ดิฉันมีสามีคบกันมา 11 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ทะเลาะกันบ่อยมากจนเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แล้วสุดท้ายก็เลิกกัน(ไม่เคยมีเรื่องมือที่สามนะ) ส่วนลูกก็อยู่กับทางสามี จนผ่านมาประมาณ 2 ปี ดิฉันก็มีแฟนใหม่เป็นแฟนเด็กกว่า 9 ปีอยู่กินกัน เค้าเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ส่วนสามีเก่าก็มีแฟนเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่กินกัน แล้วผ่านไป เราต้องติดต่อกันเรื่องลูกอยู่บ่อยๆ จนคุยกันมากขึ้นและไปมาหาสู่ จนสามีเก่าชวนกลับไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันจะได้เป็นครอบครัว ดิฉันก็ตอบตกลง โดยไม่คิดให้รอบคอบ ดิฉันรู้สึกผิดกับความคิดโง่ๆแบบนี้ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร มันคือกิเลส ความริษยา หรือเปล่าค่ะ ดิฉันกับสามีเก่ายังไม่หมดกรรมต่อกันหรือเปล่าค่ะ อยากให้ช่วยชี้ทางสว่าง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เพราะดิฉันต้องการลูกมาเลี้ยงเองในอนาคต และลูกก็ต้องการมาอยู่กับดิฉันค่ะ กลัวเกิดปัญหาแล้วทางสามีไม่ให้ลูกมา
คนนี้หรือเปล่า?
#1
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 12:24 AM
ดิฉันมีสามีคบกันมา 11 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ทะเลาะกันบ่อยมากจนเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แล้วสุดท้ายก็เลิกกัน(ไม่เคยมีเรื่องมือที่สามนะ) ส่วนลูกก็อยู่กับทางสามี จนผ่านมาประมาณ 2 ปี ดิฉันก็มีแฟนใหม่เป็นแฟนเด็กกว่า 9 ปีอยู่กินกัน เค้าเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ส่วนสามีเก่าก็มีแฟนเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่กินกัน แล้วผ่านไป เราต้องติดต่อกันเรื่องลูกอยู่บ่อยๆ จนคุยกันมากขึ้นและไปมาหาสู่ จนสามีเก่าชวนกลับไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันจะได้เป็นครอบครัว ดิฉันก็ตอบตกลง โดยไม่คิดให้รอบคอบ ดิฉันรู้สึกผิดกับความคิดโง่ๆแบบนี้ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร มันคือกิเลส ความริษยา หรือเปล่าค่ะ ดิฉันกับสามีเก่ายังไม่หมดกรรมต่อกันหรือเปล่าค่ะ อยากให้ช่วยชี้ทางสว่าง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เพราะดิฉันต้องการลูกมาเลี้ยงเองในอนาคต และลูกก็ต้องการมาอยู่กับดิฉันค่ะ กลัวเกิดปัญหาแล้วทางสามีไม่ให้ลูกมา
#2
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 12:36 AM
#3
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 12:43 AM
#4
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 12:55 AM
1.มีศีลเสมอกัน
2.มีทิฐิเสมอกัน
3.มีตระกูลเสมอกัน
4.มีทรัพย์สินเสมอกัน
หลักการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
1.ทาน การให้ ให้สิ่งของ, ให้เวลา, ให้โอกาส,ให้ความรัก ,ให้อภัย
2.ปิยวาจา พูดให้พอดี, พูดให้รื่นหู ,พูดให้ยกใจ ,พูดให้กำลังใจ ,พูดขอโทษอย่างนอบน้อมเป็น
3. สมานัตตา คอยดูแล ,คอยเอาใจใส่ ,คอยรับฟัง(ไม่เถียง) ,คอยเป็นกำลังใจ,และพร้อมเสมอที่จะอยู่เคียงข้าง
4. อัตถจริยา ทำตัวเราให้น่ารัก,ทำบ้านให้น่าอยู่ , ทำตัวเองให้น่าดู, วางตัวให้สมกับฐานะ
อาจไม่ใช่คำตอบ แต่อาจเป็นคำถาม อยากอยู่กับใคร?? ก็ต้องทำอย่างนี้จึงจะมีความสุข
ทำ ได้?? หรือ ไม่ได้?? ตอบตัวเองให้ได้ ตัดสินใจเอาเอง
#5
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 02:06 AM
#6
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 05:53 AM
