ไปที่เนื้อหา


* * * * * 1 คะแนน

ข่าวบวชพระแสนรูปจากหนังสือพิมบ้านเมือง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 *innerspot*

*innerspot*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 09:38 PM



โครงการบวชพระ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย รวมพลังฟื้นฟูศิลธรรมโลก โดยคณะสงฆ์ทั้งแผ่นดิน

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- ศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2009 11:27:34 น.

ทำไมต้องโกนศรีษะ ถือศิล ๘ อบรมกันก่อนบวช.. ให้บวชทันทีเลยไม่ได้หรือ

มีเหตุผล ๓ ประการ คือ
๑.ในชีวิตประจำวัน คนจำนวนไม่น้อย ศิล ๕ แทบไม่ได้ปฏิบัติ บางคนยังดื่มเหล้า บี้มด ตบยุงอยู่เลย ถ้าจะไปถือศิล ๒๒๗ ข้อทันที อาจขาดความพร้อม ชาวงก่อนบวชจึงให้ฝึกรักษาศิล ๘ เพื่อเป็นการปรับตัวก่อนระยะหนึ่ง
๒.การมีระยะเวลาอบรมช่วงก่อนบวช จะมีผลดีต่อผู้บวชเอง เพราะผู้บวชจะได้มีเวลาท่องจำบทสวดมนต์ คำขานนาค ขออุปสมบทเป็นภาษาบาลีให้ได้ นอกจากนี้ ยังได้ซ้อมบรรพชา ซ้อมบวช เพื่อให้การบวชของเราศักดิ์สิทธิ์และสมบูรณ์แบบที่สุด
๓.ระยะเวลาอบรมก่อนบวชเป็นช่วงที่มีไว้บ่มเพราะคุณธรรม ให้พร้อมที่จะเป็นพระแท้อย่างแท้จริง การฝึกอบรม เคารพ อดทน และนั่งสมาธิ จะทำให้เรามีความบริสุทธิ์บริบูรณ์เพียงพอ ซึ่งจะทำให้พ่อแม่ที่เลี่ยงดูเรามาตลอดจนญาติโยมกราบไหว้เราได้อย่างสนิทใจ

ระยะเวลาการอบรมนานเกินไป
ไม่นานเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากการบวช ซึ่งเราจะนำไปใช้ได้ชั่วชีวิต เพราะนิสัยที่ไม่ได้ดีในตัวเรามีตั้งมากมาย จะเปลี่ยน จะปรับปรุง จะสร้างนิสัยใหม่ ก็ต้องใช้เวลาบ่มเพาะนิสัยที่ดีๆ ให้เกิดขึ้นจนกลายมาเป้นนิสัยใหม่ของเรา

อบรมแล้วต้องอดข้าวเย็นด้วย กลัวทนไม่ได้
ตอนเย็นมีน้ำปานะให้ฉัน เช่น น้ำเต้าหู้ นมกล่อง น้ำผลไม้เป็นต้น จากประสบการณ์การอบรมธรรมทายาทมาเป็นจำนวนมาก พบว่า สามารถปรับตัวกันได้โดยไม่มีปัญหาอะไร เพราะช่วงเย็นหลังจากสรงน้ำแล้ว กิจกรรมก็จะมีแต่ฟังธรรมะ และนั่งสมาธิเท่านั้น ไม่ได้ออกแรงหรือใช้พลังงานอะไรมาก เพราะฉะนั้นฉันวันละ ๒ มื้อก็เพียงพอ

การบวชสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนให้ดีขึ้นได้จริงหรือ
ถ้าเราได้บวช อย่างไรก็จะเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับว่าเราตั้งใจจริงแค่ไหน เพราะในการบวชเราจะได้เรียนรู้หลักธรรมจากพระอาจารย์ ผู้ทรงภูมิรู้๓มิธรรม ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้อย่างดียิ่ง
เราจะเข้าใจว่าทำไมคนระดับไอน์สไตน์จึงยอมทรับนับถือพระพุทธศาสนา จะรู้ว่าคำสอน ของพระพุทธเจ้าประเสริฐสุดยอดอย่างไร อีกทั้งจะได้ปฏิวัตินิสัยตัวเองครั้งใหญ่ เพราะในการอบรม เราจะได้ฝึกกิจวัตรกิจกรรม ทุกอย่างให้เป็นระบบระเบียบ ทำให้ธรรมะซึมซับไปสู่วิถีชีวิตของเราจริงๆ

