สงสัยว่าดิฉันกำลังจะรัก
#1
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 01:08 PM
ดิฉันมักจะรู้สึกอเนจอนาถใจ ที่เห็นลูกผู้หญิงอย่างดิฉัน ต้องเปลี่ยนแปลงไปในเวลาที่มีความรัก เป็นต้นว่า ต้องพยายามทำตัวสวยขึ้น แต่งตัวมากขึ้น ลดความอ้วน ฯลฯ ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงเราต้องลงทุนมากขนาดนั้นในเวลาที่รักใครสักคน
ที่รู้ๆ เวลารักใครสักคน ใจจะเสียศูยน์มากๆ ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง..
พอได้มาวัด ก็เลยปฎิเสธเรื่องความรัก เพราะได้เรียนรู้ว่าชีวิตพรหมจรรย์คือชีวิตอุดมมงคล แลใกล้ต่อทางมรรคผล นิพพาน
ดิฉันคือนกอิสระ ที่มีเสรีสุดๆ บินไปไหนก็ได้ มีความสุขและสบายใจ และเวลาใครมีปัญหาเรื่องความรัก ดิฉันก็เอาทฤษฎีไปสอนเขาอย่างนี้แหละค่ะ ดิฉันคิดว่าความรักของดิฉัน คงจะหมดไปแล้ว ดิฉันรู้สึกผยองนิดๆ...
จนกระทั่งตอนที่เขาเดินเข้ามาหาฉันนั่นแหละ ฉันจึงรู้ว่า กิเลสของฉันมันไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ รอเวลาให้ดิฉันตายใจ อยู่ในก้นบึ้งแห่งใจของดิฉัน.....ดิฉันรู้สึกถึงกระแสที่สวนกันอย่างรุนแรงภายใน
ดิฉันเพิ่งจะเข้าใจว่า...ความรักไม่เข้าใครออกใคร....ดิฉันคิดถึงทุกคนที่ดิฉันยกเอาธรรมะ ที่รู้ไม่จริง แจ้งไม่จริงไปบอกพวกเขา
ดิฉันนั่นแหละเป็นคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย....เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้..ดิฉันเสียใจค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 01:14 PM
#3
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 01:25 PM
#4
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 01:29 PM
ความคิดเห็นจากผู้ผ่านประสบการณ์มาสด ๆ ร้อน ๆ นะคะ
1 ไม่ใช่ว่าทุกคู่จะต้องลงเอยด้วยความเจ็บปวดเหมือนดิฉัน บางคู่ก็ช่วยประครองกันสร้างบารมีได้ คงแล้วแต่บุญแต่กรรม ดังนั้นถ้าความรักของคุณลงเอยด้วยดี ก็โชคดีค่ะ และแน่นอนว่าจะมีหลาย ๆ คนที่ยินดีด้วยกับคุณ
2 บางครั้งการที่คนเราจะเข้าใจอะไรจริง ๆ มันก็ต้องลองดูกับตัวเองก่อน อย่างดิฉัน ไม่เคยเชื่อเลยว่ารักคือทุกข์ แต่พอเจอกับตัวเองถึงเข้าใจจนไม่คิดรักใครอีกแล้ว ดังนั้นถ้าความรักของคุณเกิดลงเอยด้วยความปวดร้าว ก็อย่าเสียใจไปเลย นอกจากจะจำจนตายแล้ว คุณก็จะกลายเป็น expert ที่สามารถไปอธิบาย สอน ชี้แนะคนอื่น ๆ ได้ ด้วยประสบการณ์ของตนเอง
ขอให้โชคดีค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 01:37 PM
เพราะเข้าใจและรู้ว่าห้ามยาก
เพราะรู้ว่า "ความรักเหมือนโคถึก..."
เพราะรู้ว่า.."ในสุข..มีทุกข์..ในทุกข์..มีสุข"
ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร
ก็ขอให้มองทุกอย่างเป็นบทเรียนชีวิต
ที่เราจะต้องเรียนรู้และผ่านมันไปให้ได้
..โชคดีค่ะ..
