก็อาจจะเปลี่ยนใจเขาได้ในทันทีครับ ยกตัวอย่างตัวผมเองเลยนะครับ เรื่องเหล้า เมื่อก่อนผมก็เคยลองดื่มเหล้าดูเหมือนกัน แต่เมื่อได้ลองแล้วเห็นว่าสติสตังตัวเองไม่ได้อยู่กับตัว เดินไม่เป็นผู้เป็นคน ซําร้ายผมถึงกับล้มเจ็บไข้เพราะแพ้ฤทธิ์แอลกอฮอล ทำให้ผมตัดสินใจเลิก และไม่คิดแตะเลยเป็นต้นมาครับ
2. ระดับมัธยม เป็นระดับที่ต้องใช้วาจากล่าวตักเตือนบางคนอาจต้องให้เห็นถึงโทษตัวอย่างถึงจะได้คิด แล้วเกิดความกลัวจนทำให้เลิกไปเอง ระดับนี้ต้องเสียเวลาในการพูดให้เขาเข้าใจสักหน่อยครับบางทีต้องให้เขาได้เห็นโทษตัวอย่างของจริง เขาจะรู้สึกขยาดขึ้นมาเอง ยกตัวอย่างก็ตัวผมเองนี่แหละครับ แต่อันนี้เป็นเรื่องความรัก เมื่อก่อนผมก็จัดว่าเป็นคนเจ้าชู้ รักชอบผู้หญิงไปทั่ว ในชีวิตผ่านการอกหักมา5ครั้ง ในครั้งสุดท้าย คิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ใช่ เพราะกริยาท่าทางดีไปหมด ไม่เคยพูดโกหกเลยสักครั้ง แต่เมื่อเขาได้ทำงานเขาก็เปลี่ยนไป สุดท้ายผมเลยกลายเป็นเพียงสุนัขหัวเน่าตัวนึงไม่มีประโยชน์กับเขาเขาก็จากไป ทำให้ผมคิดได้ว่าความรักเป็นเหมือนยาพิษตั้งแต่นั้นมาผมตั้งใจว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอีก(ไม่ใช่ว่าผมจะแปลงเพศนะครับ หุหุ)
3. ระดับปริญญา เป็นระดับที่อาจจะถึงขั้นต่อล้อต่อเถียงหรือพูดจาย้อนเรา ยามเมื่อเราเขาไปตักเตือน ต้องรอให้ตัวเองยําแย่ลงเสียก่อนจึงจะทำให้ได้คิดหรือคิดได้ และเลิกลาในสิ่งนั้นไป แต่กว่าจะรู้ตัวบุคคลพวกนี้ก็มักจะรู้ตัวเอาเมื่อสายไปแล้ว อันนี้คิดว่าตัวอย่างคงมีให้เห็นเยอะตามโรงพยาบาลนะครับ
4. ระดับโปรเฟสชั่นนอล ระดับนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เห็นผิดเป็นถูกเห็นถูกเป็นผิด บูชาของที่ให้โทษเปรียบเสมือนพระเจ้า รักยิ่งกว่าพ่อแม่ตัวเอง พวกนี้อย่าเสียเวลาไปว่ากล่าวตักเตือนเลยครับ ดีไม่ดีเราจะพลอยเจ็บตัวไปด้วย อันนี้ขอยกตัวอย่างลูกน้องผมเอง มีอยู่วันผมเรียกลูกน้องเขามาตักเตือนเรื่องดื่มเหล้า พยายามสอนเขาว่าเหล้านั้นให้โทษยังไง เชื่อไหมครับเขาเถียงผมเป้นการใหญ่บอกผมว่าเหล้าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ อ่ะไม่เป็นไรงั้นลองให้เขาไล่คุณและโทษของเหล้าให้ผมฟัง เชื่อไหมครับเขาไล่ให้ผมได้แค่คุณเท่านั้นซึ่งเป็นคุณที่ผิดๆซะด้วย ส่วนโทษนั้นเขาแทบจะไม่เอ่ยให้ผมฟังเลย ทำให้ผมรู้ว่าเจ้าคนนี้หมดทางเยียวยา และขืนให้อยู่ต่อไปรังแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ผม ขณะนี้กำลังหาทางเอาคนนี้ออกจากงานอยู่ครับ เพียงแต่ยังหาเหตุไม่ได้ ตอนนี้เลยทำได้แค่อยู่ห่างๆเขาไว้ไม่ไปยุ่งสุงสิงกับเขา และพยายามแยกเขาออกจากลูกน้องที่ยังพอเชื่อฟังผม เพราะกลัวเขาจะพาลูกน้องผมเสียคนอีก
