ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เรื่องเล่าวันเข้าพรรษา 2556 วันที่ 3 มืด เมื่อย ฟุ้ง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 August 2013 - 10:22 AM

 
มืด เมื่อย ฟุ้ง

     วันนี้เป็นวันที่ 3 ของการเข้าพรรษา พระเห็นพระ เณรเห็นพระ โยมเห็นพระ เวลาเรานั่งหลับตาแล้วมืดเหมือนมองไม่เห็นอะไรเลย เราก็จะมีความรู้สึกว่า ความมืดเป็นอุปสรรคและเป็นปรปักษ์กับใจของเรา แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะความมืดก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมดาของโลก เหมือนโลกภายนอกก็ต้องมีความมืด มีห้องมืด
 
e1614.jpg
 
 
     ความมืด คือ สหายของเรา เป็นเกลอของเรา เป็นความมืดที่น่ารัก คิดอย่างนี้แล้วใจเราจะสบาย ไม่ต้องไปนั่งฮึดฮัด เพ่งขับไล่ความมืด เหมือนเราอยู่ห้องมืด ๆ พอเรายืนเฉย ๆ ไม่ช้าสายตาก็จะคุ้นกับความมืด จากมืดมากมามืดมิด มืดมัว มืดสลัว ๆ กระทั่งพอจะมองเห็นวัตถุสิ่งของ โต๊ะ ตู้ เตียง ตั่ง ที่อยู่ในห้องมืด ๆ นั้นได้ แล้วก็มองเห็นว่าสวิตช์อยู่ตรงไหน ไปกดสวิตช์ขับไล่ความมืดไปได้ความมืดภายในก็เช่นเดียวกัน แค่เราทำนิ่ง ๆ เฉย ๆ สบาย ๆ แล้วเราก็จะค้นพบว่า ความมืดจริง ๆ แล้วไม่มีเลย จากมืดมาก มามืดม่วง แล้วก็ไม่ค่อยจะมืด แล้วก็ฟ้าสาง ๆ เดี๋ยวก็แจ้งจางปางกันไปเลย
 
ทีนี้อีกข้อที่เป็นอุปสรรค คือ ความเมื่อย บางคนเมื่อยนิดเดียวก็เลิกนั่งแล้ว อย่าลืมว่าเราเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เทวดา ก็มีเมื่อยเป็นธรรมดา ความเมื่อยนี่แก้ไม่ยาก ไม่เป็นอุปสรรค เมื่อยก็ขยับก็แค่นั้นเอง
 
ความฟุ้ง คือ ขบวนการของความคิดที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในดวงใจของเรา จากประสบการณ์ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน ไม่ว่าเราจะทำภารกิจการงานอะไรก็ตาม รวมทั้งเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาแล้ว สิ่งเหล่านี้ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในใจ พอถึงเวลาที่เรามานั่งสมาธิ(Meditation) มันจะค่อย ๆ คลี่คลายออกมา เป็นภาพบ้าง เป็นเสียงบ้าง เป็นทั้งภาพทั้งเสียงบ้าง จนกระทั่งเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย คิดว่ามันเป็นอุปสรรคความจริงแล้ว ความคิดกับดวงจิตเป็นของคู่กันตลอดนะ อยู่ในน้ำก็คิดได้ ฟุ้งได้ ไปอยู่ในอวกาศโล่ง ๆ ก็คิดได้ อยู่ตรงไหนก็คิดได้ทั้งนั้น ที่ใดมีความคิด ที่นั่นก็ฝึกจิตได้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรเลย

       เราต้องเข้าใจว่าเราหนี 3 อย่างนี้ไม่พ้น แต่เราก็มีวิธีแก้ คือ ง่วงก็ปล่อยให้หลับ เมื่อยก็ขยับ ฟุ้งก็ให้ลืมตาแล้วก็ว่ากันใหม่ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงยุทธวิธี ไม่ช้าเดี๋ยวมันก็หมดไปเอง ใจก็จะค่อย ๆ ใส ค่อย ๆ ละเอียด เดี๋ยวก็หยุดนิ่งดิ่งเข้าไปสู่ภายในได้ ความสว่างก็แจ้งขึ้นมา ในกลางความสว่างเราก็เห็นที่มาของแสงสว่างภายใน แล้วก็จะเห็นไปตามลำดับในสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเรา ซึ่งเป็นแผนผังของชีวิต เพราะฉะนั้น ไม่ได้ยากอะไรเลย ความยากอยู่ที่ขี้เกียจตัวเดียวเท่านั้นต้องขยันและทำให้ถูกวิธี ถ้าทำอย่างนี้ได้เดี๋ยวเราจะสมความปรารถนา พรรษานี้จะเป็นพรรษาแห่งความสมหวังคนที่เขาทำได้ เขาก็มีมือ 2 มือ เราก็มี 2 มือ เมื่อเขาทำได้เราก็ต้องทำได้
 
อย่าขังความโกรธ

       บางคนตอนออกจากบ้านไปก็อารมณ์ดี แต่ในระหว่างทางเกิดความขุ่นมัว เพราะไปเจอข้อผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์ในระหว่างทางบ้าง ในที่ทำงานบ้าง การทำงานทุกอย่างก็ต้องมีทั้งปัญหา มีแรงกดดัน บวกกับความไม่สมบูรณ์ของเพื่อนมนุษย์ เพื่อนร่วมงาน บางครั้งก็ทำให้เราหงุดหงิดโมโห แล้วเราก็ขังอารมณ์โกรธเอาไว้ทำให้เกิดผลเสียตอนที่มาปฏิบัติธรรม ต้องเสียเวลากว่าจะคลี่คลายความขุ่นมัวความโกรธออกไปได้ก็เกือบหมดไปแล้ว พอนั่งกำลังจะดี พระอาจารย์ก็สัพเพ พุทธาฯ แล้วก็มาโทษพระอาจารย์ อย่างนี้หาควรไม่ เพราะเราไปขังความขุ่นมัวเอาไว้ทางที่ดีเราอย่าไปเก็บความโกรธเอาไว้ ลืมมันไปเสียเถิด ไม่มีอะไรผิดนอกจากความเข้าใจเท่านั้น สิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่เขาเป็นมันอาจไม่ตรงกัน เราเห็นอย่าง แต่สิ่งที่เขาเป็นอีกอย่าง ชีวิตมันเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นปล่อย ๆไป ใจจะได้สบาย เวลามานั่งธรรมะใจจะได้ใสแจ๋ว เห็นองค์พระผุดขึ้นมาทีละองค์ ๆ อย่างง่าย ๆ

16 กรกฎาคม พ.ศ. 2546

จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

 

 


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