สงสัยว่า พระเทวทัต ทำให้สงฆ์แตกแยก เพราะอะไรครับ
#1
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 04:52 PM
#2
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 05:41 PM
1. ห้ามฉันเนื้อสัตว์
ข้อนี้ พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
สามารถฉันได้ ถ้าไม่รู้ ไม่เห็น ไม่สั่ง
2. ให้อยู่แต่ในป่า
รู้แค่นี้นะครับ พอดีดูการ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้ามา
#3
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 08:18 PM
#4
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 08:28 PM
1.ภิกษุทั้งหลายควรอยู่ป่าเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดอาศัยเรือนหรือบ้าน รูปนั้นพึงต้องโทษ
2.ภิกษุทั้งหลายควรเที่ยวบิณฑบาตรเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดรับกิจนิมนต์ รูปนั้นพึงต้องโทษ
3.ภิกษุทั้งหลายควรใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร รูปใดใช้จีวรที่มีผู้ถวาย รูปนั้นพึงต้องโทษ
4.ภิกษุทั้งหลายควรอยู่โคนไม้เป็นวัตร รูปใดเข้าอาศัยในที่มุงบัง รูปนั้นพึงต้องโทษ
5.ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันท์ปลาและเนื้อตลอดชีวิต รูปใดฉันท์ รูปนั้นพึงต้องโทษ
ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสห้ามไม่ทรงอนุญาตวัตถุ 5 ประการนี้ พระเทวทัตและพวกจึงร่าเริงถวายบังคมลากลับไป แล้วโฆษณาแก่พุทธบริษัท รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้ใคร่ต่อการศึกษาพระสัทธรรม ไม่ได้เลื่อมใสในพระพุทธองค์ก็พากันกล่าวว่า สมณะพวกนี้มีความประพฤติขัดเกลา ส่วนสมณโคดมประพฤติมักมาก
#5
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 08:38 PM
ในเวลาเช้าพระอานนท์เข้าไปบิณฑบาตรในกรุงราชคฤห์ พระเทวทัตเห็นก็เข้าไปบอกวว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจักทำอุโบสถ จักทำสังฆกรรมแยกออกจากพระพุทธเจ้า
พอถึงวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำ ภิกษุทั้งหลายมาประชุมกันเพื่อทำอุโบสถ พระเทวทัตก็ประกาศให้ภิกษุทั้งหลายจับสลาก เพื่อแสดงความเห็นด้วยกับตน โดยรายงานว่าตนและพวกได้เข้าเฝ้าทูลขอวัตถุ 5 ประการ แต่พระองค์ปฏิเสธ แต่พวกเราก็ประพฤติ ปฏิบัตกันแล้ว ดังนั้นผู้ใดเห็นด้วยกับเราก็จงจับสลากนี้ ปรากฏว่ามีพระบวชใหม่ชาวเมืองเวสาลีประมาณ 500 รูป ผู้รู้ธรรมรู้วินัยน้อย คิดว่า นี้เป็นธรรมวินัย จึงจับสลากนั้น พระเทวทัตทำสงฆ์ให้แตกกันแล้วนำภิกษุเหล่านั้นไปที่คยาสีประเทศ
#6
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 08:47 PM
พระเทวทัตกำลังแสดงธรรมแก่ภิกษุใหม่เหล่านั้นเห็นพระเถระทั้งสองแล้วดีใจ กล่าวว่า " ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว แม้แต่ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ยังมาหาเรา ชอบใจธรรมของเรา"
แม้พระโกกาลิกะจะเตือนพระเทวทัตว่าให้ระวังอย่าได้ไว้ใจ พระเทวทัตก็ไม่ได้สนใจ เมื่อแสดงธรรมพอสมควรแล้ว ก็เชื้อเชิญให้พระสารีบุตรแสดงธรรมด้วยคำกล่าวว่า "ท่านสารีบุตร บัดนี้ภิกษุสงฆ์ปราศจากถีนมิทธะแล้ว เราเมื่อยล้า จักเอน ท่านจงแสดงธรรม " แล้วพระเทวทัตก็ปูผ้าสังฆาฏิ 4 ชั้น จำวัดเลียนแบบพระพุทธองค์ แล้วหลับโดยขาดสติสัมปชัญญะ
พระเถระทั้งสองคือพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรช่วยกันแสดงธรรมแล้วนำพระภิกษุทั้งหลายกลับไปยัง เวฬุวัน
#7
โพสต์เมื่อ 18 March 2009 - 10:17 PM
เป็นอย่างที่คุณ KASAPORN อธิบายให้ฟัง
#8
โพสต์เมื่อ 19 March 2009 - 02:07 AM
#9
โพสต์เมื่อ 19 March 2009 - 07:53 AM
อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมเพื่อรวมสงฆ์ ย่อมให้ผลตรงกันข้าม การทำให้สงฆ์สามัคคีพร้อมเพรียงกัน จะทำให้เราเข้าถึงความสุขอย่างยิ่งครับ เพราะฉะนั้น 22 เมษา นี้ มาจอยกันครับ
#10
โพสต์เมื่อ 19 March 2009 - 12:40 PM
พระเทวทัต เริ่มจากการผูกพยาบาทจองเวรพระพุทธเจ้าในชาติแรกที่เป็นพ่อค้า ทำให้ต้องมารับผลเสียอย่างใหญ่หลวงในชาติปัจจุบัน เพราะทำกรรมหนักยิ่ง แม้พระเทวทัตจะได้เคยสร้างคุณความดีมามากมาย(ในชาติที่ไม่ได้เจอพระพุทธเจ้า) จนมีบารมีถึง 2 อสงไขย พร้อมที่จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตได้แล้ว ก็ยังพลาดท่าเสียทีพญามาร สาขากิเลสมาร ได้เลย
การที่พระเทวทัตมีนิสัยผูกพยาบาทขนาดนั้น ผมว่าไม่ได้เริ่มจากชาติที่เป็นพ่อค้าเป็นชาติแรก ชาติก่อนๆ หน้านั้น ก็คงสร้างนิสัยผูกพยาบาทมาทีละน้อยข้ามภพข้ามชาติ จนกลายเป็นผูกพยาบาทอย่างหนัก
ดังนั้น ก็สมดังที่บัณฑิตทั้งหลายท่านกล่าวว่า ความชั่วแม้เพียงนิดอย่าคิดทำ เพราะเมื่อทำแล้วก็จะเจริญขึ้นเป็นนิสัย เมื่อเป็นนิสัยแล้ว ในที่สุดก็จะไปทำความชัี่วใหญ่ แล้วได้รับผลอันเลวร้ายยิ่งในที่สุด
#11
โพสต์เมื่อ 19 March 2009 - 02:01 PM
#12
โพสต์เมื่อ 19 March 2009 - 04:06 PM
ครับ
#14
โพสต์เมื่อ 20 March 2009 - 02:37 AM
#15
โพสต์เมื่อ 20 March 2009 - 10:12 AM
และสงฆ์2กลุ่มนี้ก็ไม่สามารเข้าทำสังฆกรรมหรือลงอุโบสภด้วยกันได้ในปัจจุบัน
...แบบนี้เรียกว่าทำให้สงฆ์แยกกันหรือไม่...
#16
โพสต์เมื่อ 20 March 2009 - 11:58 AM
#17
โพสต์เมื่อ 20 March 2009 - 04:50 PM
#18
โพสต์เมื่อ 20 March 2009 - 05:54 PM
อนุโมทนาบุญกับทุกคำตอบนะคะ
#19
โพสต์เมื่อ 20 March 2009 - 06:38 PM
#20
โพสต์เมื่อ 21 March 2009 - 03:14 AM
#21
โพสต์เมื่อ 21 March 2009 - 02:44 PM
#22
โพสต์เมื่อ 21 March 2009 - 10:43 PM
หลังจากพระเถระทั้ง 2 (พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร) ได้นำพระภิกษุกลับไป
พระโกกาลิกะ ได้ปลุกพระเทวทัตให้ตื่นด้วยความหงุดหงิด แล้วเตะเข้าที่อกจนโลหิตพุ่งออกจากปาก ด้วยความเสียใจและบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้พระเทวทัตล้มป่วยนานถึง 9 เดือน และในระหว่างที่ป่วยก็ได้พิจารณาและค้นพบความจริงว่าทุกอย่างที่กระทำลงไปล้วนแต่ทำลายตนเองและวงศ์ตระกูล จึงเกิดความสำนึกผิดคิดอยากไปขอขมาโทษต่อพระพุทธองค์
บรรดาศิษย์ที่ยังจงรักภักดีจึงช่วยกันหามพระเทวทัตมุ่งไปยังพระเชตวันมหาวิหาร ณ เมือง สาวัตถี
หลังจากใช้เวลาเดินทางอยู่หลายวัน เมื่อขบวนหามมาถึงสระน้ำหน้าวัดพระเชตวัน ก็ได้แวะพักเพื่อชำระล้างร่างกาย
พระพุทธองค์ทรงทราบในข่ายพระญาณถึงการมาในครั้งนั้น ตรัสว่า " อย่างไร พระเทวทัตก็จักไม่ได้เห็นเรา "
เมื่อขบวนได้หยุดพักที่สระน้ำหน้าวัด พระเทวทัตขยับจะลงจากคานหาม พอเท้าเหยียบลงพื้นดิน ก็ถูกธรณีสูบจนเหลือแค่คอ ท่านใช้วาระสุดท้าย กล่าวคำสรรเสริญพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และขอถึงพระพุทธองค์เป็นสรณะ โดยขอบูชาด้วยกระดูกคางและลมหายใจ
ในอรรถกถาเล่าว่า พระเทวทัตเกิดในอเวจีนรกกว้าง 300 โยชน์ มีกายสูงประมาณ 100 โยชน์ ถูกตรึงด้วยแผ่นเหล็ก มีไฟเผา และหลาวแหลมพุ่งมาจากทิศต่างๆ ทิ่มแทงกายอยู่ตลอดหลายกัป และในอนาคตเมื่อพ้นจากนรก ก็จักเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมจะทำให้แจ้งซึ่งปัจเจกโพธิญาณ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า อิฏฐิสสะ
#23
โพสต์เมื่อ 02 April 2009 - 07:39 PM
"ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ...
ทุกข์ที่เกิดซ้ำเพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข"
#24
โพสต์เมื่อ 08 April 2009 - 01:22 PM
...เข้ามาดู
#25
โพสต์เมื่อ 09 April 2009 - 09:55 AM
- พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว