ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สัตว์ไถ่ชีวิต ถูกฆ่า!!!


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 hmongkon

hmongkon
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 12:25 PM

บังเอิญแวะผ่านไปเจอข้อความ เห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวกับนักสร้างบารมีที่ยังมีกิจกรรมปล่อยสัตว์ จึงนำมาเป็นหนึ่งกรณีศึกษา เพื่อขอคำแนะนำและป้องกัน หากจะอนุโมทนาบุญก็ย่อมเป็นที่ยินดี เพียงแต่ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์ผู้กระทำในเรื่องนี้เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว

ในวันพฤหัสที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา แฟนของผม ยืนรอรถเมล์อยู่บริเวณสำโรง เวลาประมาณบ่าย 5 โมงเย็น มีรถบรรทุกหมูที่จะไปส่งโรงฆ่าสัตว์แล่นผ่านมา ได้มีหมูตัวหนึ่ง ดิ้นรนหลุดออกจากกรง ตกลงมาจากรถกระบะ ลงมาอยู่ที่ริมฟุตบาท ตรงหน้าแฟนผม เกิดความสงสารสัตว์ที่จะถูกนำไปโรงฆ่า เธอโทรศัพท์หาผม
เราตกลงกันว่าจะติดต่อขอซื้อหมูตัวนั้น ในราคา 6000 บาท แล้วนำไปที่บ้านเรา ใน จ. สมุทรปราการ ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 กม.
มาวันแรกเค้ายังเดินไม่ได้ เนื่องจากเจ็บที่ขาหลังด้านขวา อีกทั้งน้ำหนักมากถึง 107 กิโล ร่วมกับเพลียจากการเดินทาง วันแรกจึงให้น้ำ ให้อาหาร แล้วมันก็นอนพัก เราก็เป็นห่วง กลัวมันจะไม่สบาย
เราได้ตั้งชื่อมันว่า เจ้าสำโรง ตามสถานที่ที่พบมัน
เช้าวันต่อมา อาการมันดีขึ้น สดใสขึ้น กินน้ำได้มาก เราได้ไปพาสัตวแพทย์ที่หน้าซอยบ้านมาตรวจ 2 ครั้ง แพทย์บอกว่าเจ้าสำโรงอ่อนเพลีย และเจ็บที่ขา ตรวจแล้วกระดูกไม่หัก แต่กล้ามเนื้ออักเสบ ให้นอนพักผ่อน
เนื่องจากเกรงใจเพื่อนบ้านที่ติดกัน เพราะเจ้าสำโรงร้องเสียงดัง จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี เนื่องจากเคยได้ยินว่าทางวัดรับสัตว์ที่ไถ่ชีวิต ทางวัดยืนยันว่ามีการรับเลี้ยงสัตว์ที่ไถ่ชิวิตจริงๆ แต่ที่นนทบุรีเต็มแล้ว ทางวัดมีสาขาที่ อ.กบิณทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี ชื่อมูลนิธิร่มโพธิ์แก้ว2 รับเลี้ยงสัตว์ที่ถูกไถ่ชีวิตทางวัดที่นนทบุรี ส่งวัว ควาย ไปไว้ที่นั่นแล้วสิบกว่าตัว รับเลี้ยงได้ จึงได้ติดต่อให้ทางวัดนำรถมารับ โดยจ่ายค่าขนส่ง 1000 บาท ตกลงให้มารับในวันเสาร์
ในวันเสาร์ วันนี้เป็นวันที่รถของทางวัดจะมารับเจ้าสำโรง วันนี้มันดีขึ้นมาก พยายามลุกเดิน 3 ขา แต่ยังไม่ค่อยไหว กินอาหารได้ดีขึ้นมาก เราเลี้ยงเจ้าสำโรงด้วยข้าว กล้วย ผักกาด ผักบุ้ง วันนี้เราเลยได้รู้ว่าเจ้าสำโรงชอบกินผักบุ้งมาก นึกแล้วก็ใจหายเหมือนกัน เพราะวันนี้รถจะมารับมันไปแล้ว
วันนี้เจ้าของเขียงหมูที่เราซื้อเจ้าสำโรงมา แวะมาเยี่ยมที่บ้านด้วย แล้วก็ให้คำแนะนำในการเลี้ยง รวมทั้งถามอาการเจ็บขาของมัน(เราเองก็คาดไม่ถึงว่าเจ้าของเขียงหมูจะเป็นห่วง ตามมาเยี่ยมถึงบ้านด้วย เค้าบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก เราบอกเค้าว่าวันนี้ทางวัดจะมารับมันไปเลี้ยงแล้ว ไม่ต้องมาแล้วก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆ )
ประมาณ บ่าย 3 โมง รถของทางวัดก็มารับ เราช่วยกันอุ้มเจ้าสำโรงขึ้นรถอย่างทุลักทุเล วันนี้เจ้าสำโรงร้องดังมากๆ เหมือนมันไม่อยากไป เราเองก็คิดถึงมัน เลยขอแผนที่ทางวัดไว้ เผื่อวันหลังจะตามไปเยี่ยม
