สรุปกรณีศึกษากฎแห่งกรรม
เรื่องคุณจะเลือกใคร ก็แล้วแต่ใจของคุณ
วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2549
เรื่องคุณจะเลือกใคร ก็แล้วแต่ใจของคุณ
วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2549
เจ้าของเคสเป็นคนไทยอยู่ที่เยอรมัน เข้าวัดเมื่อมิย. 48 ด้วยจูนพบสัญญาณดาวธรรมเข้าด้วยความบังเอิญ คุณพ่อเจ้าของเคสเป็นชาวบางแคมีรูปร่างหน้าตาดี และมาพบรักกับคุณแม่ที่เป็นชาวบางมด แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันที่สลัมคลองเตย ชีวิตส่วนใหญ่ของคุณพ่อจะหมดไปกับการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หาเรื่องชกต่อยผู้คนไปวันๆ และยังตั้งตนเป็นนักเลงประจำสลัมอีกด้วย หาเรื่องเดือดร้อนเสียเงินมาให้ครอบครัวเสมอ ซ้ำยังมีสาวๆ มาควงให้คุณแม่เห็นเป็นประจำอีกด้วย บั้นปลายชีวิตของท่านได้อาศัยอยู่กับภรรยาน้อย ขณะนี้ท่านมีอายุได้ 78 ปีแล้ว
คุณแม่เจ้าของเคสเป็นคนดี มีอาชีพค้าขาย ท่านมีลูกทั้งหมด 7 คน ผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 2 คน เจ้าของเคสเป็นลูกสาวคนที่ 4 ตลอดชีวิตของคุณแม่พบแต่ความลำบากต้องหาบเร่ค้าขายของเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว โดยที่คุณพ่อไม่เคยช่วยเหลือเลย บ่อยครั้งที่เห็นท่านร้องไห้ แต่ท่านก็ต้องทนอยู่กับคุณพ่อเพราะรักลูกๆ ท่านต้องตื่นขายของตั้งแต่ตี 3 กลับบ้านอีกทีก็หลัง 2 ทุ่ม ถ้าวันไหนไม่กลับดึกก็จะคอยสอนลูกๆ ว่า " ทำงานมาเหนื่อยมาก ต้องกินดีอยู่ดี เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องกินให้ดี กินให้อิ่ม " ท่านจะเสียสละให้ทุกคนในบ้านกินข้าวให้อิ่มก่อนทุกมื้อ แล้วท่านจะทานเป็นคนสุดท้าย โดยเฉพาะช่วงมื้อเย็น 3-4 ทุ่ม หลังจากกลับค้าขายจะเห็นท่านหลับคาจานข้าวที่ทานอยู่เป็นประจำ และด้วยความขยันของท่านจึงมีหัวหน้าจับกังท่าเรือคลองเตยคนหนึ่งชวนท่านไปทำงานด้วย โดยให้เป็นหัวหน้าจับกังคุมคนงานซึ่งในตอนนั้นมีคนงานเป็นพันคน แบกหามสินค้าส่งออกที่ท่าเรือ แม้แต่คุณแม่เองก็ต้องแบกหามเหมือนกับคนงานเหล่านั้นด้วย ท่านทำงานหามรุ่งหามค่ำ เวลาพักผ่อนแทบไม่มี ท่านจึงล้มป่วยด้วยโรคความดันสูง และโรคเบาหวาน ต่อมาปี 2543 ท่านป่วยเป็นโรคตาต้อทั้ง 2 ข้าง จึงไปหาหมอเพื่อรักษาลอกต้อออก แต่รักษาได้เพียง 3 วัน ตาทั้งสองข้างของท่านก็บอดสนิท จึงเป็นเหตุให้ท่านล้มก้นกระแทกพื้นเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว ต้องนอนอยู่บ้านเฉยๆ ซ้ำยังมาทราบข่าวร้ายว่าลูกชายตายด้วยโรคอาหารเป็นพิษ จึงทำให้ท่านตรอมใจ โรคความดันสูงและโรคเบาหวานจึงกำเริบ และเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 66 ปี
