เมื่อบุรุษบวช สตรีต้องอ่านค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 31 January 2010 - 06:59 PM
((((( อยากให้คุณอดทน อ่านจนจบ ))))))
................................
พระพุทธองค์ทรงรับฟังคำชี้แจง
จากพระอานนท์
เรื่องการกลับมาวัดสาย
เรื่องมีอยู่ว่า
วันหนึ่งเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
ในระหว่างทางกลับจาก บิณฑบาต
พระอานนท์ รู้สึกกระหายน้ำอย่างกะทันหัน
ท่านหยุดที่บ่อน้ำในหมู่บ้านชาวจัณฑาล
เพื่อขอน้ำดื่ม
ที่นั่น ท่านพบนางปรากฤติ กำลังชักน้ำขึ้นจากบ่อ
นางเป็นดรุณีที่งดงามผู้หนึ่ง
พระอานนท์ขอน้ำดื่มจากนาง แต่นางปฏิเสธ
บอกว่าตนเป็นชาวจัณฑาล
ไม่บังอาจทำความแปดเปื้อนแก่พระภิกษุโดยการถวายน้ำ
พระอานนท์บอกนางว่า
"อาตมาไม่ต้องการฐานันดรอันสูงศักดิ์
ต้องการเพียงน้ำดื่มเท่านั้น
อาตมายินดีรับน้ำดื่มจากเธอ
โปรดอย่ากลัวว่าจะสร้างมลทินให้แก่อาตมาเลย"
นางปรากฤติถวายน้ำแก่พระอานนท์ในทันที
นางรู้สึกหลงใหลพระหนุ่มรูปงามใจดี
พาทีสุภาพอ่อนโยนผู้นี้
นางตกหลุมรักเสียแล้ว
ยามค่ำคืนนางมิอาจหลับลงได้
เฝ้าคิดถึงแต่พระอานนท์
หลังจากนั้นนางไปรอคอยที่บ่อน้ำทุกวัน
ด้วยหวังว่าจะได้เห็นท่านผ่านมา
นางรบเร้า มารดาให้นิมนต์พระอานนท์
เข้ามาฉันภัตตาหารในบ้านของพวกตน
พระอานนท์รับนิมนต์ถึงสองครั้ง
แต่เมื่อรู้สึกได้ว่าหญิงสาวได้ตกหลุมรักในตัวท่าน
พระอานนท์จึงปฏิเสธที่จะรับนิมนต์อีก
นางปรากฤติจึงล้มป่วยด้วยไข้รัก
นางซูบซีดผ่ายผอมลงทุกที
ในที่สุดนางก็ได้สารภาพความรู้สึกของนางแก่มารดา
นางบอกว่าต้องการ
ให้พระอานนท์สึกออกมาแต่งงานกับนาง
มารดาตกตะลึงตะโกนใส่บุตรสาวว่า
นั่นเป็นความรักที่โง่เขลา และ เป็นไปไม่ได้
แต่นางปรากฤติบอกมารดาว่า
นางยอมตายเสียดีกว่าเลิกรักพระอานนท์
ด้วยความกลัวว่าบุตรสาวจะตาย
ผู้เป็นมารดาจึงเตรียมยาปลุกกำหนัดด้วยหวังว่า
จะทำให้พระอานนท์รับรักบุตรสาวของนาง
ผู้เป็นมารดามาจากตระกูลมาตังกา
รู้สูตรยาเสน่ห์หลายตำรับ
เช้าวันนั้น
นางปรากฤติพบพระอานนท์บนถนน
และคะยั้นคะยอให้ท่านไปรับนิมนต์
ไปฉันที่บ้านของนางเป็นครั้งสุดท้าย
พระอานนท์เชื่อมั่นว่า
ท่านสามารถแสดงธรรมแก่นางปรากฤติ
และแม่ของนางจนสามารถทำให้หญิงสาว
คลายความรักในตัวท่านได้
แต่ พระอานนท์ไม่มีโอกาสแสดงธรรมเลย
หลังจากที่ท่านดื่มชาพิษเข้าไป
ศีรษะของท่านเริ่มวิงเวียน
แขนขาอ่อนเปลี้ย
ท่านรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
พระอานนท์จึงหันกลับมากำหนดลมหายใจเข้าออก
เพื่อต่อต้านกับฤทธิ์ยาสมุนไพร
ภิกษุที่พระพุทธองค์ทรงส่งมา
พบพระอานนท์ในกระท่อมของนางปรากฤติ
ท่านกำลังนั่งสมาธิในท่าดอกบัวอย่างมั่นคง
………………….
พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงถามนางปรากฤติอย่างอ่อนโยนว่า
"เธอหลงรัก พระอานนท์ มากใช่ไหม "
นาวปรากฤติทูลตอบ
"ดิฉันรักท่าน อย่างเต็มหัวใจ "
"เธอรักภิกษุอานนท์ที่ตรงไหน ที่ดวงตา ที่จมูก หรือที่ปาก "
"ดิฉันรักทุกสิ่งทุกอย่างในตัวท่าน
ทั้งดวงตา จมูก ปาก เสียง และท่วงท่าเดินของท่าน
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
ดิฉัน รัก ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวท่านอานนท์ "
"นอกจากดวงตา จมูก ปาก เสียง และท่วงท่าเดินแล้ว
พระภิกษุอานนท์ยังมีคุณสมบัติดีๆ อีกมากมาย
ซึ่งเธอยังไม่รู้ "
"คุณสมบัติอะไรหรือเจ้าคะ" นางปรากฤติถาม
พระพุทธองค์ตรัสตอบ
"หัวใจแห่งความรักของพระภิกษุอานนท์มีหนึ่งเดียว
เธอรู้ไหมว่าพระภิกษุรูปนี้รักอะไร"
"ดิฉันไม่รู้ว่าท่านรักอะไร
ดิฉันรู้เพียงแต่ว่าท่านไม่รักดิฉัน "
"เธอเข้าใจผิดแล้ว พระภิกษุอานนท์รักเธอ
แต่ไม่ใช่ความรักแบบที่เธอต้องการ
พระภิกษุอานนท์รักวิมุติมรรค
อิสรภาวะ ความสงบ ความเบิกบาน
ด้วยการมีชีวิตบนหนทางแห่งการหลุดพ้น
และอิสรภาวะ
ทำให้พระภิกษุอานนท์ยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ท่านรักทุกชีวิต
ท่านปรารถนาจะนำหนทางแห่งการหลุดพ้น
ไปบอกแก่ทุกๆคน
เพื่อให้คนเหล่านั้นได้รับความเกษม
จากอิสรภาวะ ความสงบ และปีติสุข
นี่แน่ะ ปรากฤติ
ความรักของภิกษุอานนท์
มาจากความเข้าใจและอิสรภาวะ
ท่านไม่เคยมีความทุกข์
หรือรู้สึกสิ้นหวังในความรักของท่าน
ไม่เหมือนกับความรักของเธอ
ที่ทำให้เธอรู้สึกทุกข์และสิ้นหวัง
ถ้าเธอรักภิกษุอานนท์อย่างแท้จริงแล้ว
เธอจะต้องเข้าใจความรักของท่าน
และปล่อยท่านให้ดำเนินชีวิตพรหมจรรย์
ที่ท่านเลือกสืบต่อไป
ถ้าเธอรู้จักความรักของพระภิกษุอานนท์
เธอจะไม่ทุกข์และรู้สึกสิ้นหวังอีกเลย
ความทุกข์และความสิ้นหวังของเธอ
มีสาเหตุมาจากการที่
เธอต้องการพระภิกษุอานนท์
มาเป็นของเธอคนเดียว
นั่นเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว "
นางปรากฤติมองพระพุทธองค์ แล้วถามว่า
"แต่ดิฉันจะมีความรัก
แบบเดียวกับความรักของพระภิกษุอานนท์ได้อย่างไรเล่า "
"จงรักในวิถีทางที่จะสร้างความสุข
ให้แก่ตัวพระภิกษุอานนท์
และความสุขของตัวเธอเอง
พระภิกษุอานนท์เป็นดังสายลมอันสดชื่น
หากเธอจับสายลมนั้นกักขังไว้ในคุกแห่งความรัก
ในไม่ช้า สายลมนั้นจะมลายไป
และไม่มีใครรวมทั้งตัวเธอเองด้วย
จะได้รับประโยชน์จากความเย็นฉ่ำ
จากสายลมนั้นอีกเลย
จงรักพระภิกษุอานนท์
ดุจเดียวกับที่เธอรักสายลมอันสดชื่น
นี่แน่ะปรากฤติ
หากเธอสามารถรักได้เช่นนั้น
เธอก็จะสามารถกลายเป็น
สายลมที่เย็นฉ่ำ
สดชื่นด้วยตัวเธอเอง
เธอจะปลดเปลื้องความเจ็บปวด
และความทุกข์ของเธอเอง
รวมทั้งของผู้อื่นได้ด้วย "
.................................................
จากหนังสือ
คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่
ท่าน ติช นัท ฮันห์ ...ประพันธ์
รสนา โตสิตระกูล สันติสุข โสภณสิริ ... แปล
ขอบคุรพี่เปรมค่ะ...และช่วงที่ไปชวนคนบวชได้เจอคนที่สนใจแต่ภริยาที่ยืนข้างกายเขาถามเรากลับมาว่า บวชแล้วจะเอาที่ไหนใช้ มีอยุ่คนเดียว????