#7
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 07:16 AM
#8
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 08:39 AM
เอาละถ้าคุณจะกลับไปหาสามีเก่าของคุณ ก็ได้ไม่ได้ผิดอะไร แต่คุณก็จะต้องบอกเลิกกับเบอร์สองก่อนนะครับ ไม่งั้นก็เข้าข่ายเจ้าชู้ละครับ และก็อาจจะนำมาซึ้งความขัดแย้งกันในภายหลังก็เป็นได้ อันนี้ O.นะครับ
ขอเสริมครับ ที่มีคนตอบว่า "ถ้าอยู่กับใครแล้วชีวิตมีแต่ความสุขสบายใจสามารถสั่งสมบุญบารมีได้สะดวกสบายคนนั้นคือคนที่ใช่" ต้องบอกก่อนว่า แน่นอนครับไม่มีใครที่หากคิดที่จะมีครอบครัวแล้วไม่อยากที่จะมีความสุขกับคนที่รัก เขาก็อยากมีกันทั้งนั้น แต่เมื่ออยู่กันไปนานๆแล้วก็มักจะมาคิดในภายหลังว่า เออมันยังไม่ใช่ งั้นเราเลิกกัน หาใหม่ดีกว่า ความคิดนี้มันมาภายหลัง ถูกต้องไหมครับ
ดังนั้นถ้าคุณยังคิดว่า ไม่เป็นไรอยู่กับใครแล้วไม่มีความสุข แล้วคุณก็เลิกกับเขาไปซะทุกราย เพราะแสดงว่ามันยังไม่ใช่นี่ อย่างนี้แล้วถามว่าคุณจะไม่ต้องทำอย่างนี้ไปสักกี่ร้อยกี่พันครัง? แล้วชีวิตนี้จะได้ใครที่ถูกใจละครับ
ในขณะเดียวกันเจ้าพยานรักก็เพิ่มขึ้นทุกๆขณะ แล้วคุณจะปล่อยให้เป็นภาระใครละ?
ดังนั้นเอง ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดที่จะมีรักมีเรือนแล้ว ก็ต้องคิดกันให้ดี อย่าเพียงคิดแค่ว่าจะได้มีสุขเพียงชั่วข้ามวันข้ามคืนเท่านั้น แต่จงคิดให้มันไกลไปจนถึงอนาคตด้วย แล้วปัญหาที่ว่า จะเลือกใครดีมันจะไม่มีในภายหลัง เพราะว่าเรานั้นคิดดีแล้วครับ เหมือนอย่างที่ว่า "จงคิดก่อนทำทุกครั้ง แต่อย่าทำทุกครั้งที่คิด"
ขอปิดท้ายว่า ไปหาหนังสือครอบครัวอบอุ่นมาอ่านเถอะครับ เหมือนอย่างที่คุณตำรวจเขาบอกนั่นแหละครับ แล้วก็อย่าลืมมาสอบด้วยละ มากันทั้งครอบครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกครับ ไปละนะ
__________________.jpg 58.14K 51 ดาวน์โหลด
#9
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 08:43 AM
ก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณตำรวจรักบุญกับคุณโก้นะครับ แต่แย้งความเห็นของคุณโก้สักนิด คนที่เราจะอยู่ด้วยแล้วมีความสุขน่ะ ถ้าเป็นเรื่องชีวิตคู่คงไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าเป็นทางธรรม มีอยู่คนหนึ่ง อยู่กลางท้องของคุณเจ้าของกระทู้เองน่ะแหล่ะ คนๆนี้นะรักจริง หยิบยื่นแต่ความสุขที่แท้จริงให้ รอเวลาที่คุณเจ้าของกระทู้จะค้นหาตัวตนของเขาอยู่ ถ้าคุณเจ้าของกระทู้หาเค้าเจอ จะมีแต่สุขจริงๆ สุขยิ่งๆเลยล่ะครับ ^ ^
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#10
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 09:12 AM
การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเรื่องที่ว่ายากก็เหมือนง่าย แต่ครั้นจะว่าง่ายก็เหมือนยาก เพราะเพียงแต่เราตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรสามีภรรยาจึงจะมีความรักยั่งยืนอยู่กินราบรื่นเพียงประเด็นเดียว แล้วลองเที่ยวหาคำตอบดูเถอะ ถามสิบคนก็ตอบสิบอย่าง บ้างก็ว่าเกี่ยวกับดวงชะตาคู่ธาตุ ต้องวางฤกษ์วางลัคน์ให้เหมาะๆ บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ที่หัวสมัยใหม่หน่อยก็ว่าสำคัญที่แหวนหมั้นขันหมากเงินทุนให้มากๆ เข้าไว้ ความสุขในชีวิตสมรสจะมีเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องมงคลสมรสไว้สั้นๆ เพียงคำเดียวว่า สังคหะ แปลว่า การสงเคราะห์กัน และให้ปฏิบัติตามหลัก “สังคหวัตถุ๔” เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน ดังนี้