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#6
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:02 PM
ดิฉันเพิ่งจะเข้าใจว่า...ความรักไม่เข้าใครออกใคร....ดิฉันคิดถึงทุกคนที่ดิฉันยกเอาธรรมะ ที่รู้ไม่จริง แจ้งไม่จริงไปบอกพวกเขา
บางท่านก็รบได้อย่างสมศักดิ์ศรีซึ่งก็เป็นธรรมดาที่มี ชนะและแพ้ อยากชนะก็เรียนรู้วีธีชนะแบบผู้ชนะเค้านะครับ และเรียนรู้วิธีแพ้จากผู้แพ้ด้วยจะได้ปกกันได้ ขอให้สู้ให้สมศักดิ์ศรีอย่างเต็มที่ไปเลยย อย่าลืมกันนะครับ ตราบใดระฆังยังไม่ลั่นหมดยกเลย สำหรับสนามรบย่อยแห่งนี้ครับ เอาใจช่วยนะครับ
สุดท้ายนี้ลองเข้าไปศึกษากระทู้ที่ ท่านขุนศึกฯ ได้โพตท์มาให้ได้อ่านและศึกษากันนะครับ คลิ๊กที่นี้ และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม โปรดพยายามรักษาใจของเราให้ ใสๆ นิ้งๆ ไว้เสมอๆ นะครับ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#7
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:17 PM
แต่คุณรู้ว่าหนทางใดคือทางที่ดีที่สุด
สู้เขานะคะ เมื่อคุณผ่านบททดสอบนี้ไปได้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร คุณก็จะเติบโตขึ้นอีกก้าวหนึ่ง
#8
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:33 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#9
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:54 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#10
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:55 PM
ก็เลยยังไม่สามารถให้คำแนะนำใดๆได้
ถ้าผ่านไปได้ ก็แล้วไป (สำหรับเราคงยากอ่ะ)
แต่ถ้าผ่านไปไม่ได้ ก็พร้อมยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ด้วยใจใสๆนะคะ
พอดีว่าคนที่เดินเข้ามา เค้าเดินเข้ามาเพราะเห็น เรา ดู DMC ดูหลวงพ่ออยู่ เค้าก็เลยชอบเราอ่ะ
ยังไงก็เอาใจช่วย ให้ได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ
#11
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 03:07 PM
ตอนนี้ถ้ารู้สึกว่า "รัก" อย่าตกใจ อย่ากังวลใจนะคะ ตั้งสติก่อนค่ะ และถ้าไม่อยากจะรัก ให้นึกถึงความผิดพลาด ของคนอื่น คู่อื่น มาเตือนสติเรา มาเพื่อพิจารณา เรา และ คนของเรา
อย่ารีบร้อนตัดสินใจค่ะ (บางทีตอนนี้อาจจะกำลัง งงๆ มึนๆ ประเภท "นี่เรารักเค้าเข้าแล้วใช่มั๊ยเนี่ย") คุณน้อมเศียรเกล้า อาจจะแค่ ชื่นชม หรือ มีอะไรบางอย่างของเค้าที่เราไม่เคยเห็นในคนอื่นๆ เพราะเคยเป็นค่ะ แอบชอบพี่คนนึง มากๆๆๆๆๆ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรนะคะ จนวันนึงเค้ามาบอกว่า รักเราและอยากแต่งงานด้วย ความรู้สึกของเรามันตอบตัวเองได้เลยค่ะ ว่าที่เราต้องการไม่ใช่อย่างนี้ จริงๆแล้วเราอยากมีพี่ชายแบบนี้ต่างหาก (เป็นลูกคนเดียวค่ะ) ก็เลยถอยออกมาจากชีวิตเค้า