เจ้าของเคสตั้งแต่เกิดอาศัยอยู่ที่สลัมคลองเตย โตขึ้นมาก็ไม่ได้เรียนหนังสือ จนอายุได้ 11 ขวบ ถูกเกณฑ์เข้าโรงเรียนเทศบาลเรียนจบแค่ป.1 ก็ต้องออกมาช่วยค้าขายหางานทำช่วยคุณแม่ พออายุได้ 12 ปี ก็ไปรับจ้างก่อสร้างได้เงินมาเท่าไหร่ก็ให้คุณแม่หมด พออายุได้ 17 ปี จึงไปเป็นลูกจ้างจับกังเรือคลองเตยช่วยคุณแม่ (ซึ่งตอนนั้นเป็นหัวหน้าจับกัง) ช่วงนั้นคุณแม่ทาบทามผู้ชายมาให้แต่งงานด้วย แต่เจ้าของเคสไม่ได้ชอบเลย พอใกล้วันแต่งงานเจ้าของเคสจึงให้เพื่อนจับกังคนหนึ่งซึ่งนับถือเป็นพี่ชายพาหนีไป แต่เหมือนหนีเสือปะจระเข้เพราะเค้าพาเจ้าของเคสหนีไปอยู่บ้านพ่อแม่ของเค้าที่จ.นครปฐม แล้วขืนใจจนตั้งท้องได้ 6 เดือน และเพิ่งมารู้ว่าเค้ามีภรรยาและลูกอยู่ก่อนแล้ว แม่ของเค้าก็ดุด่าด้วยคำหยาบคายกับเจ้าของเคสทุกวัน เจ้าของเคสทนไม่ไหวจึงกลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่จนคลอดบุตรสาวเค้าจึงตามมาอยู่ด้วย แต่อยู่ได้ไม่นานเค้าก็หนีไปอีก
ตอนอายุ 18 ปี ก็มีหนุ่มๆ เข้ามาจีบ แต่เจ้าของเคสก็ไม่ได้ชอบใครเลย แล้ววันหนึ่งก็ถูกคนงานที่ท่าเรือคนหนึ่งข่มขืน แต่เจ้าของเคสไม่เอาเรื่องและไม่ยุ่งเกี่ยวอีกเพราะเค้ามีภรรยาอยู่แล้ว จนอายุ 20 ปี เจ้าของเคสก็ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ลูกสาวก็โตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคุณแม่ก็ตกงานเพราะไปทะเลาะกับผู้คุมหัวหน้าจับกังท่าเรือ ช่วงนั้นไปทำงานที่ไหนใครก็ไม่รับ จึงอดข้าวกันทั้งบ้านเป็นเวลา 2 อาทิตย์ กินแต่หน่อไม้รองท้องทุกวัน คุณแม่จึงไปถามเพื่อนบ้านว่ามีงานอะไรให้เจ้าของเคสทำบ้างจะเป็นงานทำความสะอาดหรือคนรับใช้ก็ได้ แต่เพื่อนบ้านได้พาไปขายบริการ เจ้าของเคสทำงานอยู่ 2 ปีก็พลาดตั้งท้องได้ 4 เดือน โดยที่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเด็กเป็นใครในที่สุดจึงทำแท้ง พอตกดึกคืนหนึ่งก็ฝันว่ามีเด็กผู้ชายมานั่งอยู่บนท้องและพูดว่า " แม่ใจร้าย แม่ฆ่าหนูทำไม " เจ้าของเคสตอบในความฝันว่า " แม่จำเป็นเพราะไม่มีเงิน กลัวลูกจะอดอยาก " เด็กคนนั้นก็พูดว่า " หนูจะเกิดเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ให้ได้ " หลังจากนั้นเจ้าของเคสจึงผวาตื่นด้วยความหวาดกลัวมาก