๑.ทาน คือ การให้ปันแก่กัน คนเราถ้ารักกันอยู่ด้วยกัน ต้องปันกันกินปันกันใช้ หามาได้แล้วควรรวมกันไว้เป็นกองกลางแล้วจึงแบ่งกันใช้ หากไม่เอามารวมกัน อาจเกิดการระแวงกันได้ ที่ใดปราศจากการให้ที่นั่นย่อมแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย การปันกันกินนี้รวมทั้งการปันทุกข์กันในครอบครัวด้วย เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีความทุกข์ มีปัญหา ก็ควรนำมาปรึกษากันได้
๒.ปิยาวาจา คือ พูดกันด้วยวาจาไพเราะ แม้การตักเตือนกันก็ต้องระมัดระวังคำพูด ถ้าถือกันเป็นกันเองเกินไป อาจเกิดทิฏฐิมานะ ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข โดยถือหลักว่า ก่อนแต่งงานเคยพูดไพเราะอย่างไร หลังแต่งงานก็พูดไพเราะอย่างนั้น
๓.อัตถจริยา คือ ประพฤติตนเป็นประโยชน์ต่อกัน เมื่อรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง พยายามศึกษาหาความรู้ทางธรรม เอาใจมาเกาะกับธรรมให้มาก สามีภรรยานั้น เมื่อทะเลาะกันมักโยนความผิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแท้จริงแล้ว ย่อมมีความผิดด้วยกันทั้งคู่ อย่างน้อยก็ผิดที่ไม่หาวิธีเหมาะสมตักเตือนกัน ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งทำความผิด
๔.สมานัตตตา คือ การวางตัวให้เหมาะสมกับที่ตัวเป็น เป็นพ่อบ้านก็ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อบ้าน เป็นแม่บ้านก็ทำตัวให้สมกับเป็นแม่บ้าน ต่างก็วางตัวให้เหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งข้อนี้จะประพฤติปฏิบัติให้ดี ต้องฝึกสมาธิให้ใจผ่องใสเป็นปกติ เพราะคนที่ใจผ่องใสจะรู้ว่าในภาวะเช่นนั้น ควรจะวางตนอย่างไร ไม่ระเริงโลกจนวางตนไม่เหมาะสม
โดยสรุป คือ การปฏิบัติสังคหวัตถุ ๔ คือ การปฏิบัติตนตามวิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนา ๓ ประการ คือ
ทาน - การให้ปันสิ่งของ
รักษาศีล - เพื่อให้มีคำพูดที่ไพเราะ และเพื่ออุดข้อบกพร่องของตนจะได้เป็นคนมีประโยชน์
เจริญภาวนา - การฟังธรรมและทำสมาธิ เพื่อให้ใจผ่องใส เกิดปัญญา จะได้วางตัวเหมาะสมกับที่ตัวเป็น
หน้าที่ของสามี-ภรรยา
การที่คู่รักจะรักกันยั่งยืนนั้น ทั้งสามีและภรรยาก็ต้องทราบถึงหน้าที่ที่ต่างฝ่ายพึงต้องปฏิบัติต่อกันให้ครบถ้วน และเมื่อปฏิบัติหน้าที่สามีภรรยาต่อกัน ทั้งสองฝ่ายก็ต้องทำด้วยหลักการของสังคหวัตถุ ๔ ก็จะทำให้การทำหน้าที่สามีภรรยาสมบูรณ์แบบ และดำเนินไปด้วยการยึดเหนี่ยวน้ำใจกันอย่างมั่นคงยาวนานเท่านาน
๑.หน้าที่ของสามีที่พึงปฏิบัติต่อภรรยา มี ๕ ข้อ
๑.๑ ยกย่องให้เกียรติ คือ ยกย่องว่าเป็นภรรยา ไม่ปิดๆ บังๆ หากภรรยาทำดีก็ชมเชยด้วยใจจริง หากทำผิดก็เตือน แต่ไม่ตำหนิต่อหน้าสาธารณชนหรือคนในบ้าน เพราะจะเสียอำนาจการปกครอง สิ่งใดเป็นเรื่องส่วนตัวของภรรยา เช่น การเลี้ยงเพื่อน พบปะญาติมิตร ควรให้อิสระตามสมควร
๑.๒อย่าดูหมิ่น คือ ไม่เหยียดหยามว่าต่ำกว่าตน ไม่ดูถูกเรื่องตระกูล ทรัพย์ ความรู้ การแสดงความคิดเห็น ไม่กระทำเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวโดยไม่ปรึกษาหารือ และห้ามทุบตีด่าทอเด็ดขาด
๑.๓ไม่นอกใจ คือ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นในฐานะเป็นภรรยาเหมือนกัน เพราะเป็นการดูหมิ่นความเป็นหญิงของภรรยา ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ภรรยาทุกคนจะปลื้มใจที่สุด ถ้าสามีรักและซื่อตรงต่อตนเพียงคนเดียว
๑.๔มอบความเป็นใหญ่ให้ คือ มอบให้เป็นผู้จัดการภาระทางบ้าน ไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องการครัว การปกครองภายใน นอกจากเรื่องใหญ่ๆ ซึ่งภรรยาไม่อาจแก้ไขได้
