ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

การบริจาคร่างให้แก่โรงเรียนแพทย์นั้นได้บุญหรือไม่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 28 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 12:05 PM

หากก่อนเสียชีวิตได้ระบุไว้ว่า หากเสียแล้วให้บริจาคร่างกาย หรือ อวัยวะ ให้แก่โรงเรียนแพทย์ เพื่อให้นักเรียนแพทย์ได้เรียนรู้จากร่างกายของเรานั้น เราจะได้บุญหรือไม่จ๊ะ

#2 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 01:09 PM

ได้ครับ แต่ไม่มากเท่าไหร่
ก็เหมือนกับบริจาคของที่จะทิ้งแล้วน่ะครับ
ทำความดีตอนมีชีวิตอยู่ได้บุญมากกว่าเยอะ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#3 crystal.mind

crystal.mind
  • Members
  • 280 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:BKK
  • Interests:Book Music

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 03:31 PM

น่าจะได้บุญมาก นะคะ

เพราะผู้(จะ) ตาย ยอมบริจาค เลือดเนื้อของตน เพื่อ ประโยชน์ของผู้อื่น ที่ไม่เจาะจงผู้รับ ... (อืมมม.. คล้ายๆ สังฆทาน เลยนะเนี่ย แต่ก็ไม่ใช่) แต่ก็มีเมตตาต่อสัตว์โลกที่เจ็บป่วย ให้มีชีวิตที่ยินยาวต่อไป

และยิ่ง ถ้ามีผู้ใด บรรลุธรรมจาก ร่างกายที่เน่าเปื่อยแล้ว ของเรา
บุญนี้ ยังส่งผลไปให้เจ้าของร่างอีกด้วย

ยก ตย. ในพระไตรปิฎก ที่ภิกษุหนุ่ม จากการพิจารณาร่างอันเน่าเปื่อย ไม่สวยงาม ของหญิงงามเมือง ที่ตนแอบหลงรัก จนได้บรรลุธรรม ในที่สุด
ผลบุญยังส่งไปให้เทพธิดาองค์นั้นเลย

*** ใครตอบได้ ว่า หญิงนั้นชื่ออะไร และพระภิษุรูปนั้น ชื่ออะไร มาจากพระไตรปิฎกเล่มไหน ***** จะมีรางวัลให้ค่ะ

" เกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง + แสวงบุญ + สร้างบารมีค่ะ "
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "


#4 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 05:31 PM

ได้บุญมากหรือน้อยอยู่ที่จิตขณะที่คิดจะให้ว่าต้องการสละมากหรือน้อยครับ
ถ้าจิตต้องการสละมาก ละวางกิเลสคือความหวงแหนได้มาก บุญก็จะมากเพระทำลายความยึดมั่นที่เป็นกิเลสโดยตรง
ยิ่งผู้รับได้รับอวัยวะของเรา เช่น แก้วตา เท่ากับเราให้โอกาสในการมองเห็นแก่เขาครับ อย่าไปคิดว่าเราตายแล้วจบไม่ได้ประโยชน์หรือบุญครับ เพราะถ้าเราไม่เซนต์ให้อวัยวะโรงพยาบาลเขาก็นำร่างกายเราไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ครับ

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 05:38 PM

ชื่อนางสิริมาครับ การยกศพของเราให้ผู้อื่นนั้น โดยปรกติได้บุญไม่มากครับ ดังที่น้องมองอย่างแมวได้บอกมา แต่ถ้าผู้ใดอาศัยศพของเรา (แม้เราจะไม่ได้ยกศพให้เขาก็ตาม) พิจารณาความจริงของโลกจนบรรลุธรรม นั่นแหละครับ จึงเป็นบุญมาก เพราะแท้จริงแล้ว นางสิริมา ก็ไม่ได้ตั้งใจยกศพให้ใคร แต่พระพุทธเจ้าทรงอาศัยศพของนางเทศน์สอนให้ผู้อื่นบรรลุธรรม ตรงนี้ต่างหากที่เป็นบุญมาก

ส่วนเรื่องจิตใจ นั่นได้ชื่อว่า สละน้อย (จึงเป็นบุญน้อย) เพราะถ้าจิตสละมาก ต้องทำเหมือนพระโพธิสัตว์ สละดวงตา เมื่อพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ อย่างนี้แหละครับ บุญมาก เพราะจิตใจสละมาก แต่ถ้าตายแล้ว เราก็ใช้อะไรไม่ได้แล้ว คนอื่นเอาไปใช้ก็ดี อย่างนี้ความสละในใจ อย่างไรก็ไม่อาจมากได้ครับ