ตกเย็น ไปงานรับปริญญาน้องชายแฟน กลับมานอนที่บ้าน นอนไม่ค่อยหลับ เพราะคิดถึงเจ้าสำโรง รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก น่าแปลกที่แฟนก็คิดเหมือนกัน วันรุ่งขึ้นจึงตัดสินใจไปเยี่ยมมันที่โน่นเลย เผื่อขาดเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจะได้ช่วยกัน
ไปถึงวัดตอนบ่ายๆ บริเวณมูลนิธิร่มโพธิ์แก้ว จะมีลักษณะเป็นโรงจำหน่ายของที่รับบริจาคมา มีการทำสวนพืชไร่หลายชนิด จึงไปติดต่อกับพระที่ดูแลที่นี่ บอกท่านว่ามาเยี่ยมเจ้าสำโรงที่รถนำมาส่งเมื่อวาน
ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่วัดและพระรูปอื่น ทำหน้าแปลกๆ และซุบซิบกันไปมา และได้เรียกพระท่านนี้เข้าห้องไปคุย ปิดประตูอยู่พักหนึ่ง ท่านก็ออกมา ผมเลยบอกว่ารบกวนท่านบอกทางไปที่เลี้ยงสัตว์ที่เจ้าสำโรงอยู่ เพราะว่าวันนี้ไปแวะซื้อผักบุ้งจากห้างมาหอบใหญ่ เพราะรู้ว่าเจ้าสำโรงชอบ พระท่านบอกว่าเดี๋ยวพาไปเอง ท่านพาเดินดูที่นั่น ที่นี่ พาไปดูสวน ผมก็บอกท่านว่าขอไปดูหมู ท่านก็บอกว่าทางนี้ พอไปถึงก็ไม่มี ท่านก็บอกว่าอยู่อีกที่หนึ่ง วนไปวนมานานถึง 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบ ระหว่างนั้นพระรูปนี้ก็เล่าว่า
วัวที่นี่ไม่มีแล้ว เนื่องจากนำไปจ่ายเป็นค่าตอบแทนชาวบ้านที่มาช่วยงานแทนเงินเดือน(แล้วชาวบ้านที่ได้วัวไป นำไปขายหรือฆ่าล่ะ)
ระหว่างเดินอยู่ พบคอกเลี้ยงลูกหมูป่าคอกเล็ก ๆ ประมาณ 10 ตัว ไม่พบวัวซักตัว
สถานที่นี้ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นที่พักพิงของสัตว์ที่มาพึ่งได้เลย ไม่มีคอก ไม่มีที่เลี้ยงดู หลังจากเดินมานานก็ยังไม่พบ จึงถามพระ ท่านก็บอกว่าหมูเมื่อวานป่วย นำไปส่งที่ปศุสัตว์แล้ว
ผมเลยถามท่านว่าปศุสัตว์ไปทางไหน จะตามไปเยี่ยม ท่านก็บอกว่าวันหยุดราชการไม่เปิด ผมก็ถามท่านว่าแล้วเมื่อวานวันหยุดราชการปศุสัตว์มาตรวจได้ยังไง ท่านก็เงียบไปบ่ายเบี่ยงต่างๆ แล้วบอกผมว่าเดี๋ยวต้องถามคนดูแลสัตว์อีกที ผมก็บอกว่างั้นขอพบ
พระบอกว่าคนนี้ไม่อยู่ กลับกรุงเทพ ผมบอกว่างั้นจะรอพบ สุดท้ายคนๆนี้ก็มา หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาบอกผมว่าหมูเมื่อวานป่วย เลยให้สัตวแพทย์มาดู และนำไปส่งที่ปศุสัตว์แล้ว ผมบอกจะตามไปดู ก็บอกว่าปิดราชการ ไปไม่ได้ ผมก็ถามว่าเมื่อวานสัตวแพทย์มาได้ยังไง เขาตอบว่า สัตวแพทย์มาดูแล้ว บอกว่าอาการมันหนัก เลยจัดการไปแล้ว!!!
ผมตกใจมากถามว่าสัตวแพทย์ที่มาดูชื่ออะไร จะตามไปถาม ถามไปถามมา สุดท้ายเขายอมรับว่าเขาฆ่าเจ้าสำโรงเอง โดยเชือดแบ่งเนื้อแจกจ่ายไปแล้ว และเขาบอกว่าขอรับผิดเอง โดยอ้างว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีคนตามมาดู เขาบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีคนที่ไถ่ชิวิตสัตว์ตามมาดู มีผมเป็นคนแรก ถ้ารู้ว่าผมมาคงไม่ฆ่าหรอก
ทั้งผม และแฟนผมเสียใจมาก นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ในวัด กับสัตว์ที่ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่า คิดไม่ถึงว่ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าสำโรงยังไม่ได้กินน้ำกินอาหารด้วยซ้ำ กลับถูกฆ่าเหมือนเราส่งมันไปยังโรงฆ่าสัตว์ ผมและแฟนผมเสียใจมาก เธอร้องไห้ตลอดเกือบทั้งวันหลังจากนั้น
ผมจึงคิดว่าอย่างน้อยเราต้องประกาศให้สังคมรับรู้ ถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น และคงต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ขอความเห็นใจจากสังคมด้วยครับ
นพ. ภูริภัทร ภูริพันธุ์ภิญโญ

