ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

2545-10-01: เวรปาณาติบาต


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 June 2006 - 07:23 PM

ย่อเรื่อง เวรปาณาติบาต (1 ตุลาคม 2545) โดย Extra

เจ้าของเคสตายตอนเด็ก ทำให้พ่อกับแม่เสียใจมาก เขาได้ตายเกิดซ้ำ ๆ ติดต่อกันมาหลายชาติแล้ว ชาตินี้ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ได้ไปที่ไหนเลย ตายเพราะประสบอุบัติเหตุ พอเจ็ดวันก็กลับไปที่เดิม ไม่มีเจ้าหน้าที่มา เพราะกรรมในอดีตชดใช้ในมหานรกไปแล้ว เจ้าของเคสเป็นกายสัมภเวสีแสวงหาที่เกิด รูปร่างยังเป็นเด็กเหมือนตอนก่อนตาย เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงหัวหน้าเขตปกครองที่ติดกัน เขาเกิดความเอ็นดูแล้วเห็นว่าจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้อีก จึงแนะว่าให้ไปบ้านหลังนี้ที่พึ่งแต่งงานใหม่ จะได้เกิดที่นั่น กายละเอียดของเจ้าของเคสไปที่บ้านหลังนั้นไปเข้าในจังหวะที่พ่อกับแม่กำลังประกอบธาตุธรรม เข้าไปที่ในกายบิดาแล้วเข้าไปในกายมารดา

สาเหตุที่ตายตั้งแต่เยาว์วัยมาหลายชาติ เพราะเคยเกิดเป็นเศรษฐี ไม่ทำบุญทำทาน ถือตัวมาก ชอบเกรี้ยวกราด ตายไปแล้วจึงเกิดเป็นนายพรานมีชีวิตตกต่ำ มีวิธีฆ่าสัตว์หลายอย่างตั้งแต่ใช้ธนู แร้ว บ่วง ขุดหลุม ฝังขวากหนาม เป็นต้น ทำให้สัตว์หลาย ๆ ชนิดตายด้วยอาการต่าง ๆ แล้วเอาไปค้าขายและไปกิน ทำอยู่อย่างนั้นเป็นอาจิณกรรม ใกล้ละโลกเห็นสิ่งเหล่านี้จิตก็เศร้าหมองไปเกิดในมหานรก มีกายใหญ่ตัวเป็นมนุษย์ หัวเป็นสัตว์ที่ตัวฆ่า ถูกนายนิรยบาลตัวใหญ่กว่าลงทัณฑ์ด้วยศาตราวุธที่ตัวเองได้ฆ่าสัตว์นั้น เช่น ธนูใหญ่เหล็กร้อนไฟสีดำตัดตาย แล้วมีลมกรรมพัดมาฟื้น พอฟื้นก็จับโยนลงไปในหลุมซึ่งจะมีหอกดาบแหลมอยู่ โดนเสียบก็ตาย พอตายก็โยนขึ้นมาที่ขอบหลุม ลมพัดมาก็ฟื้น แล้วก็โยนไปอีกหลุมหนึ่ง เอาก้อนเหล็กร้อน ๆ ทุ่มลงไปเละตาย พอตายก็จับขึ้นมาใหม่ พอฟื้นก็เอาไปห้อยหัวกับราว เหมือนเวลาจับสัตว์มาได้เอามาห้อยหัว เอามีดตัดคอ พอตายก็เปลี่ยนไปเป็นหัวสัตว์อย่างอื่นแล้วก็โดนซ้ำ ๆ อย่างนี้ยาวนาน โดนซ้ำ ๆ ไม่มีช่องว่างในการถูกทัณฑ์ทรมานเลย พอกระแสกรรมจางลงประตูนรกก็เปิดไปสู่ขุมอุสสทนรกขุมบริวารที่เบาลง มีช่องว่างให้พักนิดหน่อย การทรมานก็คล้าย ๆ กัน หัวยังเป็นสัตว์ ตัวเป็นคน มีฝนลูกธนูหล่นลงมา ฝนก้อนเหล็กหล่นลงมา ถูกจับโยนลงไปในหลุมในบ่อ หรือบ่วงเป็นไฟคล้องก็ตาย แร้วก็เหมือนกันอีกยาวนานทีเดียว จึงเหลือเศษกรรมไปยมโลก พอไปยมโลกหัวเป็นคนแล้ว ทัณฑ์ทรมานก็คล้าย ๆ กัน มีช่วงพักบ้าง

พอหมดจากกรรมของยมโลกไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จำนวนครั้งที่มาเกิดเป็นสัตว์ จะเท่ากับจำนวนขนของสัตว์ที่ฆ่า สัตว์ตัวหนึ่งมีขนเท่าไหร่ก็นับไป ถ้า 1 ตัวก็เอาจำนวนขนคูณ 3ตัวก็เอาจำนวนขนคูณ ถ้าหลายชนิดก็คูณกันไป ถ้าเอากระดูกมากองก็ได้เท่าภูเขา ตอนเป็นสัตว์ชาติสุดท้ายที่หมดกระแสกรรมจะมาเกิดเป็นมนุษย์พอดีไปเจอพระธุดงค์ เห็นแล้วเกิดความเลื่อมใส ด้วยอานุภาพแห่งความเลื่อมใสในพระสงฆ์ กระแสกรรมจึงตัดรอน ตอนนี้ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ มีเศษกรรมทำให้ตายตั้งแต่เยาว์วัย ตายเกิดจนกว่าจะเจอพ่อแม่ผู้มีบุญ พาไปพบพระพุทธเจ้า หรือพาไปถึงแหล่งแห่งธรรมกายแล้วพามาปฏิบัติธรรมจนถึงพระธรรมกาย กระแสแห่งกรรมนี้ก็จะหยุด แล้วกรรมอื่นค่อยว่ากัน เพราะยังมีอีกมากมาย เพราะฉะนั้นสิ่งอะไรทำแล้วหมองอย่าไปทำอีก


การที่เรานึกว่าฆ่าไปเพื่อทำอาหาร มันไม่บาป เป็นการคิดเองเพราะความหยาบมาบดบังปัญญา อยากกิน อยากรวย เรื่องปาณาติบาตจะทำให้อายุสั้น การสร้างบารมีตอนเป็นเด็กก็ได้เพียงนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ยกเว้นเด็กที่มีบารมี พ่อแม่พามาวัดแต่เด็ก แล้วได้เข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเด็กที่มีบารมีอย่างนี้หายาก กรณีอย่างนี้ให้มองให้ไกล ๆ อย่าไปเบียดเบียนชีวิตใคร ทำชีวิตเขาให้ตกร่วงไป เพราะต้องชดใช้กันจนกว่าจะหมดกรรม ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถ้าเข้าถึงพระธรรมกาย เมื่อนั้นกระแสกรรมจึงหมดไป


#2 ตาล

ตาล
  • Members
  • 69 โพสต์
  • Location:ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตของบรมโพธิสัตว์

โพสต์เมื่อ 27 June 2006 - 08:14 PM

การที่เรานึกว่าฆ่าไปเพื่อทำอาหาร มันไม่บาป เป็นการคิดเองเพราะความหยาบมาบดบังปัญญา อยากกิน อยากรวย เรื่องปาณาติบาตจะทำให้อายุสั้น การสร้างบารมีตอนเป็นเด็กก็ได้เพียงนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ยกเว้นเด็กที่มีบารมี พ่อแม่พามาวัดแต่เด็ก แล้วได้เข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเด็กที่มีบารมีอย่างนี้หายาก กรณีอย่างนี้ให้มองให้ไกล ๆ อย่าไปเบียดเบียนชีวิตใคร ทำชีวิตเขาให้ตกร่วงไป เพราะต้องชดใช้กันจนกว่าจะหมดกรรม ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถ้าเข้าถึงพระธรรมกาย เมื่อนั้นกระแสกรรมจึงหมดไป

http://www.palungjit...ead.php?t=42621 <<< ฆ่าสัตว์มากๆตายไปก็คงต้องเกิดมาเป็นแบบนี้