แต่อย่างไรก็เป็นบุญ ทำไปเถิด น้ำทีละนิด ยังเต็มตุ่มฉันใด บุญแม้เพียงนิด ก็เป็นประโยชน์ฉันนั้น

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 05:38 PM

ขนาดให้อาหาร เช่น ให้หมูย่าง ไก่ย่าง มันเป็นซากสัตว์แต่ถ้าเกิดประโยชน์กับผู้รับช่วยให้คลายหิวได้ ก็ยังได้บุญเลย
เพราะฉะนั้น สังขารมนุษย์ถ้าเจ้าของบริจาคเกิดประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ย่อมได้บุญแน่นอนครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#7 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 05:42 PM

อันนี้ก็ไม่รู้แน่ชัดเนอะ
ต้องถามหลวงพ่อ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#8 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 05:46 PM

ต้องได้บุญมากซิ
1.บริจาคร่างกายจัดเป็นวิทยาทานเพื่อการศึกษาแพทยศาสตร์ ย่อมได้ปัญญาบารมี นักเรียนแพทย์ทุกคนต่างเคารพในความเสียสละ โดยเรียกร่างบริจาคนี้ว่า"อาจารย์ใหญ่"ซึ่งให้ความหมายในคุณค่าสูง
2.บริจาคอวัยวะจัดเป็นทานอุปบารมี เพื่่อให้ผู้อื่นที่ยังมีลมหายใจอยู่รอด 1ร่างของผู้บริจาคอวัยวะ สามารถช่วยเกื้อกูลผู้อื่นได้ถึง 4ระบบ(อาจช่วยได้ถึง 5คนต่อ 1ร่างไร้วิญญาน) ได้แก่ ไต 2ข้าง แก้วตา 2ข้าง หัวใจ(+/-ปอด2ข้าง) ตับ สำหรับการเปลี่ยนลำไส้ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ส่วนบุญจะทับทวีก็ขึ้นกับวาระจิตที่ปรารถนาทำทาน
รวมถึงผู้รับอวัยวะที่อยู่รอดรำลึกถึงผู้บริจาคและคนผู้นั้นทำความดียิ่งๆขึ้นไป

ตอบคุณแก้วตาดวงใจ ว่าหญิงงามเมืองคนนั้น นามว่า"สิริมา"
ไม่เพียงแต่พระภิกษุรูปนั้นที่บรรลุโสดาบันเมื่อได้พิจารณาร่างไร้วิญญานของนาง มหาชนหรือเทวดาทั้งหลายก็บรรลุกันมากมาย

#9 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 07:23 PM

น่าคิดนะ

1. เพราะว่าถ้าหากเราอุทิศอวัยวะให้แก่ผู้อื่นไป เขาหายจากโรค แต่แล้วไปประกอบกรรมชั่ว อย่างนี้เราจะบาปตามไหม

2. แล้วอย่างนี้เราระบุได้หรือไม่หละว่าจะขอบริจาคอวัยวะให้แก่พระภิกษุสงฆ์อาภาธที่ต้องการก่อนเป็นอันดับแรก หากไม่มีพระที่ต้องการก็ค่อยอุทิศอวัยวะแก่คนทั่วไป เพื่อหวังว่าเขาจะใช้ในการต่อชีวิตเพื่อสะสมบุญบารมี

#10 supapalo

supapalo
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 07:45 PM

หลวงพ่อท่านตอบไว้แล้ว แต่จำไม่ได้ว่าวันไหน เดี๋ยวจะพยายามหามาให้

#11 supapalo

supapalo
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 08:11 PM

เจอแล้วครับ http://www.kalyanami...ook_panha1.html หลวงพ่อตอบปัญหาเล่มเรื่อง ทาน-บุญ หัวข้อที่ ๒๖ การอุทิศร่างกาย

