ขอให้แยกรางวัล world-pec เป็น 2 ประเภทใหญ่
เริ่มโดย paitoon, Dec 10 2008 05:07 PM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 05:07 PM
ผมได้สอบ world-pec มาทั้ง 2 ครั้งและทราบผลการสอบ
พบว่าผู้ทีได้รางวัลชนะเลิศทั้ง 2 ครั้งจะเป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างเพื่อนในรุ่นหนุ่มสาว ในขณะที่ผู้สมัครที่เป็นครอบครัว(เกี่ยวพันทางสายโลหิต) จะไม่สามารถทำคะแนนได้ถึง ซึ่งผมเห็นว่าผลการสอบที่ได้ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์เรื่องครอบครัวอบอุ่น ดังนั้นจึงเสนอให้แยกรางวัลเป็น 2 ประเภท คือ
1.รางวัลชนะเลิศจากทีมผู้สมัครที่เป็นครอบครัวจริงๆ
2.รางวัลที่เกิดจากรวมตัวของเพื่อนๆ (ไม่เกี่ยวกันทางสายโลหิต)
ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ
พบว่าผู้ทีได้รางวัลชนะเลิศทั้ง 2 ครั้งจะเป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างเพื่อนในรุ่นหนุ่มสาว ในขณะที่ผู้สมัครที่เป็นครอบครัว(เกี่ยวพันทางสายโลหิต) จะไม่สามารถทำคะแนนได้ถึง ซึ่งผมเห็นว่าผลการสอบที่ได้ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์เรื่องครอบครัวอบอุ่น ดังนั้นจึงเสนอให้แยกรางวัลเป็น 2 ประเภท คือ
1.รางวัลชนะเลิศจากทีมผู้สมัครที่เป็นครอบครัวจริงๆ
2.รางวัลที่เกิดจากรวมตัวของเพื่อนๆ (ไม่เกี่ยวกันทางสายโลหิต)
ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ
#2
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 05:27 PM
World-PEC ปีนี้ของในประเทศเปลี่ยนหนังสือแล้วนะจ๊ะ เป็น "ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก" นะ
#3
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 06:38 PM
ผมว่าประเด็นของการสอบไม่ใช่ชัยชนะ แต่อยู่การได้เข้าร่วมสอบนะ
เพราะถ้าใครได้เข้าสอบก็จะได้อ่านหนังสือ ซึ่งข้อความในหนังสือซึ่งเป็นธรรม
ก็จะเข้าไปอยู่ในใจของผู้อ่านทุกคน ซึ่งจะให้ทุกคนรู้หลักในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง
ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ และเป็นหัวใจของการสอบแข่งขันตอบปัญหาธรรมมะ ในทุกๆที่ ทั้งของวัดเรา และที่อื่นๆ
แต่หากอยากให้ทุกคนมีกำลังใจ จะแยกประเภทหรือ เพิ่มรางวัลก็ดีครับ
แต่ให้ดูตามความเหมาะสมน่าจะดีกว่า
เพราะถ้าใครได้เข้าสอบก็จะได้อ่านหนังสือ ซึ่งข้อความในหนังสือซึ่งเป็นธรรม
ก็จะเข้าไปอยู่ในใจของผู้อ่านทุกคน ซึ่งจะให้ทุกคนรู้หลักในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง
ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ และเป็นหัวใจของการสอบแข่งขันตอบปัญหาธรรมมะ ในทุกๆที่ ทั้งของวัดเรา และที่อื่นๆ
แต่หากอยากให้ทุกคนมีกำลังใจ จะแยกประเภทหรือ เพิ่มรางวัลก็ดีครับ
แต่ให้ดูตามความเหมาะสมน่าจะดีกว่า
#4
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 07:16 PM
ใช่ ใช่ เห็นด้วยกับคุณตำรวจรักบุญจ้ะ การเข้าร่วมสอบเป็นการวัดผลตัวเองว่าเราiรู้จักธรรมะดีแค่ไหน เข้าใจแค่ไหน นำไปใช้ได้มากน้อยแค่ไหน มีแค่รู้กับไม่รู้ ถ้าตอบไม่ได้ ก็แค่หาความรู้ในเรื่องนั้นเพิ่มก็แค่นั้นเอง ปีนี้ได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ด้วย ดีใจจัง
#5
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 08:32 PM
เห็นด้วยกับคุณตำรวจรักบุญ สาธุๆๆ.
