ห่างหายจากการโพสต์ไปนานครับ มาครั้งนี้บ่าวอุบลมีคำถามเพื่อขอความเห็นดังนี้
มีพยาบาลผู้หนึ่งที่มีใจใฝ่บุญ ได้ทำบุญกับหมู่คณะมาบ้าง มีสามีทำธุรกิจเปิดบริษัทขนาดเล็ก สามีต้องการเลี่ยงภาษี จึงขอโอนเงินรายได้ของบริษัท 2 ล้านบาทมาให้บัญชีพยาบาลผู้นี้(ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน) ตอนนี้พยาบาลผู้นี้กลุ้มใจว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าปฏิเสธก็คงได้ทะเลาะกับสามี ถ้ารับก็กลัวมีผลกระทบกับงานราชการที่ทำอยู่หากมีการตรวจสอบภายหลัง
จะแนะนำท่านผู้นี้อย่างไรดีครับ
ทำอย่างไรดี
เริ่มโดย บ่าวอุบล, May 20 2009 12:14 AM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 20 May 2009 - 12:14 AM
#2
โพสต์เมื่อ 20 May 2009 - 12:47 PM
ยึดความถูกต้องเป็นหลักดีกว่าค่ะ
สบายใจระยะยาว ไม่เสียงไปอบายด้วย
เสียน้อยเสียยาก ระวังจะเสียมาเสียง่ายนะคะ
โดนตรวจสอบย้อนหลัง จ่ายอานเลยนะคะ
ชัดเจน ตรงไปตรงมาดีกว่า
สบายใจระยะยาว ไม่เสียงไปอบายด้วย
เสียน้อยเสียยาก ระวังจะเสียมาเสียง่ายนะคะ
โดนตรวจสอบย้อนหลัง จ่ายอานเลยนะคะ
ชัดเจน ตรงไปตรงมาดีกว่า
#3
โพสต์เมื่อ 20 May 2009 - 03:05 PM
เห็นด้วยกับคุณเดือนฉายงามแสง ให้ยึดความดีความถูกต้องเป็นที่ตั้ง
#4
โพสต์เมื่อ 20 May 2009 - 05:12 PM
ทำอย่างไร ? ... จึงจะใช้เงินเป็น
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ
เมื่อวันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547
ถาม: หลายๆ คน ทั้งๆ ที่เงินเดือนก็สูง รายได้ก็มาก แต่พอสิ้นเดือนทีไร กลับไม่พอใช้สักที จากสถิติพบว่า สาเหตุเกิดจากการใช้เงินไม่ถูกวิธี ทำอย่างไรจึงจะใช้เงินเป็น ?
ตอบ: สิ่งแรกที่เราต้องรู้ก็คือ ความสุขของคนเรานั้น มีอะไรบ้าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสรุปไว้ให้ ๔ อย่าง คือ
๑. สุขจากการมีทรัพย์
๒. สุขจากการใช้ทรัพย์
๓. สุขจากการไม่มีหนี้
๔. สุขจากการทำงานไม่มีโทษ คือไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดศีลธรรม คือ เป็นความสุขที่แก่น เป็นรากฐานของข้ออื่นๆ เพราะถ้าติดคุก หรือมีคดีความเสียแล้ว ถึงมีเงินเท่าไร ก็หาความสุขไม่ได้
การ ที่จะให้ได้รับความสุขครบถ้วน อย่างนี้ ต้องรู้จักวิธีแบ่งรายได้ออกเป็น ๕ งบด้วยกัน แต่ละงบอาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ตามแต่สมควร คือ
๑. ใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นงบที่สำคัญที่สุด จะขาดตกบกพร่องไม่ได้ ต้องไม่ให้เดือดร้อนกันทุกฝ่าย เพราะจะทำให้เสียความมั่นคงในครอบครัว
๒. ใช้เลี้ยงมิตรสหายและผู้ร่วมงาน ถือเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกัน จะได้มีความรักใคร่นับถือเกรงใจกัน งานที่ร่วมกันทำจะได้ราบรื่น ไม่สะดุดหรือติดขัด เมื่อถึงคราวจำเป็นจะต้องเอ่ยปากไหว้วานใครให้ช่วย ก็จะได้รับความร่วมมือโดยง่าย ทั้งยังเป็นที่รักที่เกรงใจของคนหมู่มาก แต่ก็ต้องระวังการใช้เงินงบนี้ ให้เป็นครั้งเป็นคราว ไม่ให้เกินตัว เดี๋ยวจะเป็นการก่อหนี้ก่อสินเพิ่มขึ้น
๓. ใช้ป้องกันรักษาสวัสดิภาพของร่างกาย เพื่อให้ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วย หรือคราวจำเป็นฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ จะได้มีจับจ่ายใช้สอยได้ทันท่วงที ในทางปฏิบัติเราควรเก็บงบนี้ไว้ในธนาคารจำนวนหนึ่งให้ได้ แม้ว่าตอนนี้เราอาจจะมีฐานะยากจนเพียงไรก็ตาม
๔. ใช้บำรุงบูชาบุคคลที่ควรบูชา ตั้งแต่บำรุงพ่อแม่ บำรุงญาติ ต้อนรับแขก ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับ เสียภาษีให้รัฐ แม้ที่สุดบางคนเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เทวดา หรือที่เรียกว่า เทวดาพลี ก็ควรจำกัดอยู่ในงบนี้
๕. ใช้บำรุงพระพุทธศาสนา วิสัยทัศน์ของคนมีปัญญานั้น เมื่อได้อาศัยประโยชน์จากพระพุทธศาสนา คือได้ความสุขกาย สุขใจด้วยอำนาจแห่งพุทธธรรมแล้ว เขาย่อมบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอบแทนบ้าง ด้วยการทำบุญ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เต็มกำลังศรัทธา เพื่อให้บุญกุศลติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ งบนี้สำคัญมากถือเป็นเสบียงบุญ ติดตัวไปตลอดเวลาที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร
คนเราเมื่อรู้จักใช้ทรัพย์ ซึ่งได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ไปทำประโยชน์ให้เต็มที่อย่างนี้แล้ว แม้จะหมดเปลืองอย่างไรก็ไม่ควรเสียดาย เพราะคุ้มแสนคุ้มแล้ว
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ
เมื่อวันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547
ถาม: หลายๆ คน ทั้งๆ ที่เงินเดือนก็สูง รายได้ก็มาก แต่พอสิ้นเดือนทีไร กลับไม่พอใช้สักที จากสถิติพบว่า สาเหตุเกิดจากการใช้เงินไม่ถูกวิธี ทำอย่างไรจึงจะใช้เงินเป็น ?