#12 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 08:13 PM

หลวงพ่อทัตตะเคยตอบเอาไว้แล้วในรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ท่านตอบว่า การบริจาคร่างกายหลังจากทีตายแล้วก็ได้บุญครับ แต่ไม่มาก เพราะถือว่า ร่างกายนี้เราไม่ใช้แล้ว ทิ้งไว้ก็เน่า เปรียบเหมือนกับการบริจาคของที่เจ้าของไม่ต้องการแล้วนะครับ
แต่ถ้าอยากได้บุญมาก ก็ต้องบริจาคตอนที่เรามีชีวิตอยู่ เช่น บริจาคไตข้างนึง แล้วเราเหลือข้างนึงอะไรทำนองนี้แหละครับ เพราะคนไข้ก็ต้องการไต ตัวเราก็ต้องไตเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป เหมือนกับการบริจาคสิ่งที่เจ้าของยังต้องการใช้อยู่ เป็นการสละที่ใช้กำลังใจมาก ย่อมได้บุญมาก
หรืออย่างที่พระโพธิสัตว์เห็นเสือแม่ลูกอ่อนที่กำลังหิวจัดและจะกินลูกของตนเอง ที่เห็นดังนี้แล้วก็สลดและสละชีวิตตนเองเพื่อเป็นอาหารให้เสือกินแทนครับ
ส่วนการบริจาคร่างกายนั้นถ้าจำไม่ผิด อานิสงค์แห่งบุญคือหลังจากเราตายไปแล้ว จะมีคนจัดงานศพให้เราใหญ่โต ประมาณนี้แหละครับ

#13 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 08:40 PM

สาธุ...อนุโมธนาบุญกับ ผู้มาเยือน ด้วยครับ
ดวงปัญญาสว่างไสวมากครับ ที่สามารถมองเห็นประโยชน์ของสิ่งที่บุคคลทั้งหลายมองว่าไม่เป็นประโยชน์ได้ครับ
สังขารนี้ผู้มีปัญญาจะสามารถมองเห็นประโยชน์ของมันได้ครับ......
กาลามาสูตร : จงอย่าเชื่อแม้ผู้พูดจะน่าเชื่อ ,จงอย่าเชื่อโดยสืบต่อๆ กันมา ข้อที่เหลือผู้มีปัญญาพึงหาเอาเองครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#14 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2005 - 08:57 PM

ตอบคุณ NU
ผู้ให้ปรารถนาจะให้ปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ ปรารถนาให้เขาเป็นสุข ขณะนั้นบุญได้เกิดขึ้นแล้วครับ เพราะบุญเป็นเรื่องของใจ
ส่วนการที่ผู้รับจะหายโรคแล้วทำความดีหรือชั่วนั้น ย่อมเป็นไปตามอำนาจกรรมกิเลสของเขาครับ ผู้ให้หาได้รับบาปตามผู้รับไม่ครับ
ยกตัวอย่างที่ 1 เหมือนอย่างพระเวสสันดรให้บุตรธิดาแก่ชูชก ถามว่าชูชกตีกัณหา ชาลี พระเวสสันดรบาปไหม ตอบว่าไม่บาปครับ เพราะบุญบาปเกิดที่ใจของคน ๆ นั้นนั่นเอง
ตัวอย่างที่ 2 องคุลีมารฆ่าคนมานับพันคน ถามว่ามารดาให้อวัยวะร่างกายมาต้องบาปตามบุตรไหม ตอบ ไม่บาปครับ
เพราะบุญบาปเกิดที่ใจของแต่ละคน สัตว์โลกทั้งหลายมีบุญและบาปเป็นของตนเอง
คำถามที่ว่าจะบริจาคร่างกายแก่พระสงฆ์ อย่างเดียวดีไหม ผมขอถามกลับว่า ถ้าสมมุติบังเอิญฆาราวาสที่ได้รับไปนั้นเป็นองคุลีมาร ฆ่าคนไปมาก ต่อมากลับใจกลายเป้นพระอรหันต์ ถามว่าบุญหรือบาปครับ หรือถ้าชายที่ได้รับอวัยวะทำกรรมชั่วแต่อดีตเคยปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าหละบาปไหม หรืออนาคตเขาจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหละบาปไหม การทำบุญไม่ควรเลือกที่รักผลักที่ชังครับ
แม้พระพุทธเจ้าท่านยังสรรเสริญการให้ทานว่า การให้ทานกับพระองค์ ได้บุญมากไม่เท่าการให้ทานกับสงฆ์สาวกของท่านเลยครับ ทั้งนี้เพราะถ้าบุคคลเลือกปฏิบัติแล้วศาสนาของท่านจะไม่ยั่งยืน ดังนั้นบุคคลไม่ควรทำทานโดยเลือกที่รักผลักที่ชังครับ

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#15 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 12:10 AM

ตามความเห็นของผม ได้บุญนะครับ แต่บุญที่เกิดขึ้นนั้น มิได้เป็น "บารมี" อย่างที่บางท่านเข้าใจ ทั้งนี้เป็นเพราะ