สำหรับคุณ น้อมเศียรเกล้า อาจกล่าวได้ว่าเพิ่งจะเป็นก้าวแรกค่ะ ขอให้คุณ น้อมเศียรเกล้า ค่อยๆคิดนะคะ ก่อนที่จะมีก้าวที่สอง
บางที ใครจะรู้ ก้าวที่สองของคุณ น้อมเศียรเกล้า อาจเป็นก้าวที่มุ่งตรงเข้าไปสู่ความรัก หรือ อาจจะเป็นก้าวที่เดินถอยออกมาจากความรักนั้นก็ได้ค่ะ
ที่สำคัญ ขอให้เป็น "รัก" ที่มีพื้นฐานอยู่บน เหตุผล ความเหมาะสม และ ตั้งมั่นอยู่ได้ด้วย "สติ" นะคะ ที่สำคัญ รักนั้น ต้องไม่ผิดศีลข้อ 3 ค่ะ
เอาใจช่วยค่ะ สิ่งที่ห้ามลืมอีกอย่างในการที่จะรักใครสักคนนะคะ "ต้องรักตัวเองด้วยค่ะ"
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#12
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:00 PM
และสิ่งที่ทำให้ความรู้สึกในเรื่องความรักฉันท์ชู้สาวต่อกัน เบาบาง จนประพฤติพรหมจรรย์ได้นั้น
คือ ธรรมะ ของพระพุทธองค์ค่ะ
ธรรมะข้อใดบ้างที่ทำให้ความรักสดชื่นยาวนาน หรือทำให้มีความสำรวมจนความรักสงบร่มเย็นลงได้
พรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
จากประสบการณ์ส่วนตนที่ตอนนี้อายุ 30 กลางๆนะคะ
ไม่ได้เป็นคนที่เกลียดความรัก มีแต่คิดในเรื่องที่โรแมนติกซ์ตลอด
แต่มีข้อดีค่ะ ตรงที่ว่าหาทางออกด้วยการเจริญพรหมวิหาร 4
ใส่สัมมาทิฐิกับเรื่องนี้ตลอดค่ะ จึงรอดมาได้ทุกวันนี้
จะรักใคร รักได้ค่ะ รักด้วยความเมตตาต่อเค้าอย่างแท้จริง
ถ้าเราคิดว่าเราไม่สามารถจะให้สิ่งที่ดีต่อเค้าได้ตลอด
ก็อย่าไปหลอกเค้าไว้ แค่พบกันแล้วก็ให้ความเป็นเพื่อนแท้ให้ดีที่สุด
จะรักใคร รักได้ค่ะ รักด้วยความกรุณาให้เค้าพ้นทุกข์
ถ้าเรายังทุกข์อยู่เลย แล้วเอาเค้ามาทุกข็กับเรา
ด้วยความใจน้อย ขี้น้อยใจ ขี้โมโห ขี้โวยวาย ขี้สารพัด
อย่าไปทำร้ายเค้าดีกว่า ปล่อยเค้าไปเถิด
จะรักใคร รักได้ค่ะ รักด้วยความมุทิตาต่อเค้าอยู่ตลอดเวลา
ทำได้ไหม ที่เราจะเป็นคนเช่นนั้นได้ตลอดเวลา
ถ้ารู้ตัวว่า ทำไม่ได้ ปล่อยเค้าไปเถิดค่ะ
จะรักใคร รักได้ค่ะ รักด้วยความอุเบกขาต่อเค้าเสมอ
แน่ใจหรือว่าเรายอมรับความไม่ดีของเค้าได้ทุกอย่าง
แน่ใจหรือว่าเราจะไม่หลงเค้า พอเค้าไม่ดีอย่างที่หลง
แล้วจะทำใจได้
คู่ไหนมีคุณสมบัติเหล่านี้ย่อมเป็นคู่บุญบารมีต่อกัน
และหาเห็นอริยสัจจ์ ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ก็ถือว่าประเสริฐค่ะ
แต่ถ้าวันนึงที่เราผ่านออกมาได้ขั้นนึง เราจะรู้ว่าความรักที่ดีงามแท้จริง
คือความรักประเภท Loving Kindness ซึ่งไม่จำกัดว่าเฉพาะกับคู่รักของเรา
ความรักประเภทนี้ ไม่ได้ต้องการอะไรจากภายนอก เพราะว่าใจได้ลดทิฐิมานะ
เข้าหาตนเอง ไม่เพียงแต่คู่รักของเราจะกลายเป็นแมวเชื่อง ปลาตายน้ำเย็น
แม้นแต่คนรอบข้างทุกคน พ่อแม่พี่น้อง ญาติ เพื่อน ฯลฯ ก็ดีนุ่มนวลกับเรา
เราจะสมหวังในความรักทุกสารทิศ ใจมีความสุขสูงกว่าความรักในมุมแคบแค่ 2 คน