ตอบ: สิ่งแรกที่เราต้องรู้ก็คือ ความสุขของคนเรานั้น มีอะไรบ้าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสรุปไว้ให้ ๔ อย่าง คือ
๑. สุขจากการมีทรัพย์
๒. สุขจากการใช้ทรัพย์
๓. สุขจากการไม่มีหนี้
๔. สุขจากการทำงานไม่มีโทษ คือไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดศีลธรรม คือ เป็นความสุขที่แก่น เป็นรากฐานของข้ออื่นๆ เพราะถ้าติดคุก หรือมีคดีความเสียแล้ว ถึงมีเงินเท่าไร ก็หาความสุขไม่ได้
การ ที่จะให้ได้รับความสุขครบถ้วน อย่างนี้ ต้องรู้จักวิธีแบ่งรายได้ออกเป็น ๕ งบด้วยกัน แต่ละงบอาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ตามแต่สมควร คือ
๑. ใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นงบที่สำคัญที่สุด จะขาดตกบกพร่องไม่ได้ ต้องไม่ให้เดือดร้อนกันทุกฝ่าย เพราะจะทำให้เสียความมั่นคงในครอบครัว
๒. ใช้เลี้ยงมิตรสหายและผู้ร่วมงาน ถือเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกัน จะได้มีความรักใคร่นับถือเกรงใจกัน งานที่ร่วมกันทำจะได้ราบรื่น ไม่สะดุดหรือติดขัด เมื่อถึงคราวจำเป็นจะต้องเอ่ยปากไหว้วานใครให้ช่วย ก็จะได้รับความร่วมมือโดยง่าย ทั้งยังเป็นที่รักที่เกรงใจของคนหมู่มาก แต่ก็ต้องระวังการใช้เงินงบนี้ ให้เป็นครั้งเป็นคราว ไม่ให้เกินตัว เดี๋ยวจะเป็นการก่อหนี้ก่อสินเพิ่มขึ้น
๓. ใช้ป้องกันรักษาสวัสดิภาพของร่างกาย เพื่อให้ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วย หรือคราวจำเป็นฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ จะได้มีจับจ่ายใช้สอยได้ทันท่วงที ในทางปฏิบัติเราควรเก็บงบนี้ไว้ในธนาคารจำนวนหนึ่งให้ได้ แม้ว่าตอนนี้เราอาจจะมีฐานะยากจนเพียงไรก็ตาม
๔. ใช้บำรุงบูชาบุคคลที่ควรบูชา ตั้งแต่บำรุงพ่อแม่ บำรุงญาติ ต้อนรับแขก ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับ เสียภาษีให้รัฐ แม้ที่สุดบางคนเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เทวดา หรือที่เรียกว่า เทวดาพลี ก็ควรจำกัดอยู่ในงบนี้
๕. ใช้บำรุงพระพุทธศาสนา วิสัยทัศน์ของคนมีปัญญานั้น เมื่อได้อาศัยประโยชน์จากพระพุทธศาสนา คือได้ความสุขกาย สุขใจด้วยอำนาจแห่งพุทธธรรมแล้ว เขาย่อมบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอบแทนบ้าง ด้วยการทำบุญ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เต็มกำลังศรัทธา เพื่อให้บุญกุศลติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ งบนี้สำคัญมากถือเป็นเสบียงบุญ ติดตัวไปตลอดเวลาที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร
คนเราเมื่อรู้จักใช้ทรัพย์ ซึ่งได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ไปทำประโยชน์ให้เต็มที่อย่างนี้แล้ว แม้จะหมดเปลืองอย่างไรก็ไม่ควรเสียดาย เพราะคุ้มแสนคุ้มแล้ว
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#5
โพสต์เมื่อ 20 May 2009 - 09:43 PM
ขอบคุณสำหรับมุมมองและแง่คิด พร้อมธรรมะดีๆจากหลวงพ่อ ผมก็คงเหลือแต่ สุขจากการไม่มีหนี้ เท่านั้น สู้ สู้
#6
โพสต์เมื่อ 27 May 2009 - 11:51 AM
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