๑. คุณสามารถทำบุญนี้ได้ ก็ต่อเมื่อคุณได้สิ้นชีวิตไปแล้ว (แล้วการสร้างบารมีในขณะที่ยังมีกายมนุษย์อยู่ เมื่อเทียบกับตอนที่ดับขัยไปแล้ว อย่างใดจะได้กำลังและอานิสงส์แห่งบุญมากกว่ากัน? ตัวท่านเองคงทราบดีนะครับ)

๒. จำนวนครั้งที่คุณได้ทำต่อการเกิดมาในภพชาติหนึ่งๆ นั้น คุณสามารถทำบุญนี้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต (เพียงแค่นี้ก็มิอาจเรียกว่าเป็นบารมีได้เลยไม่ว่าจะเป็นในระดับใดก็ตาม เนื่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เมื่อครั้งที่ท่านบำเพ็ญบารมีเป็นพระบรมโพธิสัตว์ ในภพชาติที่ท่านยอมสละชีพของท่านเป็นทานปรมัตถบารมี ท่านสละให้ตอนเป็นนะครับ ไม่ใช่ตายก่อนแล้วค่อยให้ จริงไหมครับ?)

๓. หากจะนำเอาบุญนี้ ไปเปรียบกับการบริจาคโลหิตแล้ว การบริจาคโลหิตจัดเป็นอุปบารมีที่แท้จริงครับ เพราะเหตุว่า
๓.๑ ทำในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
๓.๒ จำนวนครั้งของการสั่งสมในรอบของการเกิดในช่วงชีวิตหนึ่งๆ คุณเองสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ ๑๗-๖o ปี ซึ่งหากนับเป็นจำนวนทั้งหมดจะได้ถึง ๑๗๖ ครั้ง (ผมบริจาคครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่ ๒๕ แล้ว เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง และได้ทำบุญนี้ครบทั้ง ๓ เพศ คือ ในเพศภาวะคฤหัสถ์ สามเณร และพระภิกษุ ก็ขอให้ทุกท่านได้มีส่วนในอุปบารมีของเกียรติก้องด้วยนะครับ)
๓.๓ ได้ขันติบารมี (ได้อยู่แล้วเป็นปกติ) สัจจะบารมี (จะได้ก็ต่อเมื่อมีความตั้งใจว่า จะบริจาคทุกๆ ๓ เดือน และเมื่อถึงเวลาก็ไปบริจาคจริงตามที่ได้ตั้งใจไว้ หากเสียคำพูด "อด") อธิษฐานบารมี (ถ้าบริจาคแล้วไม่อธิษฐานกำกับด้วย "อด") และเมตตาบารมี (ได้อยู่แล้วเป็นปกติ) พ่วงมาด้วยครับ

ขอสรุปปิดท้ายว่า "บุญไม่ว่าน้อยหรือใหญ่ ใกล้หรือไกล พึงไขว่คว้าหาใส่ตัวไว้เถิดประเสริฐนัก"


#16 crystal.mind

crystal.mind
  • Members
  • 280 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:BKK
  • Interests:Book Music

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 01:14 AM

ผู้ที่ร่วมสนุก ตอบชื่อ หญิงงามเมือง มานั้น

เนื่องจาก ตอบไม่ครบตามเงื่อนไข
ดังนั้น ขอ อุ๊บอิ๊บ รางวัล ไว้ก่อนแล้วกัน

ไว้งานหน้า คำถามต่อไป จะมีรางวัลให้จริงๆ (ไม่ได้โม้ เด๋ว ศีลขาด) เช่น ซีดี หนังสือ หรือ.....

เตรียมตัว นะคะ ไว้มาร่วมสนุกบุญบันเทิงกัน




#17 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 01:18 AM

การที่คุณ xlmen ได้แสดงความเห็นว่า "การทำบุญไม่ควรเลือกที่รักผลักที่ชัง" นั้น ผมเห็นด้วยนะครับ แต่ผมขอแก้ไขในส่วนของความเห็นของพี่นิดนึงนะครับ ที่บอกว่า "แม้พระพุทธเจ้าท่านยังสรรเสริญการให้ทานว่า ให้ทานกับพระองค์ ได้บุญมากไม่เท่าการให้ทานกับสงฆ์สาวกของท่านเลยครับ" ที่ถูกต้องคือ "ได้อานิสงส์ไม่มากเท่าการให้ที่เป็นสังฆทาน" ครับ