#6
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 09:27 PM
ก็ถือเป็นข้อเสนอหนึ่งของ จขกท.
คงต้องกลับมาดูที่วัตถุประสงค์ของโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมนะครับ
1. เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกเกิดความสนใจใฝ่หาความรู้ในพระพุทธศาสนา สามารถนำพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ชาวโลก
2. เพื่อสร้างวัฒนธรรมการใฝ่หาความรู้และการใฝ่ทำความดีตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นแก่วิถีชีวิตของประชาชนทั่วไปอันเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีอายุยืนยาวไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานนานนับพันปี
3. เพื่อสร้างความมั่นคงในการปลูกฝังศีลธรรม ด้วยการสร้างกิจกรรมที่ผนึกบ้าน วัด โรงเรียนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อันจะส่งผลให้คนในสังคมทั่วประเทศ ทุกทวีปทั่วโลก เกิดทีมที่มีศักยภาพในการสร้างความดี และสร้างครูสอนศีลธรรมที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งในการพัฒนาสังคมให้ถูกทำนองคลองธรรม
รางวัลเกียรติยศถือเป็นเรื่องรอง เป็นผลหรือของขวัญจากการเตรียมตัวและความพร้อมของผู้สอบ ผู้ที่ได้รางวัลจึงเสมือนตัวแทนของผู้เข้าสอบทุกๆคน ซึ่งผู้มีโอกาสเข้าสอบทุกคนควรภูมิใจและเกิดมุฑิตาจิต
รางวัลหลักคือ การนำความรู้ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวได้ค้นคว้า รวบรวม กลั่นออกมาเรียบเรียง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตการครองเรือน นำมาเกิดสันติสุขในสังคมในปัจจุบันและภายภายหน้า
คงต้องกลับมาดูที่วัตถุประสงค์ของโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมนะครับ
1. เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกเกิดความสนใจใฝ่หาความรู้ในพระพุทธศาสนา สามารถนำพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ชาวโลก
2. เพื่อสร้างวัฒนธรรมการใฝ่หาความรู้และการใฝ่ทำความดีตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นแก่วิถีชีวิตของประชาชนทั่วไปอันเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีอายุยืนยาวไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานนานนับพันปี
3. เพื่อสร้างความมั่นคงในการปลูกฝังศีลธรรม ด้วยการสร้างกิจกรรมที่ผนึกบ้าน วัด โรงเรียนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อันจะส่งผลให้คนในสังคมทั่วประเทศ ทุกทวีปทั่วโลก เกิดทีมที่มีศักยภาพในการสร้างความดี และสร้างครูสอนศีลธรรมที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งในการพัฒนาสังคมให้ถูกทำนองคลองธรรม
รางวัลเกียรติยศถือเป็นเรื่องรอง เป็นผลหรือของขวัญจากการเตรียมตัวและความพร้อมของผู้สอบ ผู้ที่ได้รางวัลจึงเสมือนตัวแทนของผู้เข้าสอบทุกๆคน ซึ่งผู้มีโอกาสเข้าสอบทุกคนควรภูมิใจและเกิดมุฑิตาจิต
รางวัลหลักคือ การนำความรู้ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวได้ค้นคว้า รวบรวม กลั่นออกมาเรียบเรียง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตการครองเรือน นำมาเกิดสันติสุขในสังคมในปัจจุบันและภายภายหน้า