ผมได้เปลี่ยนสรรพนาม ผู้ฆ่าเจ้าสำโรงจาก"มัน"เป็น"เขา" เพราะดูคุณหมอเจ้าของเรื่องผู้ใจบุญจะโกรธมาก




#2 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 03:47 PM

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม....


#3 Minnie

Minnie
  • Members
  • 57 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 03:53 PM

เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย แต่เอาเถอะค่ะ ถือว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้วที่ตั้งใจจะช่วยชีวิตสัตว์เอาไว้ ยังไงบุญก็เกิดขึ้นกับเรา ส่วนที่เหลือก็เป็นไปตามวิบากกรรมที่แต่ละชีวิตได้กระทำไว้ค่ะ

#4 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 05:08 PM

อ่านแล้วเศร้าครับ...แต่อย่างที่ท่านอื่นว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีอะไรมาต้านทานวิบากกรรมได้หรอกครับ เจ้าสำโรงคงมีบุญบ้างถึงได้รอดพ้นการโดนฆ่ามาได้ชั่วคราว แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าวิบากกรรมยังมีอยู่ ก็ต้องรับกรรมอยู่ดี เหมือน พุทธพจน์ที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#5 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 06:14 PM

น่าสลดใจ

#6 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 07:51 PM

วัดไหนคะ สงสัยวัดนี้ พระไม่มีศีลแล้วล่ะค่ะ ทั้งสั่งฆ่า ทั้งมุสา แบบนี้ควรร้องเรียนแก่เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด หรือทั่วประเทศ ให้รู้ให้เห็นกันไปเลย ว่าพระวัดนี้ไม่มีศีล แล้วก็หลอกลวงประชาชน

แต่ทางที่ชมรมปล่อยปลา บูชาเจดีย์ ได้จัดปล่อย โค เสมอๆ นั้น รับรองถึงความปลอดภัยของโคที่ปล่อยได้ค่ะ เพราะว่ามีการติดต่อ สอบถามอยู่บ่อยๆ และมีข้อรับประกันว่า ชาวนา ชาวไร่ ที่นำไปเลี้ยงนั้น จะไม่ฆ่าตัวที่ได้รับจากวัดไป แต่ถ้ามีลูกออกมา เค้าสามารถนำไปทำอะไรก็ได้