กลัวความลำบาก
เคยลองถามผู้มาบวชรุ่นก่อนๆ ซึ่งเขาเป็นลูกคุณหนู ไม่เคยทำงานบ้าน อะไรเลย นอนตื่น ๑๐ โมง ตื่นเที่ยงประจำ แต่เขาก็สามารถอยู่ได้จนจบโครงการอีกทั้งยังภูมิใจ ปลื้มใจตัวเอง พอลองไปถามเขาว่า ลำบากไหม? เขาตอบว่า หากสังคมปัจจุบันต้อง ปากกัด ตีนถีบมากกว่านี้หลายเท่า และก็ยัง ถามต่อว่า แล้วเคยคิดท้อไหม? เขาตอบว่า หากเขาท้อแล้วสึกออกไปก่อนจบโครงการ เขาก็แทบจะไม่ได้อะไรเลย แจะติดเป็นนิสัย เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรต่อไปก็ไม่สำเร็จ ดังนั้น ขึ้นชื่อว่าลูกผู้ชายแล้ว ความลำบากแค่นี้เราจะไปลองทดสอบตัวเองดู อาจจะทำให้เราสามารถปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น และได้รับประโยชน์จากการบวชครั้งนี้ไม่มากก็น้อย ทำให้รู้สึกเชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีความตั้งใจอดทนในสิ่งที่อดทนได้ยาก สละในสิ่งที่สละได้ยาก ก็ย่อมจะได้รับสิ่งที่ได้มาโดยยากเช่นกัน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่เห็นลำบากอะไรมากมาย การอบรมครั้งผ่านๆ มา ทุกคนเขาก็ทำกันได้

บวชแล้วได้บุญจริงหรือ คุ้มไหม กับการเสียเวลา

ทั้งจริง ทั้งคุ้ม เพราะบุญบวชเป็นบุญใหญ่ที่สามารถปิดนรก เปิดสวรรค์ให้กับผู้บวช หากตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งจะได้บุญอันจะนับประมาณมิได้ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสว่า "ถึงแม้จะมีผู้วิเศษเก็บดอกไม้จากป่าหิมพานต์ แล้วนำมาบูชา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้ง ๑,๐๐๐ พระองค์ กระทำดังนี้ทุกวัน ผลบุญจากการบูชานั้นก็ไม่เท่าผลบุญจากการบวชเป็นพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา" )ที่มา : การบวชในพระพุทะ-ศาสนา พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
นอกจากนี้ การบวชยังส่งผลให้เราได้เกิดในร่มเงาพระศาสนาเป็นเวลายาวนานถึง ๖๔ กัป ผุ้ที่สนับสนุนการบวช ก็ได้บุญถึง ๓๒ กัป เวลา ๑ กัป เป็นเวลาที่ยาวนานมาก สมมติว่า มีขุนเขากว้างใฝหญ่สูง ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ (๑ โยชน์ เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร) ทุกเวลา ๑๐๐ ปี มีเทวดาเอาผ้าทิพย์บางเบาเหมือนควันไฟมาลูบขุนเขานั้นหนหนึ่ง จนขุนเขานั้นสึกลงมาราบเสมอกับพื้นดิน ระยะเวลานี้นานเท่าไร เวลา ๑ กัปนานกว่านั้น

#2 ~เด็กวุ่นวาย~

~เด็กวุ่นวาย~
  • Members
  • 156 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 January 2010 - 08:47 AM

WOW WoW WOW

Sathu kaaa....
ความรักก็เหมือนการจับไฟนั่นแหละ ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คืออย่าจับไฟอย่าเล่นกับไฟ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคืออย่ารัก