ไฟล์แนบ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#7
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 09:45 PM
แหะ แหะ ขอค้านหน่อยค่ะ สอบเป็นทีมกับครอบครัวทั้งสองครั้ง
ลูกทีม เอ๊ย แม่ทีม เป็นคุณแม่อายุ 72
และก็ได้รางวัลด้วยค่ะ
ได้ผ่านด่านปรนัย (คะแนน 90 ขึ้นไป) แต่แป้กอัตนัยค่ะ
คือว่า เขียนไม่ทันน่ะ
สู้ทีมเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ในสนามสอบเดียวกันไม่ได้
ลูกทีม เอ๊ย แม่ทีม เป็นคุณแม่อายุ 72
และก็ได้รางวัลด้วยค่ะ
ได้ผ่านด่านปรนัย (คะแนน 90 ขึ้นไป) แต่แป้กอัตนัยค่ะ
คือว่า เขียนไม่ทันน่ะ
สู้ทีมเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ในสนามสอบเดียวกันไม่ได้
#8
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 09:59 PM
ขอเสริมอีกนิด
การที่เราเข้าร่วมแข่งขันตอบปัญหาธรรมมะ ไม่ว่ารายการใดๆก็ตาม
การที่เรายังไม่สามารถทำคะแนนได้ถึงระดับที่จะได้รับรางวัลนั้น ดูจะเป็นผลดีกว่าการได้รับรางวัลคือ
นั่นย่อมแสดงว่าเรายังรู้ไม่รอบในหัวข้อธรรมที่ใช้แข่งขัน เราจะได้กลับมาศึกษาต่อ เพื่อการแข่งันรอบหน้า
เราจะได้เข้าใกล้รางวัลมากขึ้นอีก และในขณะเดียวกันเมื่อเราได้ศึกษาธรรมมะเข้มข้นขึ้นเช่นนี้
ย่อมจะทำให้เรามีมุมมองต่อโลกและชีวิตเปลี่ยนไป และดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ถูกทางของพระอริยเจ้ามากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าหากได้ศึกษาจากหนังสือจนแน่ใจว่ารู้ละเอียดแล้ว ยังสอบไม่ได้รางวัลอีก ให้ศึกษาจากการปฏิบัติตามธรรมนั้นดู
เราก็จะได้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้นไปอีก ลองคิดดูว่าคนที่ได้รับรางวัลมีไม่กี่คน
แต่คนที่ไม่ได้รางวัลมีเยอะกว่ามาก หากทุกคนกลับมาอ่านธรรมมะเพิ่ม มาลองปฏิบัติตามที่ได้อ่านมากันทุกคน
คนเหล่านั้นก็จะเป็นคนดีขึ้นเรื่อยๆ และหากทุกๆคนในโลกมาร่วมสอบ แล้วกลับไปศึกษาธรรมมะเพิ่มกันอย่างนี้
โลกจะเป็นอย่างไรหนอ อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจังเลย
สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เริ่มไว้นี้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะมีผลต่อเราทุกคน ทำให้อยากศึกษาธรรมมะ
เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนี่เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของงานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ทำไว้ให้แก่พวกเรา
"ประดุจดังตะวันธรรมนำชีวิต พระอุทิศกายใจทำไมหนอ ลำพังตัวพระเองก็สุขพอ ใยต้องรอผองเราเข้าถึงธรรม"
การที่เราเข้าร่วมแข่งขันตอบปัญหาธรรมมะ ไม่ว่ารายการใดๆก็ตาม
การที่เรายังไม่สามารถทำคะแนนได้ถึงระดับที่จะได้รับรางวัลนั้น ดูจะเป็นผลดีกว่าการได้รับรางวัลคือ
นั่นย่อมแสดงว่าเรายังรู้ไม่รอบในหัวข้อธรรมที่ใช้แข่งขัน เราจะได้กลับมาศึกษาต่อ เพื่อการแข่งันรอบหน้า
เราจะได้เข้าใกล้รางวัลมากขึ้นอีก และในขณะเดียวกันเมื่อเราได้ศึกษาธรรมมะเข้มข้นขึ้นเช่นนี้
