ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ปัจฉิมโอวาทจากพระอุปฌาย์ พระธรรมกิติวงศ์ 7 กันยายน2552


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 มือใหม่หัดถ่าย อิอิ

มือใหม่หัดถ่าย อิอิ
  • Members
  • 68 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 September 2009 - 11:02 AM

ปัจฉิมโอวาท ของพระอุปัชฌาชย์ พระธรรมกิติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ณ สภาธรรมกายสากล เมื่อ 7 กันยายน 2552 ให้ไว้แด่ พระธรรมทายาท รุ่นกองพลสถาปนา7000 รูป 7000 ตำบล มีใจความดังนี้


ในช่วงระยะเวลาอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมา ท่านได้ผ่านการสัมผัสการเป็นลูกพระพุทธเจ้า พระวินัย ได้สัมผัส ได้ซาบซึ้ง อิ่มเอิบใจ อาจเกิดความรู้สึกว่า ไม่สบายใจ ไม่สะดวก มันเป็นเรื่องปกติ เพราะมีการเปลี่ยนแปลง การหลับนอน กิจวัตร การนุ่งห่ม อาจต้องฝืน ทำให้เกิดความรุ้สึกอย่างนั้น ขอให้ท่านรู้ว่า เป็นเรื่องที่ดีแน่ เพราะว่าจะอยุ่ในใจท่านตลอดไปแน่นอน
เพราะสิ่งใด เป็นสิ่งที่จำเจตลอดเวลา ก็คงไม่อยากเอาไปเล่าให้ใครฟัง แต่ถ้าเรื่องที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ก็จะเล่าไม่เบื่อ หรือ เรื่องความลำบากมาตั้งแต่เด็ก พอตั้งตัวได้ ก็จะเล่าไม่เบื่อเลย ว่าความสุข ที่พอมีกินบ้าง ของชิ้นนั้น เป็นอย่างไร กว่าจะได้มาแต่ตอนนั้น ลำบากก็จะประทับใจ
ชีวิตนักบวช ต้องฝืนมากมาย ท่านต้องฝืนและอยุ่กับมันได้ๆก็จะอยุ่ในความทรงจำได้ ในขณะที่เราลำบากตอนนี้ ก็มีความสุขอยู่ด้วย เหมือนตอนที่เราได้นาฬิกาสวยๆๆมาใช้ ก็จะอยุ่ในความทรงจำ คนเราหาความสุขไม่ยากๆ อยู่ที่ใจ แค่นึกถึง อดีต ที่เราผ่านมา นึกถึงวันที่เราเป็นพระ วันที่ร่วมปฏิบัติธรรมร่วมกัน เราไปพูดให้ใครฟังก็มีสุข เล่า 100 ครั้ง ก็สุข 100 ครั้ง ก็ขอให้บันทึกไว้ จำไว้เถอะ เล่าให้ใครฟังก็มีสุข
ตรงข้าม เรื่องที่ไม่ดี เราก็ควรลืมซะ นึกทีไรก็เศร้า เล่าไม่ได้ อึดอัด ลืมมันไปเสีย ลืมเรื่องที่ทำให้ไม่สุข ทิ้งไปซะ นี่เป็นวิธีการง่ายๆแต่ถ้าเราทำไม่ได้ทันที ก็ค่อยๆปล่อยไป เก็บไว้ทำมัย
การที่ท่านมาบวชมาเจอความลำบาก ทุกข์ และเราไปเล่าให้คนอื่นฟัง สำคัญทำให้เราได้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนาของเรา มีหน้าที่อย่างน้อยก็เรียนรุ้พระพุทธศาสนาๆรู้กันน้อยมากรู้แค่ผิวเผิน
เราในฐานะชาวพุทธ มี3 ระดับคือ
1. รู้จัก เป็นขั้นตอนง่ายๆและส่วนใหญ่รู้จักกันอยู่แล้วเช่น วัด พระสงฆ์ พระพุทธรูป สิ่งเหล่านี้ เราเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้ คือพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ทำบุญ และบางทีก็รู้ละเอียด มีการเรียน นักธรรมตรี โท เอก เป็นการรู้จักผิวเผิน แต่ข้อเท็จจริง คิดว่าเรารู้จักแล้ว พอเจาะลึกลงไป ก็ไม่รู้เลยวว่า พระกะเณร มีอะไรแตกต่าง หรือโบสถ์กับวิหาร ต่างกันอย่างไร ในฐานะชาวพุทธ จะเรียนรู้ให้รู้จักโดยสัมผัส วัด พระ สัญลักษณ์ พระพุทธศาสนาจะทำให้เราได้รู้ มิใช่สักแต่ได้รู้