ตอนอายุ 22 ปี ในคืนหนึ่งขณะที่ทำงานในสถานบริการอยู่นั้น ก็มีหนุ่มชาวเยอรมันคนหนึ่งมาเที่ยว และเจ้าของเคสก็เป็นคนดูแลเค้าในวันนั้นด้วย ครั้งแรกที่เค้าพบเจ้าของเคสเค้าก็บอกว่าชอบมาก พร้อมให้เงินจำนวนหนึ่งไว้ช่วยเหลือทางบ้านเจ้าของเคสด้วย อยู่ด้วยกัน 3 วัน เค้าก็บินกลับเยอรมัน หลังจากนั้นก็เค้าก็เขียนจดหมายมาบอกว่า " ผมรักคุณ รักมากอยากแต่งงานกับคุณ " พร้อมถามความรู้สึกของเจ้าของเคสด้วย ขณะนั้นเจ้าของเคสยังไม่มีใครจึงตอบไปว่า " ฉันก็ชอบคุณ และจะแต่งงานด้วย " หลังจากนั้นเค้าก็บินกลับมาแต่งงานแล้วก็พาไปอยู่ที่เยอรมันด้วยกัน ตอนนั้นเจ้าของเคสอายุ 25 ปี
เมื่อปี 2535 เจ้าของเคสอายุ 30 ปี ได้ตั้งครรภ์แล้วคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย พอลูกชายอายุได้ 7 ขวบ จึงทราบว่าสามีไปมีภรรยาน้อย แรกๆ เจ้าของเคสทำใจไม่ได้ ทำประชดทุกอย่าง แม้แต่หันกลับไปขายบริการอีกครั้ง แต่สามีก็ไม่แคร์และไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัวอีกด้วย ยิ่งทำให้เจ้าของเคสเจ็บช้ำใจมาก วันหนึ่งจึงยื่นคำขาดกับสามีว่า " ระหว่างฉันกับเธอคนนั้นคุณจะเลือกใคร " สามีก็อึกอัก เจ้าของเคสจึงพูดทั้งน้ำตาว่า " ที่เธอเงียบแสดงว่าเธอเลือกเขา ถ้างั้นฉันก็จะไป แต่ขอลูกชายของฉันไปด้วย " สามีเดินมาหาแล้วพูดว่า " ฉันเลือกเธอและลูก ฉันไม่เลือกผู้หญิงคนนั้นหรอก "
แต่หลังจากนั้นไม่นานลูกชายก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกพุ่งชนศีรษะกระแทกกับขอบฟุตบาธที่ริมถนนข้างบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดคั่งในสมอง หัวใจหยุดเต้นถึง 5 ครั้ง แต่หมอช่วยไว้ทันแต่ต้องนอกรักษาตัวที่รพ. นานถึง 8 เดือน ทุกวันนี้ร่างกายซีกขวาใช้งานไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งเจ้าของเคสและสามีต้องคอยดูแลเค้าตลอด จนสามีพูดว่า " ถ้าวันใดเราสองคนต้องมาตายก่อนแล้วลูกของเราจะอยู่ได้อย่างไร " จากนั้นจึงชวนเจ้าของเคสฆ่าตัวตายกันทั้งครอบครัว แต่เจ้าของเคสไม่เห็นด้วย
จนมิย. 48 เจ้าของเคสให้ช่างมาติดตั้งดาวเทียมเพื่อดูละครไทย แต่จูนไปจูนมาเจอช่อง DMC จึงชวนสามีและลูกชายดูไม่เคยขาด แต่ก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเข้าใจและรับรู้ได้แค่ไหน แต่สามีก็พอจะรู้จักการทำบุญอยู่บ้าง เพราะตอนอยู่เมืองไทยเจ้าของเคสพาไปเที่ยววัดแล้วทำบุญอยู่เป็นประจำ และยังอธิบายการทำบุญในพระพุทธศาสนาให้ฟังอีกด้วยซึ่งเค้าก็เข้าใจ และมีความตั้งใจที่อยากจะบวช พอมีลูกชายก็รอให้ลูกโต พอลูกชายอายุได้ 7 ขวบ วันหนึ่งเค้าก็ตกลงกับลูกชายว่าจะไปบวชพร้อมกันในวัดแห่งหนึ่งที่เมืองไทย