แต่พูดถึงนะคะ เราช่วยให้มันรอดพ้นการฆ่าจากโรงฆ่าสัตว์ได้ แต่การจะตามไปปกป้องดูแลต่อนั้น เป็นเรื่องที่สุดวิสัยจริงๆ ค่ะ เพราะคงจะตามไปดูแลได้ไม่หมด ก็ต้องวางอุเบกขา แล้วก็ถือเป็นกรรมของเขาจริงๆ ค่ะ อย่างน้อย เราก็ช่วยตัวที่เป็นพ่อแม่ได้ ช่วยให้เค้าพ้นจากการฆ่าได้ก็ถือว่าให้ชีวิตเป็นทานแล้ว คิดแบบนี้ก็แล้วกันนะคะ ใจจะได้ไม่เศร้าหมอง

#7 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:48 PM

เวรกรรมจริงๆ ครับ เรื่องแบบนี้ผมก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีเกิดขึ้นโดยเฉพาะกับวัด หรือมูลนิธิการกุศลยิ่งไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้เลยครับ
เรื่องนี้ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า การทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์โดยเฉพาะโค กระบือ หมู ในตัวอย่างนี้ เราไม่ควรทำบุญหวังแต่บุญเฉพาะหน้า แต่เราควรจะสงเคราะห์สัตว์นั้นเหมือนลูก เพราะชีวิตเขารอดมาได้เพราะเรา ถ้าเราไม่สงเคราะห์เขาต่อ เขาก็ตายเปล่าเท่านั้น
ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าสำโรง ที่คุณหมออุตส่าห์ปรารถนาดีหวังจะให้มันได้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่กลับต้องมาตายด้วยเหตุที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยครับ (กัมมุนา วัฏฏะตีโลโก : สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม)

***อุทาหรณ์บอกให้รู้ว่า จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราปล่อยโค กระบือ หมู ยกมือสาธุท่วมหัวขอบุญขอบารมี แต่พอลับสายตาเรามันกลับถูกฆ่า หรือถูกรถชนตายบุญแบบนี้เขาเรียกว่า "บุญหัวตอ" ครับ***

#8 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 12:16 AM

แรงใดก็ไม่แรงเท่าแรงกรรมจริงๆ

#9 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 12:49 AM

พระภิกษุไม่ควรจะมาทำหน้าที่ตรงนี้เลย
ไม่ว่าสัตว์นั้นจะเป็น หมา แมว หมู วัว อะไรก็ตาม
วัดก็น่าจะเป็นที่ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติศาสนกิจ ไม่ใช่โรงเลี้ยงสัตว์

"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#10 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 08:51 PM

เท่าที่ทราบพฤติกรรมนี้มีจริงๆผมเลยเลือกปล่อยกับมูลนิธิของในหลวงเพราะมี่การตรวจสอบทุกระยะ6เดือน-ปี
ซากสัตว์ยังต้องส่งกลับเลยครับ
เป็นคติเตือนใจที่ดีครับ
จักรตะวัน

#11 hmongkon

hmongkon
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 09:06 PM

เรื่องเจ้าสำโรง ถูกนำไปโหวตในเว็บพันธุ์ทิพย์

ส่วนคุณหมอภูริภัทร ได้อ่านข่าวจาก คมชัดลึก และคำสัมภาษณ์ รองนายก อบต.และปศุสัตว์อำเภอแล้วเกิดความไม่สบายใจ
http://www.komchadlu.../p1--15782.html

นายสาโรจน์ วงษ์เจริญสมบัติ ปศุสัตว์อำเภอกบินทร์บุรี ก็ได้รับคำยืนยันว่า
บ่ายวันที่ 21 มกราคม ได้รับแจ้งจากนายสมพงษ์
รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลลาดตะเคียน (อบต.)
และผู้จัดการฝ่ายบุคคลโครงการร่มโพธิ์แก้ว 2
ว่าได้รับบริจาคสุกรบาดเจ็บที่ขาหลังทั้งสองข้างและตายในวันรุ่งขึ้น
ให้ช่วยมาตรวจสอบ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นโรคระบาดร้ายแรง
แล้วจะระบาดไปถึงโค-กระบือในสถานีทดสอบพันธุ์สัตว์ปราจีนบุรีที่อยู่ใกล้เคียง

