ผลแห่งการถวายประทีป ๕ ดวง
ของพระปัญจทีปิกาภิกษุณี
ของพระปัญจทีปิกาภิกษุณี
เราได้ศึกษาเรื่องราวอานิสงส์แห่งการถวายประทีป ๑ ดวง และการถวายประทีปอยู่เป็นประจำมาแล้ว ในเรื่องราวต่อจากนี้เป็นผลแห่งการถวายประทีป ๕ ดวงของทีปิกาภิกษุณี เรื่องราวมีดังต่อไปนี้
***ในอดีตกาล พระปัญจทีปิกาภิกษุณีท่านได้เล่าว่า ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นหญิงอยู่ในพระนครหังสวดี ต้องการทำกุศลจึงมุ่งหน้าไปสู่อารามแห่งหนึ่ง ระหว่างทางนั้นท่านได้พบไม้โพธิ์ต้นหนึ่ง เป็นต้นโพธิ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในวันกาฬปักษ์ (วันแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ) ได้ตั้งจิตให้เลื่อมใสศรัทธาในไม้โพธิ์อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ธรรมนั้น
ท่านนั่งลงที่โคนต้นโพธิ์ ตั้งจิตเคารพประนมมือเหนือเศียรเกล้า มีความปีติโสมนัสขณะตั้งจิตอธิษฐานว่า
ถ้าพระพุทธเจ้ามีพระคุณนับไม่ได้ ไม่มีบุคคลเสมอเหมือนได้แล้วไซร้ ก็ขอให้ทรงแสดงปาฏิหาริย์แก่เราด้วยเถิด ขอไม้โพธิ์นี้จงเปล่งรัศมีให้เราได้เห็น
ทันใดนั้น ไม้โพธิ์ก็ได้สว่างโพลงไปทั่วสมดังกับคำอธิษฐานด้วยพุทธานุภาพ รัศมีนั้นมีสีทองสวยงามไพโรจน์ไปทั่วบริเวณ ด้วยจิตเป็นกุศลที่เต็มเปี่ยม ท่านได้นั่งอยู่ที่โคนต้นโพธิ์นั้นเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน พอถึงวันที่ ๗ จึงได้ทำการบูชาพระพุทธองค์ด้วยประทีป ๕ ดวง ประทีปทั้ง ๕ ดวงนั้นได้ลุกโพลง ล้อมรอบบริเวณต้นโพธิ์นั้นจนกระทั่งถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
มีข้อน่าสังเกตว่า ก่อนที่จะจุดประทีปบูชาพระพุทธเจ้านั้นท่านได้นั่งอยู่ที่โคนโพธิ์เป็นเวลาถึง ๗ วัน ๗ คืนก่อน คาดว่าน่าจะเป็นการทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ เหมาะที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญ เฉกเช่นกับประเพณีอันงดงามของชาวพุทธทั้งหลายนั่นเอง
ด้วยอานิสงส์จากการถวายประทีปเป็นพุทธบูชานั้น เมื่อละจากมนุษย์แล้ว ท่านได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในทันที
ในภพดาวดึงส์ที่ท่านถือกำเนิดนั้น ท่านเป็นเจ้าของวิมานอันวิจิตรเรียกว่า ปัญจทีปวิมาน ซึ่งมีความสูง ๑๐๐ โยชน์ กว้าง ๖๐ โยชน์ มีประทีปนับไม่ถ้วนส่องสว่างล้อมรอบวิมานอยู่ ทั่วเทพพิภพนั้นโชติช่วงด้วยแสงประทีป
ท่านมีตาทิพย์สามารถมองเห็นไปได้ทั่วในทุกทิศ ปรารถนาจะเห็นทั้งเบื้องบน ล่าง ซ้าย ขวา แม้ปรารถนาจะเห็นกระทั่งกรรมดีกรรมชั่วของผู้อื่นซึ่งอยู่ในที่ใดก็ตาม ก็สามารถเห็นทะลุไปได้ด้วยทิพยจักษุ
ท่านได้เป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทร์เทวราช ๘๐ องค์
ท่านได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๐๐ พระองค์
ทุกที่ที่เกิด ย่อมมีประทีปตั้งเป็นแสน ๆ ดวง ส่องแสงล้อมรอบท่านไว้ทุกภพทุกชาติ
เมื่อจุติจากเทวโลกแล้ว ได้เกิดในครรภ์มารดา ประทีปตั้งจำนวนแสนดวง ส่องสว่างอยู่ในเรือนประสูติของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยบุญจากการถวายประทีป ๕ ดวง
แม้ในภพชาติสุดท้าย เป็นผู้มีฉันทะอยู่ในใจ ปรารถนานิพพานสมบัติอันเป็นสภาวะอันเยือกเย็น ไม่มีชราและมรณะ ตั้งแต่ถือกำเนิด พออายุได้ ๗ ปีก็สามารถบรรลุพระอรหัตผลได้ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม นี้เป็นผลจากการจุดประทีปถวายด้วยจิตเลื่อมใส
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบถึงความที่ท่านบรรลุอรหัตผลแล้วได้อุปสมบทให้แก่ท่านเป็นภิกษุณี ท่านได้เข้าฌานอยู่มณฑปโคนไม้ ปราสาท ถ้ำ หรือเรือนอันว่างเปล่าก็ดี ในที่นั้นๆ ประทีป ๕ ดวงที่ท่านได้ถวายในครั้งก่อนติดตามส่องให้แสงสว่างแก่ท่านตลอดมา
เป็นผู้มีทิพยจักษุ ฉลาดในสมาธิ ถึงความบริบูรณ์ในอภิญญา
เป็นผู้อยู่จบพรหมจรรย์ทั้งปวง เข้าถึงธรรมอันบริสุทธิ์ ไม่มีอาสวะ นี้เป็นผลของการถวายประทีป ๕ ดวง จึงได้ชื่อว่า ปัญจทีปา
พระปัญจทีปิกาภิกษุณีได้กราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ด้วยอานิสงส์จากการที่ท่านได้ถวายประทีป ๕ ดวงในครั้งโน้น ทำให้ท่านไม่เคยมีทุคติเป็นที่ไปเลย
อานิสงส์แห่งการถวายประทีปเป็นพุทธบูชาด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธานั้น ผลบุญจะติดตามเกื้อหนุนไปตลอดทุกภพทุกชาติ ผู้ให้ประทีปคือแสงสว่าง ย่อมส่งผลดลบันดาลให้มีดวงตาเห็นธรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของนักสร้างบารมี