#18 crystal.mind

crystal.mind
  • Members
  • 280 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:BKK
  • Interests:Book Music

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 01:19 AM

อ้อ ขอแถมนิดนึงค่ะ

ท่านใดอยากบริจาคโลหิต กับสภากาชาดไทย

วันอังคารนี้ 27/12/2548

จะมีรถมารับบริจาค ณ บริเวณ บริษัท RICOH ถนนอ่อนนุชค่ะ

เริ่ม 9 น.ไปจน บ่าย ... งานนี้เจ้าภาพ มีอาหารเลี้ยงด้วยค่ะ

ใครอยากไปบริจาคโลหิต ซึ่งช่วงนี้ขาดแคลนมาก อีเมล์มานะคะ

[email protected]

" เกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง + แสวงบุญ + สร้างบารมีค่ะ "
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "


#19 hmongkon

hmongkon
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 10:05 AM

เห็นด้วยกับคุณเกียรติก้องฯ
หากผู้บริจาคมีชีวิตอยู่ ย่อมได้ผลบุญมาก

เทพธิดาสิริมาอยู่ในสุคติภูมิ ตรึกนึกถึงผลบุญลงมากราบไหว้ทักขินัยบุคคล มหาชนรำลึกถึงจึงสามารถรับบุญได้ทันตาเห็น

แต่ถ้าผู้บริจาคร่างกายละสังขารไปบังเกิดเป็นมนุษย์ต่อ หรือ ทุคติภูมิก็ไม่สามารถรับบุญได้

ตอนเป็นธรรมทายาทเมื่อปี 2528 เคยมีพระอาจารย์ท่านหนึ่งสรุปผลบุญว่าจะมากหรือน้อยขึ้นกับ

บริสุทธิ์ 3ฝ่าย ให้แก่ส่วนมาก
บุญใหญ่ยิ่งยาก มากด้วยเจตนา
ศรัทธาเลื่อมใส ทำให้เคยชิน
ยินดีทุกกาล อธิษฐานทุกครั้ง
ใจตั้งจรดศูนย์ เพิ่มพูนบุญสู่นิพพาน

#20 supapalo

supapalo
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 01:01 PM

ไปคลิกฟังที่รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ๑๘กพ๔๘ วันนี้ก็เอามาออกซ้ำช่วงเช้า

#21 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 07:31 PM

ขอบคุณ คุณขุนศึกฯ ครับ
คำว่าสังฆ หมายเอาภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป ในความหมายของผมก็คือ สงฆ์สาวกทั่วไปไม่เจอะจง
คำว่าสังฆทาน หมายถึง การถวายทานแก่พระภิกษุแบบไม่เจาะจงมากกว่า 4 รูปขึ้นไปครับ
ถ้าจะทำบุญทั้งทีไม่ว่าจะบารมีหรือบุญก็ทำไปเถอะครับ ไหน ๆ ก็บริจาคโลหิตได้แล้วบริจาคร่างกายเป็นทานจะไปยากอะไรใช่ไหมครับ ทำเลยครับง่ายออกอย่างน้อยซากศพเราจะได้ใช้ประโยชน์อนุเคราะห์โลกได้ ให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการขนาดให้สิ่งของยังเป็นบุญสังขารก็ย่อมได้บุญเช่นกันครับทำไปเถอะอย่าคิดแบ่งแยกเลยว่าบุญมากหรือน้อย
เพราะคำว่าบารมี จะเกิดได้ต้องทำบุญนับไม่ถ้วนเพื่อกลั่นดวงบุญ ชนิดไม่เลือกบุญ แล้วกลั่นลงให้เล็กจากคืบเหลือเท่าดวงบารมีองคุลีมือเดียว ทำบ่อย ๆ รายละเอียดคุณสามารถหาได้จากคำสอนหลวงพ่อสดในหนังสือคู่มือสมภารไม่ยากครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#22 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 07:41 PM

ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ร่วมกันให้ความรู้ และข้อเสนอแนะจ้า ว่าไม่ว่าจะได้บุญมากหรือน้อยก็คงทำแน่ ได้นิดได้หน่อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้ ตายไปจะได้ลองไปดูว่าได้บุญอย่างไรบ้าง

และก็เห็นด้วยมาก ๆ เลยกับการบริจาคโลหิตว่าเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งจ้า