และเจ้าของเคสก็จะถือศีล 8 บวชชีด้วย แต่ว่าลูกชายมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน ทุกวันนี้สามีเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เอาแต่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ไม่เชื่อการทำความดีเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังบอกว่า " ผมทำความดีมาตลอด แต่เรื่องร้ายๆ ไม่น่าเกิดกับครอบครัวเราเลย " ตอนนี้เค้าก็ไม่สนใจในการทำบุญแล้ว
พ่อสามีจะเกลียดสามีมาก เพราะฝังใจคิดว่าสามีเป็นเหตุที่ทำให้แม่ต้องตาย เนื่องจากแม่สามีป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมตั้งแต่เริ่มตั้งท้องสามี เมื่อพ่อสามีพบสามีจะต้องหงุดหงิด อารมณ์เสีย และโมโหร้ายมาก จนปี 2547 อยู่มาวันหนึ่งพ่อสามีก็ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมโดยไม่มีสาเหตุ ท่านจำใครไม่ได้เลย ซ้ำยังปัสสาวะและอุจจาระเรี่ยราดในบ้าน เจ้าของเคสต้องเช็ดถูอาบน้ำให้ ทุกครั้งที่ทำความสะอาดให้ พ่อสามีมักจะถามว่า " เป็นใคร มาทำอะไรฉัน " เจ้าของเคสก็จะตอบกลับไปทุกครั้งว่า " หนูเป็นสะใภ้ของพ่อ จำไม่ได้เหรอ " แล้วท่านก็จะอาละวาดกับทุกคนในบ้าน จนสามีทนไม่ไหวจึงพาไปรักษาที่บ้านพักคนชราก็ยิ่งทำให้พ่อสามีอาการทรุดหนัก คล้ายเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ขณะนี้อายุได้ 78 ปี
หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
คำถาม
1. บุปผกรรมใดคุณพ่อของเจ้าของเคสจึงเป็นนักเลงหัวไม้ชอบชกต่อยและเจ้าชู้มาก ท่านจะมีกรรมอย่างไร ควรแก้ไขอย่างไร
เพราะกรรมในอดีตที่คบคนพาล และทำทานมาน้อย ท่านผิดศีลทั้ง 5 ข้อ ทำให้ใจหมองมาก ท่านจะต้องท่องเที่ยวในมหานรกหลายขุม เมื่อพ้นอบายแล้วเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์จะต้องยากจน มีโรคภัยไข้เจ็บมาก จะต้องไปเป็นโสเภณีมีชีวิตลำบากมาก เป็นต้น จะแก้ไขคือต้องหักดิบเลิกจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายเหล่านั้น และหันมาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา จนเข้าถึงพระในตัวจึงจะปิดอบายได้ ถ้ายังเข้าไม่ถึงก็จะผ่อนหนักเป็นเบา
2. บุปผกรรมใดคุณแม่เจ้าของเคสจึงมีสามีเจ้าชู้ และมีชีวิตที่ลำบากมาก ทำไมจึงป่วยเป็นโรคความดันสูง โรคเบาหวาน และโรคตาต้อ ถูกหมอลอกต้อจนตาบอดทั้งสองข้าง และต้องมาลื่นล้มเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัวจนเสียชีวิตในที่สุด ท่านตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่