๑.๕เครื่องแต่งตัว คือ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงล้วนชอบแต่งตัว สนใจเรื่องสวยๆ งามๆ ถ้าได้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวสวยๆ งามๆ แล้วชื่นใจ ถึงจะโกรธเท่าโกรธ ถ้าได้เครื่องแต่งตัวถูกใจ ประเดี๋ยวก็หาย สามีต้องตามใจบ้าง
๒.หน้าที่ของภรรยาที่พึงปฏิบัติต่อสามี มี ๕ ข้อ
๒.๑จัดการงานดี คือ จัดบ้านให้สบายน่าอยู่ จัดอาหารให้ถูกปากและทันความต้องการ จัดเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้สะอาดอยู่เสมอ
๒.๒สงเคราะห์ญาติข้างสามี คือ การช่วยเหลือด้วยความเอื้อเฟื้อ กล่าววาจาไพเราะ ให้ความช่วยเหลือตามฐานะที่ทำได้
๒.๓ไม่นอกใจ คือ จงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อสามีเพียงผู้เดียว
๒.๔รักษาทรัพย์ให้ดี คือ ไม่ฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่ตระหนี่ รู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็น
๒.๕ขยันทำงาน คือ ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ไม่เอาแต่กิน นอน เที่ยว หรือเล่นการพนัน
ควรคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนตัดสินใจไปแล้วก็ยากที่จะแก้ไขได้เพราะเป็นเรื่องของวิบากกรรมด้วย
ขอแนะนำ 1 วิธี คือ ให้นั่งสมาธิให้เข้าถึงพระในตัวแล้วไปถามท่านจะชัวร์ที่สุด
#11
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 09:17 AM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#12
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 09:23 AM
" ไอ้ที่รักมันก็หลอก ไอ้ที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย เลิกอยาก ลาหยอก รีบออกจากกาม ฯ......."
สิ่งที่คุณกำลังจะทำมันคือกิเลส เป็นหุบเหวชีวิตที่ต้องตกลงมาตายนะครับ และคุณก็คงเป็นอย่างนี้มานับชาติไม่ถ้วนแล้ว
(ปัจจุบันเป็นอย่างไร อดีตมันก็เคยทำมาอย่างนั้น ...อนาคตอยู่ที่คุณจะแก้ผังใหม่อย่างไร)
#13
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 10:18 AM
#14
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 10:39 AM
........ แล้วคุณก้อสามารถตอบได้ว่าควรอยู่กับใคร...... จะเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
รักบุญ เชื่อในบุญ
mata072 windowslive.com
#15
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 10:55 AM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#16
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 12:02 PM
#17
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 12:35 PM
หยุดให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวก็ได้
ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็ได้ ง่ายนิดเดียว
ajvj
#18
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 01:33 PM
#19
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 04:50 PM
#20
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 08:19 PM
#21
โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 08:47 PM
#22
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 12:07 AM
#23
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 01:42 AM
ในยุคต้นกัปบุคคลผู้ที่เป็นสามีภรรยากันเมื่อมีลูกด้วยกันแล้ว จากนั้นเขาทั้งสองก็จะอยู่ด้วยกันเสมือนพี่น้องกันช่วยกันดูแลลูกอย่างดีด้วยฐานะใหม่คือการเป็นพ่อและแม่ การเป็นสามีภรรยาที่ดี รวมถึงการเป็นพ่อแม่ที่ดี ศึกษาได้ในมงคลชีวิต 38 ประการ