นายสาโรจน์ กล่าวว่า ได้เดินทางถึงโครงการร่มโพธิ์แก้ว 2 เวลา 10.30 น.วันที่
22 มกราคม ลักษณะภายนอกไม่พบบาดแผลถูกทุบหัวหรือแทงคอ
ยกเว้นรอยช้ำบริเวณสะโพกซ้ายช้ำมากและสีข้างซ้ายปรากฏรอยถลอก
เมื่อผ่าพิสูจน์ซากสุกรดูว่าเป็นโรคระบาดร้ายแรง เช่น โรคอหิวาต์
หรือปากเท้าเปื่อยหรือไม่ก็ไม่พบร่องรอยของการเป็นโรคระบาดใดๆ
แต่พบกระดูกซี่โครงซ้ายหัก 2 ซี่ ทิ่มปอด และมีเลือดคั่งบริเวณปอด ตับ ม้าม
สันนิษฐานได้ว่าสาเหตุนี้เองที่ทำให้สุกรตาย นอกจากนี้
ยังพบกระดูกขาหลังทั้งสองข้างหัก สะโพกซ้ายช้ำ
จึงทำรายงานส่งให้ปศุสัตว์จังหวัดรับทราบ

จากนั้น "คม ชัด ลึก" ได้เดินทางไปตรวจสอบที่โครงการร่มโพธิ์แก้ว 2 พบนายสมพงษ์
เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเมื่อวันที่ 23
มกราคม เวลาประมาณ 12.00 น.เจ้าของหมูเดินทางมาดูหมูที่โครงการ
ซึ่งวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่โครงการที่รู้เรื่องละเอียดไม่มีใครอยู่

คุณหมอภูริภัทรแจ้งว่า

ผมส่งเจ้าสำโรงไป ออกจากกรุงเทพ บ่าย 4 โมง วันที่ 21 ครับ
วันนั้นได้โทรถามคนขับรถด้วย พบว่า เจ้าสำโรงไปถึงเวลาประมาณ 20.00 น.
จึงเป็นไปไม่ได้ครับ ที่ปศุสัตว์จะได้รับแจ้งตั้งแต่ช่วงบ่าย (เพราะช่วงบ่ายเจ้าสำโรงยังอยู่ที่บ้าน )

และที่ออกมาบอกว่าสำโรงตายวันที่ 22 นายสาโรจน์ ปศุสัตว์ไปดูแล้วยืนยันว่าสำโรงตายแล้ว และเจ้าของหมูไปดูในวันต่อมา ประมาณเที่ยงวันที่ 23 ก็ไม่เป็นความจริงครับ
เพราะผมไปดูเจ้าสำโรงตั้งแต่วันที่ 22 แล้ว ส่วนในวันที่ 23 นั้น ผมได้มาตรวจรักษาคนไข้ที่ รพ.ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราชแล้วครับ

เพราะอะไรคำบอกจากทางสาขาที่นั่น ถึงขัดกับความเป็นจริงที่ผมได้เดินทางไป
และเหตุใด ในวันอาทิตย์ที่ 22 ผมติดต่อสัตวแพทย์ หรือปศุสัตว์ใด ไม่ได้เลย
ผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ
เหมือนกับขึ้นหลังเสือ
ทางโน้นพร้อมกว่า ความสามารถในการสื่อสารมากกว่า
เหตุใดพระพยอมท่านไม่หยุดคิดบ้าง ว่าข้อมูลที่ได้จากลูกน้องมีมูลความจริงขนาดไหน

ถ้าถึงขั้นฆ่าสัตว์ไถ่ชีวิตได้แล้ว ยากอะไรกับเรื่องโกหกอีก 1 เรื่อง เอกสารอีก 1 ฉบับ