#2
โพสต์เมื่อ 31 January 2010 - 08:16 PM
แล้วนั่งสมาธิเยอะๆ
#3
โพสต์เมื่อ 31 January 2010 - 10:49 PM
http://www.4shared.c...218d49/04_.html
http://www.4shared.c...89/_online.html
ลองโหลดไปฟัง+อ่านดูนะคะ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคืออย่ารัก
#4
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 09:39 AM
#5
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 11:36 AM
แต่ไม่ได้คิดอะไรที่ไม่ดีนะ
ไม่ได้คิดจะให้พระสึก แบบเรื่องนี้นะ
แค่ชอบ พูดคุย ด้วย ชอบดูความหล่อ
ชอบเอาใจพระ
จะบาป ป่ะคะ อย่างนี้เค้าเรียกว่า หลงรัก พระใช่ป่ะคะ
kissy หลงรักพระ เยอะ เลย
เห็นแล้ว หลงรัก ไปหมด
555+
#6
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 12:29 PM
พอพระวักกลิ(เดิมยังไม่ได้บวช) เห็นเช่นนั้น ก็ตัดสินใจบวชเป็นพระทันที แล้วก็ใช้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน โดยไม่ทำอะไร วันๆ เอาแต่นั่งบ้าง ยืนบ้าง เดินบ้าง มองดูพระรูปกายของพระพุทธเจ้าโดยไม่อิ่มไม่เบื่อ (คล้ายๆ นักศิลปะ หลงไหลในงานศีลปะชิ้นหนึ่ง)
พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงทราบ แรกๆ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะได้ทรงตรวจดูเห็นว่า บารมีของพระวักกลิยังไม่ถึงพร้อม
ครั้นพอผ่านไปหลายวันเข้า พระองค์ก็ทรงเริ่มเทศน์ให้พระวักลิฟังว่า ตถาคต คือ ธรรมกาย (ที่มาของคำว่า ตถาคต คือ ธรรมกาย ก็อยู่ในพระสูตรเรื่องพระวักกลิ นั่นแหละครับ) ไม่ใช่รูปกายที่อยู่ภายนอก
แต่พระวักกลิก็ยังไม่ได้คิด ยังคงติดตามฟังมองพระพุทธเจ้าต่อไป จนกระทั่งวันที่บารมีแก่รอบ พระพุทธเจ้าได้ไล่พระวักกลิออกจากวัดไป พระวักกลิเสียใจมาก จึงคิดไปฆ่าตัวตาย แต่แล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงเปล่งรัศมีไปเทศน์ให้ฟัง พระวักกลิเห็นพระพุทธเจ้าก็ดีใจ ตั้งใจฟังเทศน์ จิตหยุดนิ่งถูกส่วน เจริญวิปัสสนา ได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ อีกองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา (ท่อนในวงเล็บนี้ ถ้าคลาดเคลื่อนขออภัยครับ ตอนหลังพระวักกลิได้รับการยกย่องท่ามกลางสงฆ์ว่า เป็นผู้ออกบวชด้วยศรัทธา ครับ)
#7
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 09:19 PM
#8
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 12:02 AM
อ่านไปนึกภาพตามไปรู้สึกสนุกและเย็นใจมากเลย
โดยเฉพาะตรงที่..."หากเธอจับสายลมนั้นกักขังไว้ในคุกแห่งความรัก
ในไม่ช้า สายลมนั้นจะมลายไป"
ปล.คุณkissyครับที่ว่า "แล้วถ้า ชอบพระ หล่อ ๆ ล่ะ คะ"
เอ่อ...ถ้าจำไม่ผิดเขาจะไม่ใช้คำนี้นะครับ
เขาจะใช้คำว่า "พระงาม"ครับ
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#9
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 11:30 AM
พระงาม ๆ
ต่อไป จะ ใช้ พระ งาม ๆ
แต่ว่า kissy จะจำพระงาม ๆ ที่ปลื้ม
แล้วมานั่งสมาธิ ผลการปฏิบัติธรรมดีนะ
เห็น..เลยคะ
#10
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 01:13 PM
เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้
#11
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 02:45 PM
เพราะว่าตอนนี้ เป็นอยู่..
kissy เป็นเจ้าภาพ ทุกอาทิตย์ ใช่ไหมคะ
อาหาร ก็จะมีแต่ของโปรด ของพระรูปงาม แต่รูปงาม หลายองค์
ก็คิดพยายาม เปิดใจให้กว้างเหมือนกัน
แต่ยังไม่กว้างมากพอ
พยายามอยู่..คะ
#12
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 10:39 PM