ขอแสดงความคิดเห็นอีกแง่มุมนึงนะครับ
เท่าที่อ่านดูผมเชื่อว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้ออกห่างจากพระพุทธศาสนาเลย ยังคงทำบุญอย่างปกติและก็ไม่ได้คิดที่จะห้ามคุณยาย เลิกทำบุญ
แต่เนื่องจากการทำบุญนั้นต้องประกอบด้วยปัญญา ถ้าการทำบุญที่ขาดปัญญานอกจากจะได้บุญน้อยแล้ว อาจจะไม่ได้เลย
เริ่มจากต้องเข้าใจเรื่องของกรรมก่อนว่า มนุษย์เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม สิ่งที่ได้รับไม่ว่าสุขหรือทุกข์ล้วนเกิดมาจากการกระทำ
ของตัวเองมาแต่อดีตชาติทั้งนั้น เพียงแต่ บุญหรือ บาปที่เราได้ทำ ในชาตินี้ เป็นตัวช่วยเบียดเบียนและส่งเสริม ให้วิบากกรรม ทั้งดีและไม่ดีแต่อดีตชาติส่งผลให้เร็วขึ้นเท่านั้น
เจตนาในการให้ทาน 3 ระยะ เป็นส่วนหนึ่งของชนกกรรม ที่จะนำท่านไปเกิดในภพภูมิต่อไป
1.ก่อนให้ทาน
2.ขณะให้ทาน
3.หลังให้ทาน
ถ้าเจตนาให้ทานบริสุทธิ์ (เงินหรือสิ่งของ)ครบทั้ง 3 กาล ผู้ให้ทานย่อมเกิดมาเสวยสุขตั้งแต่เกิดจนถึงบั้นปลายของชีวิต
ถ้าเจตนาไม่บริสุทธิ์ในระยะแรก แต่บริสุทธิ์ในระยะที่2-3 คือแรกๆไม่คิดจะทำ แต่ในขณะที่ทำทานอยู่นั้นเกิดศรัทธาและพอหลังทำไปแล้วคิดถึงเมื่อไหล่ก็เกิดปิติ เกิดภพชาติหน้า จะเกิดในสภาพที่ ยากจนข้นแค้นอัตคัดฝืดเคือง อยู่อย่างลำบาก ต่อเมื่อถึงวัยกลางคนบุญของระยะที่ 2 ได้ช่องทำให้ผู้นั้นร่ำรวยเงินทอง บุญระยะที่3ก็ส่งผลให้ สุขสบายไปจนถึงบั้นปลายชีวิต
ถ้าเจตนาบริสุทธิ์เพียงระยะสุดท้าย คือก่อนให้ก็ไม่ศรัทธา ขณะให้ก็ไม่ศรัทธา ต่อมาในภายหลังรู้เรื่องในพระพุทธศาสนา เกิดศรัทธาขึ้น นึกถึงบุญที่เคยทำเอาใว้ ก็เกิดปิติทุกครั้ง เกิดภพชาติต่อไป ท่านก็จะลำบากตั้งแต่เกิด ต้องต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงชีพแบบอดมื้อกินมื้อ จนล่วงเข้าวัยกลางคน ก็ยังต้องดิ้นรน ทำมาหากินอย่างลำบาก ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ จนล่วงเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต บุญระยะที่ 3 จึงได้ช่องส่งผลให้ได้อยู่อย่างสุขสบาย
ไม่ต้องลำบากอีก
ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ในการให้ทานระยะแรกคือระยะที่ 1 แต่หลังจากนั้น เกิดหมดศรัทธา ในระยะที่ 2และ3 ท่านผู้นั้น ก็จะเกิดมาบนกองเงินกองทอง เช่นรับมรดกมา แต่พอเข้าสู่วัยกลางคนบุญที่ทำก็อ่อนกำลังลง ทำให้ทรัพย์ที่ได้มาเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันเป็นอันต้องล้มละลาย หมดเนื้อหมดตัว ต้องยากจนไปตลอดจนถึงบั้นปลายของชีวิต
ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ในระยะที่1และที่2 คือให้ด้วยความศรัทธาทั้งก่อนให้และขณะให้ แต่พอหลังจากนั้น จะด้วยเหตุผลอันไดก็แล้วแต่ เกิดเสียดายไม่น่าไปทำเลย หวนนึกถึงทีไรก็ ทุกข์ใจ เกิดภพชาติต่อไปชนกกรรมก็จะนำผู้นี้ไปเกิดในที่สุขสบาย มีทรัพย์สินเงินทอง มีความเป็นอยู่ไม่ลำบาก จนเข้าสู่วัยกลางคนก็ยังเป็นอยู่อย่างสุขสบาย จนกระทั่งเข้าสู่วัยชรากำลังของบุญที่หมดศรัทธาในระยะที่3 ก็ทำให้
ท่านผู้นี้ต้องมาลำบากเอาตอนแก่ ลูกเต้าทิ้งขว้างต้องไปอาศัยวัด หรือบ้านคนชรา ต้องอยู่อย่างลำบาก ไปจนถึงบั้นปลายของชีวิตเลย