#12 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 08:05 AM

ผมว่านี่เป็นเรื่องพระศาสนาแล้วหล่ะครับ ควรช่วยกันแก้ไข และคิดว่าที่คุณหมอเอามาแจ้งให้ทุกๆคนฟังไม่ใช่เพราะต้องการกำลังใจจากใคร แต่ต้องการให้ช่วยกับคุณหมอแก้ไข เรื่องวัดเป็นองค์กรศาสนาควรไปหาผู้รับผิดชอบส่วนนี้ให้สืบข้อมูลให้แน่ชัดว่าขายสัตว์ไปฆ่าจริงไหมไม่ใช่เฉพาะหมูตัวนี้แต่สัตว์ต่างๆที่ผ่านมาด้วย ถ้าไม่จริง พระศาสนาก็ไม่มัวหมอง ถ้าเป็นจริงก็แก้ไขให้เป็นวัดที่ดีต่อไป เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง(เฉยเมย) ต้องขจัดมารศาสนาออก(อันนี้ไม่ได้หมายถึงพระนะครับ แต่หมายตัวผู้ทำผิดในวัดไม่ว่าใครก็ตาม) จะได้รักษาศรัทธาและวัดในพระศาสนาต่อไปไม่ให้ใครมาทำลายวัด และควรแจ้งชมรมปล่อยปลาบูชาเจดีย์ในเรื่องดังกล่าวเพื่อจะได้ไม่เจอกรณีแบบนี้

#13 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 08:08 AM

นายกอบต.คลองสาม 12120 ไงครับ ช่วยเราได้ ได้ผลงานและผลบุญ ที่เคยออกมิวสิคในจานดาวธรรมไงครับ

#14 jeab18

jeab18
  • Members
  • 60 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 09:46 PM

สนับสนุนความจริงและความถูกต้องค่ะ ขอให้มูลนิธิชี้แจงให้กระจ่างขึ้นด้วยค่ะ

#15 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 10:10 AM

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมก็จริง คงต้องอุเบกขา แต่การหลอกลวงคนใจบุญโดยการหาประโยชน์จากการบริจาคทานของผู้ใจบุญเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขก่อนที่จะไม่มีใครเชื่อแม้นกระทั้งผู้อยู่ในผ้าเหลือง อีกอย่างอยากขอวิจารณ์ว้าพระที่อนุญาตให้มีการฆ่าสัตว์ควรถูกจับสึกออกไปจากวัด คุณหมอใช้สรรพนามว่ามันผมว่าผมในฐานะพุทธศาสนิกชนไม่ถือว่าหยาบคายเพราะผมไม่เคารพคนในคราบผ้าเหลืองเช่นนี้

#16 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 06 February 2007 - 01:34 PM

อ่านแล้วใจหาย สะท้อนใจจริง ๆ เ็ป็นกรรมเก่าของหมุ่ เป็นกรรมใหม่ของ*** ผมจะอุทิศบุญที่ผมร่วมทุกบุญของหลวงพ่อ บุญจะไปรอที่ยมโลก กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ

#17 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 July 2007 - 10:03 PM

อนุโมทนากับคุณหมอ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#18 Jengiskhan

Jengiskhan
  • Members
  • 560 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กุงเท่

โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 12:15 AM

ส่วนอันนี้เป็นคำชี้แจงจากทางวัดนะครับ

--------------------------------------------------------------------------------

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 9 ฉบับที่ 2344 ประจำวัน จันทร์ ที่ 4 สิงหาคม 2008
โดย พระพยอม กัลยาโณ


เรื่องนี้ต้องชี้แจงโทษวัดฆ่าหมูบริจาค
สิ่งเลวร้ายที่สุดตั้งแต่ตั้งวัดสวนแก้วขึ้นมาคือ การกล่าวหาว่าวัดนำหมูบริจาคไปฆ่ากิน วันนี้ผ่านมา 2 ปีกว่าแล้ว ข้อกล่าวหาก็ยังอยู่ ทั้งๆที่วัดเคยชี้แจงผ่านสื่อและมีการพิสูจน์ความจริงไปแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวก็ดูว่ายังไม่จบ

เรื่องที่อาตมาจะกล่าวนี้ได้ผ่านไปนานแล้วกว่า 2 ปี และอาตมาเองก็เคยชี้แจงต่อสาธารชนผ่านสื่อมวลชนไปแล้วหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่จบ เพราะยังมีคนเข้าใจผิดอยู่ เพราะเรื่องราวที่ทำให้เข้าใจผิดนั้นยังมีวนเวียนอยู่ในเว็บไซต์ ใน E-mail ซึ่งได้ส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ จึงทำให้เรื่องนี้ไม่จบสักที มันเหมือนเป็นการหยิบเอาเรื่องนี้มาดิสเครดิตกัน

เรื่องที่ว่าก็คือ กล่าวหาว่าวัดสวนแก้วเชือดหมูที่ชาวบ้านไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่านำไปเชือดกิน เรื่องนี้เป็นเรื่องหนังไม่ได้รองนั่ง เนื้อก็ไม่ได้กิน แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอ ถ้าใครได้อ่านในเว็บไซต์แล้วเชื่อตามนั้นก็คงบอกได้ว่า “หูเบา” เชื่อง่ายไปหน่อย เพราะมันส่อว่าเป็นความเสียหายต่อสังคมอย่างหนึ่งคือ ไม่สืบหาข้อมูลว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร

ถ้ายังไม่ทราบอาตมาจะบอกให้ เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ เมื่อ 2 ปีกว่ามีคนใจบุญพบกับเหตุการณ์รถขนหมูเข้าโรงฆ่าสัตว์ทำหมูตัวหนึ่งตกจากรถ และยังไม่ตาย ด้วยความสงสารคนใจบุญคนนั้นจึงขอไถ่ชีวิตหมู่ตัวนั้นมาในราคา 6,000 บาท แล้วนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน ปรากฏว่าหมูได้รับบาดเจ็บ ซี่โครงหักเข้าไปทิ่มปอด (รู้ทีหลังจากปากคำของสัตวแพทย์) ด้วยความเจ็บปวดหมูก็ร้องทั้งคืนจนชาวบ้านไม่พอใจ คนใจบุญจึงนำมาถวายให้วัดสวนแก้วซึ่งมีหมูอยู่แล้วหลายตัว จึงได้ส่งมอบไปให้โครงการร่มโพธิ์แก้วที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพราะที่นั่นยังรองรับได้และมีคนดูแลเยอะ

หลังจากหมูไปอยู่ที่โครงการร่มโพธิ์แก้ว สาขากบินทร์บุรีแล้ว เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ คนใจบุญผู้นี้ได้เดินทางไปเยี่ยมหมูอีกครั้งที่กบินทร์บุรี แต่ไม่พบหมูของตนจึงได้ถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโครงการ และไม่รู้สาเหตุการตายของหมู รู้แค่หมูตายและมีการชำแหละแบ่งเนื้อกัน จึงตอบไปตามภาษาชาวบ้านที่ไม่รู้และไม่ได้ระวังคำพูดว่า “เชือดแล้ว” ทำให้เจ้าของหมูคิดว่าเจ้าหน้าที่โครงการฆ่าหมูกินแล้ว จึงโกรธใหญ่ทั้งที่ยังไม่รู้ความจริง กลับมาเขียนข้อความหาว่าวัดสวนแก้วฆ่าหมูบริจาค ส่งเผยแพร่ทั้งทางเว็บไซต์และสื่อมวลชนจนเป็นข่าวครึกโครม จนมีคนด่าทั้งอาตมาทั้งวัดว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงเป็นวัดที่เลวทรามโหดร้าย ใจดำอำมหิต แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าคนใจบุญได้หรือไม่ ด่ากระทั่งวัดกระทั่งพระ บอกกับคนอื่นว่าตัวเองเป็นคนใจบุญ แต่เพราะหมูร้องด้วยความเจ็บปวดจนชาวบ้านรำคาญก็โยนภาระมาให้วัดกับพระ แล้วยังตามมาราวีให้ร้ายป้ายสีกับวัดอีก