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 10:56 AM
ให้ข้อคิดที่ดีมากเลยค่ะ จะขอนำไปปรับใช้
และขออนุโมทนาบุญ กับคำตอบดีดี แบบนี้ด้วยน๊ะค๊ะ สาธุค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 12:46 PM
1คนพาลชอบชักนำไปในทางที่ผิด
2คนพาลไม่ชอบวินัย
3คนพาลชอบแต่สิ่งที่ผิด
4คนพาลชอบในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระของตน
5คนพาลแม้พูดจาดีด้วยก็โกรธ
เมื่อเห็นใครมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง5ประการอย่างนี้ก็ไม่ควรคบหาเดี๋ยวจะติดนิสัยพาลไปด้วย
ท่านให้คบบัณฑิตในทางธรรม หมายถึง ผู้รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้ควร รู้ไม่ควร รู้บุญ รู้บาป เมื่อเราคบบัณฑิตเป็นเพื่อนเราจะได้รับการถ่ายทอดความประพฤติและนิสัยจากบัณฑิตทำให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้า แม้ว่าเราจะมีศัตรูเป็นบัณฑิต แต่บัณฑิตนั้น เขาจะเป็นศัตรูกับความเห็นผิดของเรเท่านั้น เมื่อเรากลับตัวเป็นคนดีบัณฑิตย่อมไม่ถือโทษโกรธเคื่องแต่จะเป็นมิตรแท้ให้เราจนวันตาย
อีกอย่างหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวเคยบอกไว้ครับ
ตักนำรดหัวตอน่ะ ตอมันไม่งอก ตอมันตายแล้ว แต่รดน้ำบ่อยๆ เรายังมีโอกาสได้เห็ดกิน แต่ตักน้ำรดหลังสุนัข เห็ดก็ไม่ขึ้น มิหนำซ้ำมันยังสลัดน้ำมาเปียกเราอีกด้วย ควรจะทำยังไงกับสุนัขตัวนั้นคิดเอาเอง
จบครับธรรมะดีดี ผมชอบมากนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมเริ่มเข้าวัดเพราะคำสอนของที่วัด ดีมากเลยครับ
#6
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 12:56 PM
คบบัณฑิต และ อยู่ในสภานที่เหมาะสมนะครับ ลองเอาไปใช้ได้นะครับ
เราเลือกได้ว่าจะอยู่ ขาว หรือ ดำ ทำดี หรือ ทำชั่ว
#7
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 02:25 PM
ถ้าเราไปเข้าใกล้คนพาลมาก ๆ แม้จะเข้าใกล้ด้วยการไปโต้ตอบ ก็จะทำให้เราอาจกลายเป็นคนพาลไปด้วยหรือปล่าว
#8
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 04:01 PM
MIHARU อึ้งเลยอ่ะ เป็น รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ (รศ.ดร.) ด้วย ไม่รู้ว่าเค้าพูดเล่นป่าวนะ
แต่อาจารย์ก็เป็นคนดีระดับนึงในทางโลกอ่ะ เป็นครูที่เมตตากับนักเรียนมาก แต่ไม่ยอมทำบุญอะไรเลย..เฮ้อ