2. เข้าใจ เป็นขั้นตอนที่สูงขึ้น ไม่ใช่แค่ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ เป็นการเข้าใจในความหมายรายละเอียด โบสถ์ พระพุทธรูป มีไว้ทำไม แต่ว่าสาระสำคัญของพระพุทธรูป คือ อะไร พระพุทธเจ้า สอนอะไร บ้าง อย่างนี้เรียกว่า เข้าใจการรู้จักสาระสำคัญของพระรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่สาระอยุ่ที่ไหน
พระพุทธ มี 3 ระดับ คือ องค์แท้ องค์แทน และองค์ธรรม
พระพุทธระดับองค์แท้ คือ พระพทธเจ้าองค์จริงคือ พระนามเดิมว่าพระสิทธธัตถะ ที่ทรงออกผนวชและตรัสรุ้ สอน 45 พรรษา และปัจจุบัน พระองค์ทรงปรินิพพาน ไปแล้ว อยากรู้จักมากขึ้น ก็ไปหาหนังสือมาอ่าน หรือ ดู DMC ว่าก่อนบวช มีอะไรเกิดขึ้น และขณะบวชเกิดอะไรขึ้นบ้าง
พระพุทธระดับองค์แทน คือ ได้แก่ พระพุทธรูป ที่เรานับถือว่าเป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่ใช่องค์จริง องค์แทนนี้ถือเป็นอนุเสาวรีย์ของพระสัมมาฯ จึงมีมากมาย เรียกว่า ปาง ในไทย มี ทั้งหมด 40 ปาง นั่งมีหลายแบบ จะเรียกว่า เป็นอนุเสาวรีย์ที่มีคนสร้างไว้หราบไว้มากที่สุดในโลก มีตั้งแต่ องค์ในญ่ที่สุดในโลก เล็กทีสุดในโลก ถูกที่สุดในโลก หรือแพงที่สุดในโลก เช่น พระสมเด็จฯ ปั่นมาจากดิน ราคา 20 ล้านบาท นั่นสร้างแทนพระพุทธเจ้า เราต้องเข้าใจว่า สร้างเพื่อแทนองค์จริง ไว้ กราบไหว้ องค์แทน ก็สร้างจากกรวดหิน ดินทราย และการแกะสลักกันไป เป็นไปตามจินตนาการ ของช่างแต่ะละประเทศ จึงทำให้ไม่เหมือนกัน สาระสำคัญคือ ให้นึกถึงองค์จริง
พระพุทธระดับองค์ธรรม ได้แก่ พุทธภาวะ ความเป็นภาวะเป็นแก่น เป็นสาระ เจ้าชายสิทธิธัตถะ ออกบวชและบรรลุพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นเป็นพุทธภาวะ โบราณท่านกำหนดไว้ 3 อย่างคือ พระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณและ พระบริสุทธิคุณ
ที่เราตังนะโม 3 จบ นั้นเป็นการบ่งพระพุทธคุณ ภะคะวะโต จำแนกเป็น พระพุทธเจ้าทรงแบ่งปันไม่หวงความรุ้
"อะระหะโต " พระผู้บริสุทธิ์ ห่างไกลจากกิเลส เป็นผุ้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ถือเป็นพุทธภาวะ
"สัมสมสัมพุทธธัสสะ หรือพุทธโธ" ตรัสรุ้ชอบด้วยพระองค์เอง ไม่มีคนบอก แต่เกิดจากสั่งสมบุญบารมี มาหลายชาติ เหมือนเรากว่าจะอ่ายนภาษาไทยได้ก็ต้องสั่งสม จากการอ่าน กอไก่ หรือ ผสมสระ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป พระพุทธเจ้ากว่าจะเป็นก็ต้องสั่งสมมาหลาย 100 ชาติ จึงเป็นพระปัญญาธิคุณ ที่เรานอบน้อม " นะโมตัสสะ " เรา กราบไห้ว ระลึกถึงคุณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระธรรม พระสงฆ์ ก็เช่นกัน มีทั้ง ระดับ องค์แท้ องค์แทน และ องค์ธรรม
พระสงฆ์ ระดับองค์แท้ ที่หมดกิเลส เป็นพระอรหันต์ เช่น พระสารีบุตร องค์แทน ก็คือพวกเรา หรือสมมติสงฆ์นั่นเอง

