ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การรบที่แท้ - ข้าศึกตัวจริง , เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 29 January 2006 - 05:32 AM

"
เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่นาน แต่ชีวิตหลังความตายนั้นยาวนาน นานมากจนเราแทบไม่เชื่อทีเดียวว่าจะนาน เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เป็นกัป เป็นมหากัป ไม่ว่าเราจะเกิดในอบายภูมิ หรือสุคติภูมิก็ตามมันยาวนานมากนะลูกนะ

ชีวิตที่ยังมีเนื้อหนังเป็นกายมนุษย์อยู่มันสั้นนิดเดียว อย่างที่คนโบราณกล่าวว่า คนที่มีอายุ ๖๐ ปีมีสิทธิ์ตายได้ทุกปี คนอายุ ๗๐ ปีมีสิทธิตายได้ทุกเดือน คนอายุ ๘๐ ปีมีสิทธิ์ตายได้ทุกอาทิตย์ ส่วนคนอายุ ๙๐ ปี มีสิทธิ์ตายได้ทุกวัน แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ยิ่งกว่านั้นอีกว่า “เรามีสิทธิ์ตายได้ทุกอณุวินาทีแค่ชั่วระยะลมหายใจเข้าและออกเท่านั้น” หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้าก็ตาย หรือไม่หายใจทั้งเข้าและออกก็ตาย หมายความว่า ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในปฐมวัย มัชฌิมวัย หรือปัจฉิมวัย ทุกคนมีสิทธิ์ตายได้เท่ากัน อย่าไปคิดว่าคนแก่จะต้องตายก่อนคนหนุ่มคนสาวหรือเด็ก เพราะเราก็เห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่า บางครั้งลูกก็ตายก่อนพ่อแม่ บางครั้งพ่อแม่ก็ตายก่อนลูก นี่เป็นสัจธรรม แต่บางคนก็มองข้ามไป ไม่ได้นำมาพิจารณา ว่า ชีวิตมนุษย์นี่สั้นนัก เพราะฉะนั้นผู้ฉลาด ผู้ไม่ประมาทในชีวิตย่อมใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์ในการสร้างบารมี ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา จนสะเทือนขวัญกันไปทั่วโลกนั้น ลูกทุกคนคงจะได้ข้อคิดว่า ชีวิตมนุษย์มันไม่แน่นอน การชิงช่วงและช่วงชิงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ๒๔ น. แต่เสียดายที่มนุษย์ไม่รู้ความจริงว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่ออะไร และใครทำให้เกิด เพราะความไม่รู้นี้เองโลกจึงวุ่นวายจนถึงทุกวันนี้

งบประมาณที่เจียดเอาไปใช้รบราฆ่าฟันกันนั้น สามารถนำมาสร้างสันติภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกได้ ด้วยการขยายความรู้อันบริสุทธิ์ที่ถูกต้องให้มนุษย์ได้รับทราบ แต่เพราะความไม่รู้จึงใช้งบประมาณนั้นเอาไปสู้รบกัน รบกันเองระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ต่างก็เสียเงินตรา เวลา และอารมณ์ แถมผูกเวรกันไปอีก นี่เพราะความไม่รู้ว่า ข้าศึกที่แท้จริงคือใคร ถ้ารู้เขาก็จะไม่ทำกันอย่างนี้

ข้าศึกที่แท้จริงนั้นอยู่ภายในตัวของมนุษย์ทุกคน ในโลก เป็นฉากหลังในฉากหลัง เป็นแหล่งกำเนิดของ ผู้ต้นคิด เขาสอดส่งสั่งกันลงมาตามลำดับถึงมนุษย์ มนุษย์ไม่รู้เรื่องเพราะถูกเขาบังคับบัญชาเอาไว้ และถูกตรึงให้ติดในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ สิ่งเหล่านี้มาบดบังดวงปัญญา และไม่ให้โอกาสกับตัวเองได้ศึกษาค้นคว้าเข้าไปรู้ของจริง สู้รบกันอย่างนั้นกี่ล้านครั้งก็ไม่ถูกตัวจริง หนำซ้ำยังเกิดการผูกเวรกันร่ำไป น่าเสียดายทรัพยากร เสียดายเวลา แล้วก็เสียดายที่เขาจะต้องไปผูกเวรกันต่อไปอีก

มีวิธีรบอีกประเภทหนึ่งซึ่งจะไปถูกตัวจริง เป็น การสู้รบที่ไม่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ไม่มีความตาย ไม่มีความโศกเศร้าเกิดขึ้น มือไม่ต้องชุ่มด้วยโลหิต จะมีความสุขทุกขั้นตอน ข้าศึกที่แท้จริงนั้น คือ พญามารที่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนนั่นแหละ ต้องเข้าถึงธรรมกาย ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายแล้วจึงจะไปรู้ไปเห็นว่า เขาอยู่ฉากหลัง คอยบังคับอากาศโลก ขันธโลก สัตวโลก สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมนุษย์ ทิพย์ ธรรม นั่นละข้าศึกตัวจริง

มนุษย์ทุกคนตกเป็นเชลย เชลยของความโลภ ความโกรธ และความหลงที่พญามารเขานำมาบังคับ บัญชาเอาไว้ เชลยแบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ เชลยผู้รู้กับเชลยผู้ไม่รู้ เชลยผู้ไม่รู้ก็รบกันไปตามแบบที่เราได้เห็นได้ยินได้ฟังกันอย่างนั้น แต่เชลยผู้รู้ คือ รู้ว่ามนุษย์เป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร พญามารอยู่เบื้องหลังความทุกข์ทรมานของสัตว์โลก ของความขัดแย้ง การทะเลาะเบาะแว้งต่างๆ นานาที่เกิดขึ้น เชลยผู้รู้ก็จะพยายามช่วยตัวเองด้วยการปฏิบัติธรรม นำใจเข้าสู่ธรรมะภายใน พอถูกส่วน ความสว่างเกิดขึ้น เข้าถึงธรรมกาย จากธรรมกาย ก็ศึกษาวิชชาธรรมกาย ไปรู้ไปเห็นด้วยธรรมจักขุของธรรมกาย หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านทำอย่างนี้ ท่านเอาเชลยผู้รู้นี่แหละทำหยุดทำนิ่ง เป็นอัศวินอันตรายสำหรับพญามาร

ความจริงทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกนี้ มีเอาไว้เพื่อหล่อเลี้ยงสังขารมนุษย์ให้ดำรงอยู่เพื่อการทำหยุดทำนิ่ง จะได้ค้นพบความจริงของชีวิต ของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย เมื่อพบความจริงแล้วจะได้เป็นนักรบที่แท้จริง รบกับกิเลสอาสวะภายในนั่นแหละ รบกับตัวจริง ถ้าจับต้นของเขาได้ ความทุกข์ทรมานทั้งหลายก็หมดไป ความแตกต่างหลากหลายของมนุษย์ทั้งเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ก็หมดไป มนุษย์จะคิดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน มีความปรารถนาร่วมกันที่จะยังสันติสุขและสันติภาพให้เกิดขึ้นแก่โลก มนุษย์จะมีแต่ความสุข ยินดีในการให้มากกว่าการรับหรือแย่งชิงเอามา รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของมนุษย์ทุกคน

สันติสุขและสันติภาพที่แท้จริงนี้ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เป็นจริงได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องเพ้อฝันเพราะนี่เป็นสัจธรรม คือ เป็นสิ่งที่มีจริง และทำได้จริง แต่ว่ามนุษย์ขาดกัลยาณมิตร หรือมีกัลยาณมิตรแต่ก็ชะล่าใจมัวประมาทอยู่ จึงไม่ให้โอกาสกับตัวเองทำหยุดทำนิ่ง จึงไม่ได้เข้าถึงของจริงที่เป็นจริงๆ ดังนั้นก็เลยพลอยทุกข์ พลอยวิตกกังวลไปกับเขาด้วย แต่ลูกหลวงพ่อคงจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราได้สร้างบารมีด้วยความสุขสนุก สนานเบิกบานบุญบันเทิงกันมาตลอดทุกวันทุกคืนทุกเวลา

เพราะฉะนั้นสร้างบารมีกันต่อไปนะลูกนะ การชิงช่วงกับช่วงชิงนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นการรบระหว่าง ธรรมะกับอธรรม โดยอาศัยมนุษย์เป็นหุ่นหยาบๆ เป็นสงครามตัวแทนของธรรมะและอธรรม เข้าใจยากสักนิดจนกว่าจิตของลูกจะหยุดนิ่ง กระทั่งเข้าถึงวิชชาธรรมกาย นั่นแหละลูกจึงจะเข้าใจ " Copy from http://www.dhammakay...g_detail_th.php