นักเรียนตัวน้อยๆอย่างเราจะช่วยอะไรได้บ้างน้า
#9
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 08:03 PM
1. ถ้าเราเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิสูงกว่า มีตำแหน่งหน้าที่การงาน สถานะการสังคมที่สูงกว่า แล้วเราก็ชี้แนะเค้า
2. ถ้าเราเป็นเด็กกว่าก็ต้องใช้ความนอบน้อม เยือกเย็น และเจ้าปัญญาค่ะ
อันนี้ต้องอ่าน ฟังธรรมะหลวงพ่อทัตตะฯ เก็บคำสอนของท่านไว้เป็นข้อมูล
ทำทานรักษาศีล ทำภาวนา ให้องค์พระสว่างยิ่งๆขึ้น เพื่อเตรียมตัว+ดวงปัญญาสว่างให้พร้อม
ดูจังหวะเหตุการณ์ว่า อะไรที่เค้าเจอโดยคิดไม่ถึง ไม่มีข้ออ้างโดยทางโลกได้แน่ๆ
ก็ทำใจใสๆ พูดด้วยความน่ารักนุ่มนวลแบบนักเรียนที่ดี ด้วยดวงปัญญาสว่าง
แล้วไม่ต้องไปคิดว่าพูดแล้วเค้าต้องเชื่อเรา คิดว่าขอแค่ให้ไปติดในใจเค้าบ้างก็พอนะคะ
แล้วเราก็ไม่ได้แสดงความไม่เคารพหรือไม่ถูกต้องต่อผู้ใหญ่ด้วย
ค่อยดูใจว่าเค้ารู้สึกอะไรบ้างไหม ถามอะไรเราต่อไหม หรือว่าเก็บความลังเลสงสัยไว้ไหม
มีเรื่องราวอยู่ในอดีตที่ เณรตัวน้อยๆเจ้าปํญญา(พระอรหันต์) สามารถสอนพระเถระผู้ประพฤติธรรมมานาน
รวมทั้งเรียนรู้พระไตรปิฏกอย่างทุกซอกทุกมุม ให้บรรลุธรรมได้ เหมือนเขี่ยผงออกจากตา/เส้นผมบังภูเขา
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#10
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 08:07 PM
#11
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 08:13 PM
กฏแห่งกรรมไม่ใช่เรื่องของศาสนาน่ะครับ เป็นกฏธรรมชาติของโลก ใครทำผิดกฏนี้ก็บาปน่ะครับ ต้องได้รับผลบาปนั้น เหมือนผลไม้พิษ ก็ต้องมียาพิษ เป็นกฏธรรมดาของโลก การที่ใครจะไปพูดว่า "ฉันไม่เชื่อว่า ผลไม้นี้มีพิษ เมื่อฉันไม่เชื่อ ดังนั้น พิษต้องไม่มี" จากนั้น เขาก็กินผลไม้พิษเข้าไป เมื่อกินเข้าไปแล้ว เขาย่อมได้รับพิษนั้น ไม่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันมีพิษ หรือ ไม่เชื่อว่ามันมีพิษก็ตาม
#12
โพสต์เมื่อ 01 September 2006 - 12:12 AM
บางคนเราก็บอกเขาได้ แนะเขาได้
แต่บางคนเขาก็รับไม่ได้ บางคนไปแนะก็หาว่าสอน แล้วก็โกรธ ก็ต้องปล่อยๆไปก่อน
เพราะบางกรณี ที่เรามุ่งหวังดีต่อเพื่อนที่เป็นคนกินเหล้า พูดหยาบคายจนเป็นนิสัย ฯลฯ
เรามุ่งจะเป็นกัลยาณมิตรให้เขา อยากจะคอยพูด คอยแนะให้เขาประพฤติดีขึ้น
แต่เมื่อเขาอยู่รวมกันเยอะ อยู่เป็นกลุ่มใหญ่ เรียกได้ว่า มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์พาลยกแก๊งค์