3. ระดับเข้าถึง เป็นระดับนำเอาสาะรมาศึกษามาใช้ จนบรรลุธรรม ตามพระสฆ์ในอดีต จนบรรลุหมดกิเลส เรารู้จักคำว่า "ทาน " ว่าเป็นอย่างไร ทานอย่างไรเรียกว่า "ทาน " เราก็ให้ทาน อย่างนี้เรียกว่าระดับเข้าถึง หรือ ปาณาติปาตาฯ เป็นศีล เป็นการรู้จักว่าเป็นศีล แต่พอ ลงจากศาลาไปแล้วไม่เคยเอามาปฏิบัติ เรียกว่า แค่รุ้จัก แต่ถ้ามีเมตตา ไม่ลักทรัพย์ ไม่นอกใจคู่ครอง นี้เรียกว่า ระดับเข้าถึง การรู้จักกัมฐาน ว่านั่งอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเอาไปปฏิบัติ อย่างเนี้เรียกว่า เข้าถึง การที่เราจะเอา พุทธัง สรณัง คัจฉามิ มาเป็นสรณะ ก็คือ เอาความ กรุณา บริสุทธิ และปัญญาธิคุณไปปฏิบัติตาม เมื่อเรามีสุข ในการเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็ยังชวนคนอื่นมาเข้าถึงด้วย

ในเวลานี้บ้านเมืองมีความสับสนวุ่นวายยิ่งเรื่อง เศรษฐกิจ ในโลกนี้มีทรัพยากรจำกัด มนุษย์ผุ้มีปัญญา ความสามารถ ไม่เท่ากัน มันไปอยู่กในมือคนที่มีความสามารถมากกว่า แทนที่จะแบ่งกินกันได้ 2 คน "พอเพียง" ต้องรุ้จักอดออม รู้จักใช้ รู้จักกิน ก็จะให้อยู่รอดได้
คนเราตั้งตัวไม่ได้เพราะ 1 ระวังไฟไหม้
2.ระวังน้ำท่วม
3. ระวังผีหลอก
ทิดคนนึงสึกไป พระอุปัชฌาย์ให้3 ข้อ ข้างบนไว้ก่อนลาสิกขา 10 ปีผ่านไป อุ้มลูก และเมียมาแล้วถามเรื่องที่ฝากไว้ 3 ข้อ ทิดนั้นก็เล่าว่า ระวังไฟไหม้ก็ไปสร้างบ้านเรือน ห่างไกลจากผุ้คน ระวังน้ำท่วม ก็ไปสร้างบ้าน ในที่ดอน แล้วระวังผีหลอก ก็ไปตั้งในแหล่งชุมชน แล้วพระอุปัชฌาย์ ก็ถามเมียทิดว่า ทิดทำอย่างไรบ้าง ก็บอกว่า ทุกวันนี้หรือ ยิงกินเหล้า สูบบุหรี เล่นการพนัน พระอุปัชฌาย์ ก็เรียกทิดมาว่า 3 สิ่งที่ข้าสอน คือ
ระวังน้ำท่วม หมายถึง ระวังน้ำท่วมปาก นั่นคือเหล้า
ระวังไฟไหม้ หมายถึง บุหรี จุดไปนั่นหละ ไม่กีสตางค์ แต่จุดไปเรื่อยๆๆก็จะเผาบ้านได้
ระวังผีหลอก หมายถึง การพนัน สองตัวสามตัว นั่นแหละทั้งบนดิน และใต้ดินนั่นเอง
ทิดฟังดังนั้น ก็เอาไปปฏิบัติตาม 10 ปีผ่าน พระอุปัชฌาย์ ก็แก่ลง หูตาฝ้าฟาง มีรถเก๋งป้ายแดง มาจอดหน้ากุฎิ มีชายหนุ่มเดินเข้ามา แล้วกราบไหว้ แล้วบอกว่า ก็เป็นทิดคนนั้น หลังจากฟังพระอุปัชฌาย์เสร็จเอาไปปฏิบัติตาม พ่อตาแม่ยาย ก็เลยยกที่นาให้อีก รถนี่ก็เพิ่งถอยมาเงินสด ถ้าป้องกันได้งเงินจึงเหลือ ตอนนี้เลิกได้แล้วสึกไปแล้วกอย่าไปหามันอีก
พระพุทธศาสนาตอนนี้ต้องการคนช่วยเหลือที่นั่งในนี้ ถ้าไม่ภาระอะไร ก็อยู่ช่วยพระศาสนา อยุ่ไปอย่าเครียด เดียวน้ำท่วมไฟไหม้อีก แต่อยุ่วัดก็ต้องช่วยพระศาสนาได้ จึงจะไม่เป็นที่น่ารังเกียจ บวชมาแล้วได้อะไร และฝากข้อคิดให้ระวังไฟไหม้ น้ำท่วม และผีหลอก ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  DSC_0102.JPG   725.67K   33 ดาวน์โหลด


#2 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 September 2009 - 11:51 AM

ขอบคุณและสาธุการกับบัณฑิต จขกท. สำหรับสัมโมทนียกถาอันไพเราะนี้....
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#3 ปีติบุญ

ปีติบุญ
  • Members
  • 153 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 September 2009 - 01:09 PM

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

#4 Kay :)

Kay :)
  • Members
  • 238 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 September 2009 - 01:42 PM

สาธุค่ะ

#5 Ozeria

Ozeria
  • Members
  • 879 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 September 2009 - 02:49 PM

สาธุ กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ

ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย

#6 usr31097

usr31097
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 September 2009 - 06:57 PM

laugh.gif สาธุ สาธุ อ่านแล้วอยากบวชมั่งจัง แต่ชาตินี้อาภัพนัก

#7 ณฏฐพโล

ณฏฐพโล
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 September 2009 - 10:28 AM

สาธุ ผมเป็นหนึ่งที่ได้บวชครับ happy.gif
การรับรู้ความจริงของสรรพสิ่ง แค่หยุดใจนิ่งๆที่ศูนย์กลางกาย

#8 Suk072

Suk072
  • Members
  • 430 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 September 2009 - 04:04 PM

กราบอนุโมทนาบุญค่ะ

#9 rattana_s

rattana_s
  • Members
  • 113 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 September 2009 - 04:37 PM

ตั้งกระทู้ซะตกใจเลย...ปัจฉิมโอวาท...
นึกว่าท่านไปดุสิตบุรีแล้วซะอีก

#10 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2009 - 01:08 AM

สาธุ นะครับ