นี่เป็นอุทาหรณ์ให้เจ้าของกระทู้ได้มีสติในการที่จะบอกกับยาย ที่จะลดการทำบุญให้น้อยลง เพราะถ้า จขกท สื่อสารให้คุณยายผิด โดยสื่อสารแล้ว ทำให้คุณยายคิดว่า ที่เป็นหนี้เป็นสินนี้เนื่องจากคุณ ยาย นำเงินไปทำบุญ เกิดยายระลึกถึงเงินที่ทำไปแล้ว และเกิดเสียดายขึ้นมา นอกจากไม่เป็นผลดีกับคุณยายแล้ว ตัวเจ้าของกระทู้จะได้รับ บาปติดตัวไปด้วย สุดท้ายผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท แก้ไขสถานการณ์ได้ลุล่วงนะครับ
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: สาคร
สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 764
- ดูโปรไฟล์ 17928
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
โพสต์ที่ฉันโพสต์
ในกระทู้: มีเรื่องเดือดร้อนที่ไม่เข้าใจอยากถามสมาชิกคะ
20 April 2010 - 01:44 PM
ในกระทู้: ***ถามเรื่องการ กินน้ำปัสสวะ ของพระ***
30 October 2009 - 08:25 AM
ขออนุโมทนาสาธุ กับหลวงพี่ด้วยครับ
ผมลองกินน้ำ ปัสสาวะ ของผมแบบสดๆแล้ว รู้สึกกระอักกระอ่วนยังไงไม่รู้ครับ
เดี๋ยวจะนำมาลองดองกับสมอดู เผื่อจะกินง่ายขึ้น
ผมลองกินน้ำ ปัสสาวะ ของผมแบบสดๆแล้ว รู้สึกกระอักกระอ่วนยังไงไม่รู้ครับ
เดี๋ยวจะนำมาลองดองกับสมอดู เผื่อจะกินง่ายขึ้น
ในกระทู้: ***เราประเคน ของแบบผิดๆ ทำให้พระต้องอาบัติ ***
21 October 2009 - 09:55 AM
ขอบคุณกับ คำชมของคุณหัดฝัน
อธิบายเกี่ยวกับคำว่า หัตถบาส อยู่ในข้อ 2
1หัตถบาส=ประมาณ 1เมตรกับอีก 15 เซ็นติเมตร
ที่บอกว่าอ่านแล้วเข้าใจยาก ก็เพราะ ไม่กล้าตัดทอน จากข้อความเดิมของ อรรถกถามหาวิภังค์ เขานะครับ
แต่ถ้าอ่านบ่อยๆจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ
อธิบายเกี่ยวกับคำว่า หัตถบาส อยู่ในข้อ 2
1หัตถบาส=ประมาณ 1เมตรกับอีก 15 เซ็นติเมตร
ที่บอกว่าอ่านแล้วเข้าใจยาก ก็เพราะ ไม่กล้าตัดทอน จากข้อความเดิมของ อรรถกถามหาวิภังค์ เขานะครับ
แต่ถ้าอ่านบ่อยๆจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ
ในกระทู้: ***เป็นเทวดา ที่น่าเกลียด***
25 June 2009 - 10:42 AM
สาธุกับทุกคำตอบครับ
ในกระทู้: ถ้าตกใจในสมาธิ
18 June 2009 - 08:36 AM
แทบจะทุกคนที่จะต้องผ่านจุดนี้
ต้องนิ่ง อะไรที่มากระทบ มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป ไม่ต้องไปใส่ใจ
พอหลุดจากจุดนี้ไปแล้ว จิตจะดิ่งลงไปอีก ถึงที่เขาเรียกว่า อุปจาระ
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว คุณจะยังได้ยินเสียงรอบข้าง แต่ก็สักแต่ว่าได้ยิน แต่จะไม่รู้สึกรำคาญเลย
ต่อจากนั้น คุณอาจจะได้เห็นนิมิต ก็อย่าไปตกใจ ประคอง จิต ให้นิ่ง อย่าไปสนใจ(เห็นก็สักแต่ว่าเห็น)
เพราะถ้าสนใจ แล้วไปเพ่งดูนิมิต เจ้านิมิตที่เห็นก็จะหายไป เนื่องจากสมาธิคุณ กำลังยังไม่พอ
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ประสบการณ์นี้ผมเจอมาแล้ว
ต้องนิ่ง อะไรที่มากระทบ มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป ไม่ต้องไปใส่ใจ
พอหลุดจากจุดนี้ไปแล้ว จิตจะดิ่งลงไปอีก ถึงที่เขาเรียกว่า อุปจาระ
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว คุณจะยังได้ยินเสียงรอบข้าง แต่ก็สักแต่ว่าได้ยิน แต่จะไม่รู้สึกรำคาญเลย
ต่อจากนั้น คุณอาจจะได้เห็นนิมิต ก็อย่าไปตกใจ ประคอง จิต ให้นิ่ง อย่าไปสนใจ(เห็นก็สักแต่ว่าเห็น)
เพราะถ้าสนใจ แล้วไปเพ่งดูนิมิต เจ้านิมิตที่เห็นก็จะหายไป เนื่องจากสมาธิคุณ กำลังยังไม่พอ
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ประสบการณ์นี้ผมเจอมาแล้ว
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: สาคร
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·