ย่อมจะทำให้เรามีมุมมองต่อโลกและชีวิตเปลี่ยนไป และดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ถูกทางของพระอริยเจ้ามากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าหากได้ศึกษาจากหนังสือจนแน่ใจว่ารู้ละเอียดแล้ว ยังสอบไม่ได้รางวัลอีก ให้ศึกษาจากการปฏิบัติตามธรรมนั้นดู
เราก็จะได้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้นไปอีก ลองคิดดูว่าคนที่ได้รับรางวัลมีไม่กี่คน
แต่คนที่ไม่ได้รางวัลมีเยอะกว่ามาก หากทุกคนกลับมาอ่านธรรมมะเพิ่ม มาลองปฏิบัติตามที่ได้อ่านมากันทุกคน
คนเหล่านั้นก็จะเป็นคนดีขึ้นเรื่อยๆ และหากทุกๆคนในโลกมาร่วมสอบ แล้วกลับไปศึกษาธรรมมะเพิ่มกันอย่างนี้
โลกจะเป็นอย่างไรหนอ อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจังเลย
สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เริ่มไว้นี้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะมีผลต่อเราทุกคน ทำให้อยากศึกษาธรรมมะ
เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนี่เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของงานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ทำไว้ให้แก่พวกเรา
"ประดุจดังตะวันธรรมนำชีวิต พระอุทิศกายใจทำไมหนอ ลำพังตัวพระเองก็สุขพอ ใยต้องรอผองเราเข้าถึงธรรม"
#9
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 10:22 PM
เจ้าของกระทู้คงต้องการลุ้นรางวัลบ้าง เอาเป็นว่ายังไงก็ร่วมสอบนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้อีกคนละกันสู้ สู้
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ = กายเป็นที่พึ่งแห่งกาย
#10
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 10:40 PM
ผม ขอขอบคุณมากๆครับสำหรับทุกความเห็น
ที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็เพราะสอบครั้งที่แล้วทีมผมสอบกัน 3คน พ่อแม่ลูก ได้คะแนน 91 (เกือบติดtop10)
ซึ่งผมก้เข้าใจว่าทุกคนก็พยายามกันทุกคน แต่การรวมทีมแบบครอบครัวก็มีความพิเศษอยู่ ขณะเดียวกันก็เป็นความยากที่ฟอร์มทีมให้เข้มแข็งพอเพื่อแข่งกับทีมที่มาจากเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน
ถ้าให้เปรียบก็เหมือนกับการแข่งกีฬา ที่ในประเภทนั้นๆยังต้องแบ่งตามอายุ,น้ำหนัก
และส่วนตัวแล้วยังคิดว่าควรให้ความสำคัญกับทีมแบบครอบครัวมากกว่าทีมแบบเพื่อนด้วยซ้ำไป
ที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็เพราะสอบครั้งที่แล้วทีมผมสอบกัน 3คน พ่อแม่ลูก ได้คะแนน 91 (เกือบติดtop10)
ซึ่งผมก้เข้าใจว่าทุกคนก็พยายามกันทุกคน แต่การรวมทีมแบบครอบครัวก็มีความพิเศษอยู่ ขณะเดียวกันก็เป็นความยากที่ฟอร์มทีมให้เข้มแข็งพอเพื่อแข่งกับทีมที่มาจากเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน
ถ้าให้เปรียบก็เหมือนกับการแข่งกีฬา ที่ในประเภทนั้นๆยังต้องแบ่งตามอายุ,น้ำหนัก
และส่วนตัวแล้วยังคิดว่าควรให้ความสำคัญกับทีมแบบครอบครัวมากกว่าทีมแบบเพื่อนด้วยซ้ำไป
#11
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 11:25 PM
เห็นด้วยกับทุกคำตอบเลยค่ะ แต่ก็ต้องรับฟังความเห็นทุกความเห็นนะคะเพราะหากดีเราก็จะนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมได้ค่ะ