ฉะนั้นการฝึก ทาน ศีล ภาวนา ลดละเลืกการเบียดเบียนต่อกัน ปล่อยวางกันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ
มีรัก ก็หมดรักได้ มีบุญได้เจอกัน ก็หมดบุญได้ แล้วก็พลัดพรากกันไป จะเอาอะไรแน่นอนไม่ได้
ที่สำคัญ เราเกิดมามีหน้าที่ต่อสรรพสัตว์ เราเกิดมามีหน้าที่นะคะ
ปรารวณาตนต่อหลวงปู่ดีกว่าว่าเราจะฝึกตนบูขาธรรมท่าน
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#13
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:15 PM
ยังไม่หมดกิเลส ก็อย่าประมาท
อย่าเอาเชื้อเพลิง ไปใกล้ไฟ มันจะติดไฟได้ง่าย มากๆ
โดยที่คาดไม่ถึง
#14
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:18 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#15
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:42 PM
และต่อยอดเป็นกรุณา แล้วอย่าหยุด ต้องเลยไปมุฆิตา
อุเบกขา จาคะและเจริญสติปัญญา ในที่สุดครับ
และความรัก ก็ไม่ควรปนเปื้อนด้วย
ความปราถณา ที่จะครอบครอง ครอบงำ สิ่งที่ตนรัก
ซึ่งมันจะต่อยอดไปที่ หลอกลวง และใช้อำนาจทุกอย่าง
เพื่อให้ใด้มาในสิ่งที่ตนปราถณา และทำลายเสีย
เพื่อไม่ให้ผู้อื่นใด้ มันมา
ความรักสุงสุด คือรักตน รักครอบครัว
รักสังคม รักสิ่งแวดล้อม รักมนุษย์ธรรม อริยะธรรม
รักแล้ว ก็ลงมือฝึกฝนเจริญสติปัญญา จาคะขยะชีวิต
มีวินัย ไม่ประมาท ฉลาดบริหารอย่างเอื้ออารี มีความสุข
เพราะความรักเช่นนี้ นำไปสู่สันติภาพ สันติธรรม บรมสุข
แก่ตนเอง และผู้ใกล้ชิด เป็นมิตรที่ดีต่อทุกสรรพสิ่งครับ
"เมตตากรุณาธรรม หิริโอตัปปะ มงคลธรรม คือหลักชัย"
เจริญในกุศลธรรม ทุกท่านครับ
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#16
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:46 PM
ร้ายกาจจริงๆ ไอ้ตัวกิเลสที่ได้ซึมซาบเอิบอาบอยู่ในใจมนุษย์
ความรักของหนุ่มสาวที่เป็นรักบริสุทธิ์นั้น ไม่มีหรอกครับ
แต่ก็เอาใจช่วยคุณน้อมเศียรเกล้า ขอให้มีความสุขสมหวังในอัตภาพที่ดำรงอยู่ ไม่ว่าจะต้องครองเรือนหรือไม่ก็ตาม
เราไม่รู้หรอกว่าผังชีวิตของเราเป็นอย่างไร ผู้ที่เปลี่ยนผังชีวิตได้ ต้องเป็นผู้เยี่ยมยุทธในระดับแนวหน้าจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตามคุณจะต้องไม่สับสนกับชีวิต คิดไตรตรองแล้วเลือกทางเดินของตัวเอง เพราะนั่นอาจจะเป็นผังชีวิตของคุณที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ครับ
แต่ถ้าคุณเปลี่ยนได้ คือเปลี่ยนจากต้องครองเรือนมาเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ คุณคือสุดยอดแห่งนักสร้างบารมี
#17
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 06:21 PM
จะค่อยๆระวังไปเรื่อยๆ ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
ดิฉันอบอุ่นมากเวลาอยู่ในบอร์ด เพราะเหมือนกับอยู่กับพี่น้องที่พูดจาภาษาเดียวกัน...