เมื่อคอยพูดคุยกับเขาบ่อยๆ อาจกลายเป็นว่า ก็แทนที่เราจะไปช่วยเขาให้เป็นคนดีได้
กลับมาโดนเขาดึงไปร่วมวงเหล้าแทน
เพราะแรงเรานั้นแรงเดียว แต่ละคนมีจิตกล้าแข็งและกำลังใจแตกต่างกัน
ต้องประมาณตน ว่าขนาดไหนที่เราทำได้
ขนาดไหนจึงถึงจุดที่ต้องวางอุเบกขา ซึ่งเราต้องเซพตัวเองด้วย
เพราะการเข้าใกล้คนพาลก็หมิ่นเหม่ต่อการเป็น "การคบคนพาล"
ซึ่งก็เสี่ยงต่อการ"เสียคน"ไปได้นะ ต้องระวังด้วย
#13
โพสต์เมื่อ 01 September 2006 - 01:55 PM
บัณฑิตา จ เสวนา
#14
โพสต์เมื่อ 01 September 2006 - 05:13 PM
ที่นี่ก็เหมือนกัน เราทำทาน รักษาศีล ฟังธรรม นั่งสมาธิ
กลับแสลงคนบางคนที่นี่ โดนกลั่นแกล้ง ด้วยวิชารมารต่าง ๆ นา ๆ ก็ให้มันรู้
ไปครับว่าเราไม่ตอบโต้เขาและรักษาความดีตัวเองเอาไว้ ไม่คล้อยตามพวกนี้ง่าย ๆ
สักวันเมื่อบุญส่งผล เราก็ต้องได้รับความสุข และพวกคนพาลเมื่อบาปส่งผลย่อมเข้า
ถึงทุกข์ ระหว่างนี้ยอมรับว่าเป็นกัลยาณมิตรให้ไม่ไหว จึงเป็นกัลยาณมิตรให้ตัวเองก่อน
#15
โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 08:31 AM
นี่เป็นมงคลข้อแรกเลยนะคะ ถ้าเราทำข้อนี้ไม่ได้ ข้ออื่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ
โทษของการคบคนพาล
1. ย่อมถูกชักนำไปในทางที่ผิด
2. ย่อมเกิดความหายนะการงานล้มเหลว
3. ย่อมถูกมองในแง่ร้าย ไม่ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลทั่วไป
4. ย่อมอึดอัดใจ
5. ย่อมแตกความสามัคคีกับหมู่คณะ เพราะไร้ระเบียบวินัย
6. ภัยย่อมไหลมาหาตัว
7. เมื่อละโลกไปแล้ว มีอบายภูมิเป็นที่ไป
การกระทำทั่วไปของพาล
1. ชอบชัดนำในทางที่ผิด
2. ชอบสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ
3. ชอบสิ่งผิด
4. พูดดีๆก็โกรธ
5. ไม่รู้ระเบียบวินัย
ใบไม้ที่ห่อปลาเน่า ย่อมต้องพลอยเหม็นแปดเปื้อนไปด้วยฉันใด
ผู้ที่คบคนพาล ก็ย่อมต้องพลอยเสียชื่อเสียง ติดความเป็นพาล เดือดร้อนเสียหายไปด้วยฉันนั้น
ห่างสุนัขให้ห่างศอก
ห่างวอกให้ห่างวา
ห่างพาลาให้ห่างหมื่นโยชน์แสนโยชน์
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#16
โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 11:12 AM
สาธุ
#17
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 10:48 PM
"เพราะรักเพื่อน ขอให้เพื่อนเป็นคนดี เพื่ออนาคตที่ดีของเพื่อน
ขอให้เพื่อน........(ธรรมะต่างๆ)........"
(ต้องทำหน้าจริงจัง และจริงใจด้วย)
#18
โพสต์เมื่อ 07 October 2006 - 09:03 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี