ข้าพเจ้ายังเป็นนักเรียนอยู่ รายได้ของข้าพเจ้า แม่เป็นผู้ส่งเสียให้ แม่ของข้าพเจ้าอยู่ประเทศญี่ปุ่น
ในวันที่ 5 ธค. ที่ผ่านมา ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 2000 รูป ข้าพเจ้าก็คิดจะไปตักบาตรในวันนั้นอยู่แล้ว
แต่แม่ของข้าพเจ้าได้บอกให้ข้าพเจ้ายืมเงินของญาติมาก่อน 2000 บาท เพื่อซื้อของตักบตรเพิ่ม เพราะเห็นว่าเป็นงานบุญใหญ่ จึงอยากจะให้ทำบุญเยอะๆ
สาเหตุที่ต้องยืม เพราะขณะนั้นข้าพเจ้ามีเงินไม่ถึง 2000 บาท และกว่าแม่ข้าพเจ้าจะส่งเงินมาถึงก็กินเวลานาน จะไม่ทันงานบุญ จึงต้องยืมญาติก่อน
เมื่อได้เงินที่แม่ส่งมาให้ ข้าพเจ้าก็จะนำเงิน 2000 บาท ไปคืนญาติ
แต่เขาไม่เอา เขาบอก ถือว่าร่วมทำบุญด้วย
เงิน 2000 บาทที่นำมาคืนเขา เขาบอกว่าให้ข้าพเจ้าเก็บไว้ใช้จ่ายเถอะ และไม่ต้องบอกแม่ว่าเขาไม่เอาเงิน (แม่ของข้าพเจ้ากลัวว่า ถ้าไม่คืนเงิน บุญที่ทำไปจะเกิดต่อเมื่อไปเป็นบริวารเขา จึงกำชับให้ข้าพเจ้ารีบเอาไปคืน )
แบบนี้ถือว่า บุญจะเกิดที่ใคร อย่างไรคะ แล้วจะต้องทำอย่างไรจึงจะเหมาะสมคะ
เกี่ยวกับการยืมเงินมาทำบุญ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ
เริ่มโดย บีบีน้อย, Dec 20 2005 01:19 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 20 December 2005 - 01:19 PM
#2
โพสต์เมื่อ 20 December 2005 - 02:08 PM
ลองตอบตามภาษานักเรียนอนุบาลนะ
บุญย่อมเกิดที่เราก่อนซิ เพราะเราเป็นผู้ให้ทานสัมฤทธิ์ผลคือนำวัตถุทานไปถึงมือผู้รับที่เป็นเนื้อนาบุญ(ที่จริงจิตที่เป็นกุศลเกิดตั้งแต่ความปรารถนาที่จะทำบุญใหญ่แล้ว)
ส่วนญาติที่เขาปรารถนาร่วมบุญเมื่อรับรู้และยินดี เขาย่อมได้ผลบุญ เช่นกัน หากการมอบทรัพย์ของเขาให้แก่เรา เปี่ยมด้วย ความเต็มใจร่วมกับวาจาว่ามอบให้โดยการยกหนี้ ย่อมไม่ถือว่าเราเป็นหนี้ เขากลับได้บุญที่ทับทวีจากการสงเคราะห์ญาติคือตัวเรา ซึ่งได้นำทรัพย์ไปถวายต่ออายุพระศาสนากับเนื้อนาบุญ
หลักของนักเรียนอนุบาล คือ รักษาศีล ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อเป็นฐานรองรับบุญจ้าาาา
บุญย่อมเกิดที่เราก่อนซิ เพราะเราเป็นผู้ให้ทานสัมฤทธิ์ผลคือนำวัตถุทานไปถึงมือผู้รับที่เป็นเนื้อนาบุญ(ที่จริงจิตที่เป็นกุศลเกิดตั้งแต่ความปรารถนาที่จะทำบุญใหญ่แล้ว)
ส่วนญาติที่เขาปรารถนาร่วมบุญเมื่อรับรู้และยินดี เขาย่อมได้ผลบุญ เช่นกัน หากการมอบทรัพย์ของเขาให้แก่เรา เปี่ยมด้วย ความเต็มใจร่วมกับวาจาว่ามอบให้โดยการยกหนี้ ย่อมไม่ถือว่าเราเป็นหนี้ เขากลับได้บุญที่ทับทวีจากการสงเคราะห์ญาติคือตัวเรา ซึ่งได้นำทรัพย์ไปถวายต่ออายุพระศาสนากับเนื้อนาบุญ
หลักของนักเรียนอนุบาล คือ รักษาศีล ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อเป็นฐานรองรับบุญจ้าาาา
#3
โพสต์เมื่อ 20 December 2005 - 03:33 PM
ในส่วนตัวคิดว่า ทานที่เราสละออกไปตัดความตระหนี่ออกจากใจไปแล้ว การทำทาน
ครบองค์ประกอบไปแล้ว ส่วนเงินที่เค้าไม่ยอมรับคืน ก็ถือเอาว่า เป็นอานิสงทันตาเห็นครับ
ครบองค์ประกอบไปแล้ว ส่วนเงินที่เค้าไม่ยอมรับคืน ก็ถือเอาว่า เป็นอานิสงทันตาเห็นครับ
#4
โพสต์เมื่อ 20 December 2005 - 05:34 PM
ก็ให้นำเงินนั้น (ที่เดิมจะต้องคืนเขา แต่เขาไม่รับคืน) ไปทำบุญอย่างอื่นอีกต่อหนึ่งสิครับแล้วก็บอกคนที่เรายืมมาว่า เรานำไปทำบุญนั้นบุญนี้แล้ว ให้เขาร่วมอนุโมทนา บุญนี้ก็จะได้เป็นบุญของเราอย่างแท้จริง
วิธีนี้ผมก็ใช้อยู่บ้างครับ บางทีไม่ได้เอากระเป๋าตังค์มา แต่อยากร่วมบุญนั้นบุญนี้ ขอยืมเพื่อนออกให้ไปก่อน พอถึงเวลาเพื่อนไม่ยอมรับคืน ผมก็เอาเงินนี้ไปทำบุญอย่างอื่นอีกต่อๆ ไป
วิธีนี้ผมก็ใช้อยู่บ้างครับ บางทีไม่ได้เอากระเป๋าตังค์มา แต่อยากร่วมบุญนั้นบุญนี้ ขอยืมเพื่อนออกให้ไปก่อน พอถึงเวลาเพื่อนไม่ยอมรับคืน ผมก็เอาเงินนี้ไปทำบุญอย่างอื่นอีกต่อๆ ไป
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#5
โพสต์เมื่อ 20 December 2005 - 05:45 PM
เห็นด้วยกับคุณหัดฝันค่ะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
สุนทรพ่อ
muralath2@hotmail
#6
โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 11:16 PM
เรื่องนี้ นับว่าเป็นโชคของคุณ บุญญาติก็ได้เนื่องจากว่าเป็นผู้สนับสนุนการทำบุญ
แต่โอกาสเช่นนี้ อาจจะไม่เกิดขึ้นทุกครั้งเสมอไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า ความเป็นหนี้เป็นทุกข์
ไม่ว่าจะทำบุญสิ่งหนึ่งประการใด อย่าได้ต้องเป็นหนี้ใครเลย ในช่วงเวลาที่เรายังเป็นหนี้อยู่ ยังไม่ได้คืนเงินเขา อาจจะไม่รู้สึกปราบปลื้มใจ กลัว อาย ไม่อยากพบหน้าเจ้าหนี้เพราะว่า กลัวเขาทวงหนี้
ขนาด มหาทุกขตะ จะทำบุญ เลี้ยงพระสักองค์ ยังไม่ยืมข้าวของ อาหารจาก เพื่อน เพื่อมาทำบุญเลย หรือนายติณบาณ ผู้นุ่งใบไม้ ก็ยังไม่ยืม เข็มกับด้าย ชาวบ้านเพื่อเป็นบริวารกฐิน เลย ต้องอาศัยหยาดเหงื่อแรงงาน หรือสมบัติชิ้นสุดท้ายไปขาย เพื่อมาทำบุญ อย่างนี้เมื่อระลึกถึงเมื่อไร ก็ปลื้มใจเท่านั้น
แต่โอกาสเช่นนี้ อาจจะไม่เกิดขึ้นทุกครั้งเสมอไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า ความเป็นหนี้เป็นทุกข์
ไม่ว่าจะทำบุญสิ่งหนึ่งประการใด อย่าได้ต้องเป็นหนี้ใครเลย ในช่วงเวลาที่เรายังเป็นหนี้อยู่ ยังไม่ได้คืนเงินเขา อาจจะไม่รู้สึกปราบปลื้มใจ กลัว อาย ไม่อยากพบหน้าเจ้าหนี้เพราะว่า กลัวเขาทวงหนี้
ขนาด มหาทุกขตะ จะทำบุญ เลี้ยงพระสักองค์ ยังไม่ยืมข้าวของ อาหารจาก เพื่อน เพื่อมาทำบุญเลย หรือนายติณบาณ ผู้นุ่งใบไม้ ก็ยังไม่ยืม เข็มกับด้าย ชาวบ้านเพื่อเป็นบริวารกฐิน เลย ต้องอาศัยหยาดเหงื่อแรงงาน หรือสมบัติชิ้นสุดท้ายไปขาย เพื่อมาทำบุญ อย่างนี้เมื่อระลึกถึงเมื่อไร ก็ปลื้มใจเท่านั้น
#7
โพสต์เมื่อ 24 December 2005 - 08:15 PM
มา copy คุณหัดฝัน ง่ายดี
อนุโมทนาบุญค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ
#8 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 27 December 2005 - 07:53 PM
เอาไปทำบุญต่อบุญสิ ดีที่สุด ท่านไม่เอาแล้ว เราก็ตัดใจให้ไปแล้ว แสดงว่าสมบัติตกเป็นของกลางคือศูนย์กลางกายของน้งอาร์มกลั่นเป็นดวงบุญไง
#9
โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 03:35 PM
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