เวลากลุ้มใจก็ไม่เคยลืมที่นี่เลย จะนึกถึงเป็นที่แรกๆค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
#18
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 08:26 PM
ถ้า คุณน้อมเศียรเกล้า เอาชนะใจตนเองได้ในวันนี้ คุณรู้สึกเสียใจในวันนี้ เมื่อกาลเวลาผ่านไป คุณมองย้อนกลับมา คุณจะรู้สึกภูมิใจในตนเอง ที่ชนะใจตนเองได้
ถ้า คุณใจอ่อนในวันนี้ แล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้น เค้าคนนั้น
ทำให้คุณเสียใจ เมื่อคุณย้อนมองกลับมา คุณก็จะบอกกับตัวเองว่า
"เฮ้อ ไม่น่าเลยยย"
#19
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 08:41 PM
เขารักเรา ไม่แน่ เพราะตัวเขาใจเขา
หากจะรักใครก็ให้รักหมดหัวใจ แต่...
1) หากหญิงมอบรักด้วยกาย ความรักก็จะถอยห่างจากเราไปเร็วกว่าวัยอันควร
2) หากรักอยู่บนพื้นฐานของความเปิดเผย ความเข้าใจ ความไว้ใจ ความยินยอม ความรักถึงจะอยู่ได้ยาวนาน
3) หากรักใครก็รักเพียงคนเดียวเท่านั้น ความรักถึงได้ชื่อว่ารักมากรักเดียว มั่นคง
4) หากรักใครเราต้องพิสูจน์ เองว่าเมื่อเขาเข้ามา แม้เทพบุตรจุติจากสวรรค์ ก็ไม่แบ่งใจให้
5) หากจะรักก็ต้องรู้จักว่าความรักคืออะไร หากไม่เข้าใจ ตกเป็นทาสแล้วใครก็ช่วยไม่ได้
6) หากเกิดมาสร้างบารมีและหวังจะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม ก็จงใช้ประโยชน์จากความรักให้เป็น
ขอให้ถนอมกายถนอมใจไว้ให้มากนะครับ
#20
โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 11:13 PM
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง
สุนทรพ่อ
มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ
#21
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 12:17 AM
บางอย่างที่เราคิดว่าเราไม่ต้องการ แต่เรากลับต้องการ
มันก็อย่างนี้แหละครับ
แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรนิครับก็ชวนเขามาเข้าวัดซะก็จบ
ปล.จากเท่าที่ผมได้เรียนรู้มาผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องการ'ที่พึ่ง' มันเป็นอะไรที่อยู่ใต้จิตสำนึกของผู้หญิงแต่ละคน เพราะฉะนั้นผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกครับ
พยายามคิดในแง่บวกสิครับว่า คนๆนี้คือคู่บุญคู่บารมีของเราน่าจะดีกว่านะครับ
ปัญหาสามารถคลี่คลายได้ด้วยการไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาครับ
#22
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 02:50 AM
ความสุขที่แท้จริง ความรักที่แท้จริง
การเจริญเติบโตทางจิตใจที่แท้จริง....