(แต่ว่าถ้ารู้แล้วจะกลับมาบอกยังไงดีหละเนี่ย)

;)

#23 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 24 December 2005 - 12:51 AM

ขอบพระคุณพี่ xlmen มากครับ

#24 ปาลินารี

ปาลินารี
  • Members
  • 258 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 December 2005 - 08:31 PM

เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่อยากโหวตให้เป็น

กระทู้แนะนำ

เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่อยากโหวตให้เป็น

กระทู้แนะนำ

#25 soodtong

soodtong
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 09:53 AM

ทำไปเถอะครับ สร้างบุญบารมี อยู่ที่จิตตั้งมั่น ไม่มี่กฏเกนฑ์ตายตัว อยู่ที่จิตตั้งมั่น

#26 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 04:51 PM

ใช่ อยู่ที่เจตนา
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#27 พฤติจิต

พฤติจิต
  • Members
  • 10 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 12:21 PM

ขอตอบด้วยความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด
(ถ้าผิดพลาดอย่างไรขออภัยอย่างยิ่ง)

การพิจารณาว่า การกระทำใดจะได้บุญมากน้อยอย่างไรขึ้นกับ
1.เจตาผู้ให้บริสุทธิ์
2.สิ่งของที่ให้บริสุทธ
3.ผู้รับ ศีล และเจตนาบริสุทธิ์แค่ไหน

#28 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 03:25 PM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ

#29 usr27179

usr27179
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 November 2008 - 09:23 PM

ผมเป็นคนหนึ่งละครับ ที่จะตัดสินใจบริจาคร่างกาย ให้นักศึกษาแพทย์ คณะกายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ใช้ศึกษาหาความรู้ โดยส่วนตัวไม่คิดว่าจะต้องการได้บุญหรืออะไรมากมายนักจากการทำทานครั้งนี้ แต่เชื่อไหมครับ ผมกลับรู้สึกได้ถึงกุศลที่จะได้รับ หลังจากอ่านใบสมัครและข้อปฎิบัติการบริจาคเลย
คือโดยคราวๆ ขั้นตอนระบุไว้ว่า ผู้บริจาคต้องแจ้งให้ญาติผู้ใกล้ชิดทราบและหลังจากเสียชีวิตแล้ว ผู้ใกล้ชิดนั้นต้องแจ้งให้ทางโรงพยาบาลทราบเพื่อมาฉีดฟอร์มาลีน + รับศพที่งาน โดยศพต้องเป็นศพปกติ ไม่ติดคดีความหรือเป็นศพที่ตายเพราะมีคดีความทางกฎหมาย (ถูกฆ่าตาย)

ถ้าผมตั้งใจจะทำทานครั้งนี้จริง สิ่งที่คิดและได้รับตามมา คือ
1. ผมจะได้มีผู้ใกล้ชิด ร่วมทำทานกับผม หากผมได้กุศลจากการทำทานครั้งนี้ ผู้ใกล้ชิดก้อจะได้รับด้วย
2. ผมต้องดูแลและปฎิบัติตัวเองให้อยู่ในกรอบของกฎหมายตลอดชีวิต หากการตายของผมเป็นการตายปกติ ผมถึงจะได้บุญนี้ กุศลจากความต้งใจนั้น ยังอยู่ที่ผม
3. อย่างน้อยผมจะได้เป็นครู มีลูกศิษย์ชุดสุดท้าย (ปกติมีอาชีพเป็นครูอยู่แล้ว) มีคนทำบุญ + จัดการศพให้ เมื่อจากไป อาจไม่ต้องเป็นภาระให้กับ เพื่อน ญาติพี่น้อง ซึ่งอาจมีครอบครัวไปแล้วในวันข้างหน้า ชื่อของเราจะอยู่ในความทรงจำของลูกศิษย์ชุดนั้น ไปตลอดที่เค้ายึดอาชีพการเป็นแพทย์รักษาคน

ผมไม่สนใจหรอกครับ ว่าจะได้บุญหรือไม่ มากน้อยอย่างไร ผมได้ประโยชน์ คนอื่นได้ประโยชน์ ไม่เห็นเหตุผลใดว่าทำไมจะไม่ดี...

หากเนื้อหนัง...เอ็นดวงตา...ของข้าน้อย...
แลกซักก้อย...ประโยชน์คุณ...ทุนความรู้...
ขออุทิศพลี...ณ ที่เย็น...เป็นบุญชู...
ความดีอยู่...คู่วิญญาณ...ตราบนานไป...