ความจริงที่พิสูจน์ได้ก็คือ หมูตายตั้งแต่ 2 วันแรกที่ไปอยู่ที่นั่นแล้ว ตายด้วยอาการบาดเจ็บของมันเอง คนงานของโครงการร่มโพธิ์แก้วซึ่งเป็นชาวบ้านย่านนั้นพอพบว่าหมูที่บริจาคมา ตายจึงแจ้งต่อปศุสัตว์อำเภอ ซึ่งเป็นระเบียบของโครงการว่าถ้าสัตว์ในโครงการตายต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ปศุสัตว์ทราบเพื่อหาสาเหตุการตาย (เกรงว่าจะเป็นโรคติดต่อ) ผลการตรวจของปศุสัตว์คือ หมูตัวนี้ช้ำใน ประกอบกับกระดูกที่หักแทงเข้าที่ปอด เมื่อหมูตายและปศุสัตว์ยืนยันว่าไม่ได้เป็นโรคตาย เจ้าหน้าที่โครงการและชาวบ้านจึงชำแหละแบ่งเนื้อไปทำกิน ส่วนที่เหลือนำไปฝังเพราะกินไม่หมด

เรื่องที่เกิดจึงเป็นเพราะคนใจบุญนั้นไม่ได้ฟังหรือไม่พยายามเข้าใจ คิดแต่ว่าวัดเชือดหมูตัวเองไปกิน ที่วัดสวนแก้วไม่ว่าจะเป็นวัวก็ดี แพะก็ดี หมาก็ดี เลี้ยงไว้ตั้ง 700-800 ตัว ถามว่าถ้าโหดอย่างนั้นวัดจะเลี้ยงพวกนี้ไว้เป็นภาระทำไม อยู่แบบสบายๆไม่ต้องรับสัตว์พวกนี้มาเลี้ยงจะไม่ดีกว่าหรือ ตั้งแต่อาตมาตั้งวัดสวนแก้วขึ้นมายังไม่เคยมีใครมาใส่ร้ายให้เสียหายต่อชื่อ เสียงได้เท่ากับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย

อาตมาจึงอยากฝากไปยังเว็บไซต์ต่างๆว่า อยากให้ช่วยกันหยิบข้อความตรงนี้ลงไป เพื่อช่วยทำให้ข้อเท็จจริงกระจ่าง จะได้เกิดความเป็นธรรมกับวัดสวนแก้วบ้าง คำพูดที่เขาบอกว่าไม่ศรัทธาวัดนี้แล้วก็ไม่เป็นไร แต่เชื่อว่ายังมีคนเข้าใจวัดสวนแก้วอยู่ แต่ขออย่าพยายามดึงคนอื่นให้มาเข้าใจผิดๆแบบที่คุณเข้าใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง

อาตมาจึงขอชี้แจงความเป็นจริงให้ทราบอย่างที่ได้กล่าวมา หากใครมีข้อสงสัยหรืออยากรู้ว่าหมูตัวนี้ตายอย่างไรให้เช็กไปได้ที่ปศุสัตว์ อำเภอกบินทร์บุรี จะได้รู้ความจริง และไม่ต้องฟังความข้างเดียว น้ำหนักหูจะได้ไม่เอียงให้เสียศูนย์

เจริญพร

http://www.dailyworl....colum_id=11043


#19 Madar4u

Madar4u
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 08:48 PM

แล้วเจ้าของกระทู้ จะติดเศษกรรมมั้ยนี่... ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด...
อันนี้ไม่ได้ว่านะครับ แค่อยากจะเตือนว่าอะไรก็แล้วแต่ควรจะพิจารณาให้ดีก่อนที่จะเผยแพร่
มารทุกวันนี้เขาแรงมากครับ เขาทำวิชาแรงมากจริงๆ บางอย่างดูเผินๆ ดีมากๆ เลย แต่พอเราเข้าไปดูในละเอียดจริงๆ กับเป็นเครื่องมือของมารซะงั้น...

เป็นกำลังใจให้ทุกคนในการสร้างบารมีครับ... เดินวิชา 18 กาย ทุกวันนะครับ... อย่าประมาทกับชีวิตล่ะ




แล้ว ผู้ที่ร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณหมอนี่จะติดเศษกรรมมั้ยน้อ...
อย่างนี้แหละตกเป็นเครื่องมือของมารเพราะเราไม่หาข้อมูลที่เท็จจริง แต่กลับไปยินยอสรรเสริญตามกัน...
ต้องมีสตินะครับ ฟังให้เยอะ รับข้อมูลให้มาก อย่าฟังอะไรข้างเดียว... แล้วอย่าสรุปด้วยอารมณ์...