ฉันอยากจะเป็น ดอกไม้แห่งจักรวาล
ที่โปรยสายธาร แห่งคุณงามความดี
ดั่งดาวโปรยแสง ในยามราตรี
เพื่อสร้างโลกใบนี้ ให้งามอำไพ
* ฉันอยากจะเป็น ดอกไม้แห่งจักรวาล
ที่แย้มชื่นบาน ไม่ว่าที่หนใด
จะเป็นดอกไม้ ที่ไม่เหมือนใคร
ยิ่งกาลผ่านไป ยิ่งงามตา
** อยากให้โลกนี้ ฮื้ม ฮืม ฮืม
เป็นดั่งสวรรค์ ทุกชาติร่วมสร้างมา
ด้วยความรัก ด้วยรอยยิ้ม ความเมตตา
ด้วยปรารถนา ให้โลกใบนี้ เป็นหนึ่งเดียวกัน
ซ้ำ * , **
อยากให้โลกนี้ ฮื้ม ฮืม ฮืม
เป็นดั่งสวรรค์ ทุกเผ่าพันธ์สร้างขึ้นมา
ด้วยความรัก ด้วยรอยยิ้ม ความเมตตา
ด้วยปรารถนาให้โลกใบนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน
My Self Actualization
ความจริงของเราก็คือ เมื่อเราเข้าไปลึกๆในตัวเรา
เราจะพบว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงค่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่หยาบกระด้าง
เป็นอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงกลาง
ที่งดงาม ทั้งเข้มแข็ง และอ่อนโยน
มีความบริบูรณ์ในตนเอง (ทั้งหยินและหยาง)
เรื่องความรักฉันท์ชายหญิง เป็นฉากกำบัง
ไม่ให้เราพบเจอความจริงภายในตนเองค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#23
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 05:20 AM
เข้าใจความรู้สึกค่ะ
ตอนนี้ก็กำลังโดนทดสอบเหมือนกัน
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#24
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 06:29 AM
คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า 'คู่แท้' จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ 'ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป
๑) มีศรัทธาไปในแนวทางเดียวกัน เช่นถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆกัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็ว อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลยครับ ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกัน ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน
๒) มีศีลอันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน คือมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้ แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว และนั่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่น ย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้วย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่นในกันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ
๓) มีจาคะอันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่นอีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้น จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่ เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน
๔) มีปัญญาเสมอกัน กล่าวทางโลกคือคุยกันรู้เรื่อง กล่าวทางธรรมคือมีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยเป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกันย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนา และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน
หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ (อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้) ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้ ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาด เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจกระจ่าง และขอเพียงเกื้อกูลกันนิดๆหน่อยๆ เช่นฝ่ายหนึ่งมาถามทาง อีกฝ่ายบอกทางให้ เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นอย่างรุนแรง ชนิดที่ฝ่ายชาย (ซึ่งมีธรรมชาติเป็นรุก) อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่างยินดีเต็มใจทันที แล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคู่บุญประเภทนี้
แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อมนึกอิจฉา โดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดจึงมีคู่ที่น่าอิจฉาได้ปานนั้น รู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง ความจริงคือคู่บุญได้รับความยุติธรรมจากธรรมชาติกรรมวิบากต่างหาก แต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลับ เพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้
๑) ราคะ คือทำเรื่องบาดใจกันทางเพศ ไปมองคนอื่น ไปคุยกับคนอื่น และกระทั่งไปมีคนอื่น กระแสกรรมอันสำเร็จด้วยการนอกใจ จะเป็นของแหลมคมที่กรีดใจผู้ทำให้เป็นทุกข์ก่อน ในรูปของความรู้สึกผิด และเมื่อประจวบกับความจริงที่ว่าความลับไม่มีในโลก วันหนึ่งเมื่อเรื่องแดง คู่ของตนทราบเรื่อง ก็ต้องเป็นทุกข์ตาม ในรูปของความผิดหวังเสียใจ ความร้าวฉานอันเกิดจากเรื่องทางเพศนั้น แม้คู่ครองไม่ผูกใจเจ็บ อย่างน้อยก็กลายเป็นเงามืดติดตามไปบนเส้นทางความสัมพันธ์ เมื่อเกิดชาติใหม่ความสัมพันธ์ทางเพศจะเป็นแรงดึงดูด แต่แรงดึงดูดนั้นแฝงความน่าคลางแคลงชอบกล อย่างน้อยก็มีเหตุน่าสับสน ทำให้คิดๆว่าจะเอาใครดี คนนี้ดีแน่ไหม หรือกระทั่งเกิดความรู้สึกสกปรกเมื่อถูกเนื้อต้องตัวในช่วงแรกๆ ขัดแย้งกันแปลกๆกับความวาบหวามเมื่อใกล้กัน
รสนิยมทางเพศที่ไม่เสมอกันก็อาจเป็นชนวนได้ แต่มาในรูปของความหน่าย ไม่อยากไปด้วยกัน ไม่ใช่ความบาดใจเหมือนอย่างการนอกใจกัน แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งข่มเหงและเป็นโรคจิตวิปริตทางเพศ กระทำย่ำยีให้อีกฝ่ายเจ็บกายเจ็บใจเป็นประจำ ก็มีส่วนก่อกระแสภัยเวรขึ้นในสายสัมพันธ์ได้เช่นกัน
๒) โทสะ ส่วนใหญ่มักมีมูลจากช่องว่างระหว่างคน เมื่อทรรศนะต่างกัน เมื่อความอยากต่างกัน เมื่อรสนิยมต่างกัน เมื่อสำเนียงและภาษาต่างกัน อะไรๆในทางร้ายก็เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะในรูปของการทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อทะเลาะเบาะแว้งย่อมผูกใจเจ็บ คิดอาฆาตพยาบาท อยากแก้แค้น อยากเอาคืน ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง พูดไม่ได้ก็เย้ยหยันเหยียดหยามผ่านแววตาให้สะใจเสียหน่อยก็ยังดี กรรมร่วมกันที่ทำด้วยโทสะจะเป็นแรงผลักไส หรือดลใจให้นึกเกลียดกัน แต่โทสะนั้นเองก็เป็นพลังร้อยรัดให้ต้องอดรนทนไม่ได้ อยากวนเวียนมาทิ่มตำกันเสียหน่อย ได้ประชดประชัน ได้เอาชนะสำเร็จแล้วสะใจและเป็นสุขพิลึก ท้ายที่สุดพอร่วมหอลงโรงจริง ความสนุกจากการงอน การง้อ ก็แปรไปเป็นโศกนาฏกรรมได้ โดยเฉพาะเมื่ออิทธิพลทางเพศกลายเป็นเครื่องมือกดความรู้สึกให้ดูถูกกันและกัน เห็นอีกฝ่ายแต่ในทางต่ำ เรื่องเพียงเล็กน้อยก็เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว อาจบันดาลให้อยากส่งคู่ครองไปสู่ปรโลกได้ และถ้าฆ่ากันตายในชาติหนึ่ง ชาติถัดมาก็เกิดแรงยึดเหนี่ยวมาหากันอีกผ่านความดึงดูดทางเพศ แล้วต้องทำร้ายถึงเลือดถึงเนื้ออีก จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอโหสิให้อย่างไม่มีเงื่อนไข
ทุกวันนี้ที่เห็นดาษดื่นคือ การน้อยใจกันแล้วฆ่าตัวตาย นี่ก็เป็นกรรมร่วมที่อยู่ในหมวดของโทสะ เจอกันใหม่ในชาติถัดไปก็จะมี อารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว หรือเป็นเหตุบันดาลใจให้มักง่ายกับชีวิตอีก