เพราะในอดีตท่านก็ทำแบบคุณพ่อของเจ้าของเคส แต่ใช้กรรมมาหลายชาติแล้ว ชาตินี้เป็นแค่เศษกรรม อีกทั้งในอดีตท่านมีความตระหนี่ทำให้มีชีวิตลำบาก ที่ท่านเป็นโรคต่างๆ, ถูกหมอลอกต้อ และเป็นอัมพฤกษ์เพราะกรรมในอดีตสมัยเป็นผู้ชายได้คบคนพาลเป็นมิตร เกเร มักชอบชกตีทำร้ายผู้อื่นเสมอ รวมทั้งฆ่าสัตว์ทำเป็นอาหารและกับแกล้มสุรา อีกทั้งเคยชกทำร้ายคู่อริจนตาบอด วิบากกรรมดังกล่าวจึงมาส่งผล ตายแล้วก็เป็นกายสัมภะเวสีหิวโซ ร่อนเร่ เพราะไม่ค่อยจะได้ทำบุญ แต่ต่อมาก็ดีขึ้นเพราะบุญที่อุทิศไปให้ แต่ยังไม่ได้ไปเกิดก็เป็นภุมเทวาในระดับนั้น
3. บุปผกรรมใดพ่อสามีเจ้าของเคสจึงเกลียดสามีมากเพราะตัวสามีทำให้คุณแม่ของตัวเองตายใช่หรือไม่ ทำไมท่านเป็นโรคความจำเสื่อมโดยไม่มีสาเหตุ และป่วยเป็นอัมพาตทั้งตัว จะมีการแก้ไขได้อย่างไร
เพราะในอดีตสามีได้เป็นหัวหน้าคุมงาน ส่วนพ่อสามีและแม่สามีเป็นคนงานในชาตินั้น สามีได้ใช้พ่อและแม่สามีในชาตินั้นให้ปีนขึ้นไปในที่สูงเพื่อทำงานก่อสร้าง ทำให้แม่ตกนั่งร้านลงมาตายโดยอุบัติเหตุ (ด้วยกรรมเก่าของแม่ที่ทำปาณาติบาตมาเยอะ) แต่พ่อสามีไม่เข้าใจในกฏแห่งกรรมในชาตินั้นจึงผูกอาฆาตสามี ที่เป็นโรคความจำเสื่อมและอัมพาตเพราะในชาตินั้นท่านดื่มสุราเมื่อเมาแล้วมักจะไปทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น ครั้งหนึ่งเคยทะเลาะวิวาทได้เอาไม้ตีศีรษะและตามตัวของคู่อริจนเค้าความจำเสื่อมและเป็นอัมพาตวิบากกรรมนี้จึงมาส่งผล ชาตินี้คงไม่หายแต่ให้ทำบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวและทุกๆ บุญให้ท่านจะได้เป็นอโหสิกรรมกัน และไม่จองเวรกันอีก
4. ก่อนมาเกิดเจ้าของเคสมาจากไหนที่ใด บุปผกรรมใดจึงไปเกิดในสลัมและไม่ได้เรียนหนังสือ กรรมใดทำให้เจ้าของเคสถูกข่มขืนจากผู้ชายที่มีภรรยาแล้วถึง 2 คน และแม้มีลูกด้วยกันเค้าก็ไม่รับผิดชอบกลับหนีไป ควรแก้ไขวิบากกรรมอย่างไร
เจ้าของเคสมาจากกายที่แสวงหาที่เกิด เพราะในอดีตสร้างกรรมไว้เยอะ คือกรรมตะหนี่ไม่ทำทาน กรรมเจ้าชู้ กรรมมีมานะทิฐิ ผิดศีลข้อต่างๆ เป็นต้น ชาตินี้ได้ใช้กรรมไปบางส่วนแล้ว ให้อดทนทำความดีให้มากๆ อีกทั้งไม่ได้มีบุญด้านการสนับสนุนการศึกษา หรือคบบัณฑิต นักปราชญ์ จึงไม่ได้เรียนหนังสือ ที่ถูกข่มขืนและแม้มีลูกสามีก็ไม่รับผิดชอบก็เป็นภาพในอดีตที่เคยทำไว้แบบนี้เหมือนกัน จะแก้ไขในชาตินี้จะต้องรักษาศีล ทำทาน และนั่งสมาธิให้สม่ำเสมอ บุญเหล่านี้จะไปตัดรอนวิบากกรรมจากหนักเป็นเบา หรือหนีวิบากกรรมนี้ไป
5. กรรมใดเจ้าของเคสจึงมีอาชีพขายบริก