๓) โมหะ หมายถึง ทำกรรมแบบโง่ๆร่วมกัน โดยอาจสำคัญว่าได้ใช้ความฉลาดเฉียบแหลม ไม่มีใครจับได้ไล่ทัน เช่นเคยร่วมกันโกงสงฆ์ โกงเงินบริจาควัด โกงประชาชน โกงหมู่คณะ โกงเพื่อนฝูง หรือโกงคนแปลกหน้าเป็นรายตัว กรรมที่ทำร่วมกันแบบโง่ๆนั้นกว้างขวางพิสดารไม่รู้จบ เอาเป็นว่าถ้าทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้กันและกันด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย หรือทำความเสียประโยชน์สุขแก่มวลชนเป็นอันมาก อันนั้นแหละกรรมร่วมกันที่ยืนพื้นอยู่บนโมหะ ไม่ต้องรอชาติหน้า เอาแค่ชาตินี้เมื่อถึงจังหวะที่กรรมเผล็ดผล ก็จะอยู่ร่วมกันอย่างไม่เป็นสุขสักนาที มีแต่เรื่องราวรุมเร้า หรือไม่มีเรื่องก็ก่อเรื่องให้กันเอง ความพินาศอันเกิดจากโมหะนั้น กล่าวได้ว่าน่ากลัวเหนือสิ่งอื่นใด เพราะราคะและโทสะนั้นยังเปิดโอกาสให้ตั้งสติคิดพิจารณาทบทวนและให้อภัยกัน แต่โมหะจะปิดกั้นสติปัญญาแทบทุกประตู มองทิศไหนเหมือนเจอแต่ทางตันทึบทึม นั่นเป็นลักษณะสะท้อนของการทำกรรมด้วยความหลงเขลามืดบอด
แต่แม้เจอเรื่องร้ายรุมเร้า ก็ยังอุตส่าห์ปักใจเชื่อว่าต้องอยู่ร่วมกันถึงจะดี ทิ้งขว้างกันไม่ได้ ต้องทนทู่ซี้ทั้งอย่างนั้น นี่ก็เป็นภาคต่อยอดของโมหะด้วย
ถ้าชวนใครทำบุญได้สำเร็จ ทั้งทำต่อกัน ทั้งทำต่อคนอื่น ด้วยกาย วาจา และใจอันเป็นสุจริต คนนั้นมีแนวโน้มจะเป็นคู่บุญ และอยู่กับคุณได้อย่างแท้จริงในชาติปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นตรงข้าม เจอกันมีแต่ชวนกันตกต่ำ ทำอะไรเหมือนเป็นบาปกับตัวเองและคนอื่นไปหมด อย่างนั้นก็ส่อเค้าว่าไปด้วยกันไม่รอดหรอกครับ ถึงแม้มีความดึงดูดทางเพศขนาดไหนก็ตาม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนอยู่ด้วยกันก็พอบอกเป็นเค้าๆได้ระดับหนึ่ง ถ้ามีแต่เรื่องดีๆเข้ามาก็น่าจะเคยทำบุญร่วมกันไว้ก่อน แต่ถ้ามีแต่เรื่องร้ายๆ ก็ให้สันนิษฐานว่าไปทำอะไรไม่ดีร่วมกันไว้ เพราะมีอยู่ครับ วิบากชนิดที่จ้องรอจังหวะตอนคู่บาปมาเจอกัน เจอเมื่อไหร่เกิดเรื่องแย่เมื่อนั้น อันนี้สะท้อนให้เห็นบาปแต่ปางก่อนค่อนข้างชัด (ยิ่งถ้าต่างฝ่ายต่างมีชีวิตเรียบง่ายดีๆ พอมาอยู่ด้วยกันค่อยเกิดเรื่องขรุขระร้ายแรงบ่อยๆ อันนั้นแหละฟันธงเลยครับ ใช่คู่บาปแน่)
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#25
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 11:37 AM
เป้าหมายชีวิตตั้งไว้ให้มั่น
ฝ่าฟันหนทางอย่าเพิ่งยอมแพ้ไป
เราเกิดมาแล้วเกิดมาเพื่อสิ่งใด
จุดหมายรอคอยเพียงอย่าไหวเอน
#26
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 07:52 PM
เปรียบดังพายุ ซัดกระหน่ำ ไม่เคยปราณีต่อผู้ใดเลย
"ความรัก คือความรัก
ไม่อาจจำกัด ให้รัก คืออะไร
ต่างคน ต่างใจ ต่างความหมาย
ต่างวาดรักไว้ ในมุมมอง ที่ต่างกัน"
ไฟล์แนบ
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#27
โพสต์เมื่อ 02 October 2006 - 09:12 AM
บางครั้งก็ยังสับสน ว่าตกลงเราทำอะไรอยู่
แล้วเค้าเป็นใครที่เข้ามา??
เป็นเพราะความใกล้ชิด..เข้าใจ...ห่วงใย...มิตรภาพ..ความผูกพันธ์
สิ่งที่เรียกว่าความรักกำลังจะวิ่งเข้ามา
กำแพงใจที่สร้างไว้อย่างหนาแน่นในเมื่อก่อน
ถ้าใจไม่เข้มแข็งมันคงพังทลายลงมาง่ายๆ
อันตรายมาก!!
ชาวพุทธทั้งหลายพึงรักษาพระพุทธศาสนาด้วยความเพียรของตน โดยไม่คิดหวังพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลแม้ฉันนั้น
#28
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 11:57 AM
น้ำต้มผักว่าขมยังชมหวาน
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แม้น้ำตาลยังว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้ครับ^^
---------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#29
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 02:03 PM
เสียศูนย์ = เสียสูญ
เสียศูนย์ = เสียไป 0 ได้มา 1 2 3 4 5
เสียศูนย์ = เสีย 0 จะ 0 อะไรก็ไห้มันเสียนะครับ อย่าเสีย 072 ละกัน