การที่สามีผู้เป็นพ่อของลูกตัวมาขอโอกาสคืนดีด้วยถือว่านี่เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมาช่วยกันทำหน้าที่ที่นอกเหนือจากความใคร่ความกำหนัดยินดีในกาม
ถ้าการกลับมาอยู่ด้วยกันของคุณโดยมี พ่อแม่ลูกเพียงเหตุผลที่ว่าอยากได้ลูกก็แสดงว่าคุณไม่ได้อาลัยอาวรณ์กับสามีผู้เป็นพ่อของลูกอยู่กันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันก็เลิกกันอีก กับสามีคนใหม่ก็ไม่มีใครรับประกันได้เหมือนกันว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ถามตัวคุณเองดูละกันว่าในใจลึก ๆ แล้วต้องการอะไร คุณเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินใจ
โอกาสไม่ได้มีเข้ามาหาเราบ่อย มันอาจจะเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายแล้วก็ได้ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับผู้ที่สำนึกได้ เริ่มต้นใหม่ด้วยการแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดพลาดและเจ็บปวด เราเป็นมนุษย์เราย่อมเรียนรู้จากความเจ็บปวดที่ผ่านมาไม่ให้เกิดขึ้นได้อีก
กับคำว่าใครคือคนที่ใช่หากคำนี้หมายถึงใครคือคนที่ใช่เนื้อคู่ที่แท้จริง เราคิดว่าคำคำนี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้กับคนที่มีลูกแล้ว เพราะนั่นหมายถึงความเห็นแก่ตัวของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ เป็นแม่ คำคำนี้เหมาะสมที่จะใช้ก่อนการตัดสินใจอยู่ร่วมกัน
ศีลเสมอกัน ทิฐิเสมอกัน ตระกูลเสมอกัน ทรัพย์เสมอกัน ใช้ได้ทั้งสองกรณี
กรณีที่ 1 ในการเลือกคู่ครอง
กรณีที่ 2 ในการปรับใช้เพื่อให้ชีวิตครองคู่กันให้ยาวนาน คือเป็นกัลยาณมิตรให้แก่กัน เช่น เมื่อเห็นว่าเราทั้งสองมีศีลที่ยังด่างพร้อยอยู่ก็ชวนกันรักษาศีลไม่ให้ด่างพร้อย ทะเลาะกันบ่อยแสดงว่ามีความคิดไม่ตรงกันพูดกันคนละเรื่องเรารู้ตัวก่อนเราก็ต้องรีบหยุดก่อน ส่วนตระกูลและทรัพย์จะเสมอกันหรือไม่อยู่ที่ว่าปรองดองกันขนาดไหน ช่วยกันทำมาหากินมาเจือจุนกัน เพราะกรณีที่ 2 นี่ต้องช่วยกันเป็นกัลยาณมิตรให้แก่กันอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยาจนกระทั่งมีลูก พอเกิดปัญหาแล้วเดินจากไปหาคู่ใหม่ที่คิดว่าใช่แล้วทิ้งผู้บริสุทธิ์ไว้เบื้องหลังรอคอยการกลับมาของบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสอง ก็ไม่ถูก
นับว่าคุณกำลังโชคดี และอย่างน้อยที่สุดก็มีใครคนหนึ่งผู้ที่จิตใจยังสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากเรื่องราคะ วุ่นวาย ๆจากกิเลสของพวกผู้ใหญ่ที่กำลังสร้างปัญหาให้ เขาผู้นั้นกำลังรอคอยการกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าของผู้ที่เขารักที่สุดทั้งสองคน
สำคัญที่สุดหากคุณทำได้ น่าจะลองอยู่กับตัวเองสัก 7 วัน หรือสัก 2 สัปดาห์ไปหาสถานที่ที่เหมาะแก่การถือศีล 8 และประพฤติพรหมจรรย์ดู หมั่นนั่งสมาธิมาก ๆ เข้า แล้วตัวคุณจะรู้คำตอบของตัวคุณได้เอง
#24
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 02:56 AM
#25
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 10:25 AM
ให้เวลากับตัวเอง ถือศีลห้า หรือศีลแปด
อ่านหนังสือครอบครัวอบอุ่น
แล้วจะรู้คำตอบ
เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้นะ
แต่คำตอบที่อยากบอกสำหรับคนที่ยังไม่แต่งงาน คือ.....
อยู่คนเดียวดีที่สุด สร้างบารมีได้สะดวก
#26
โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 11:35 AM
#27
โพสต์เมื่อ 11 December 2008 - 06:38 PM
#28
โพสต์เมื่อ 12 December 2008 - 01:23 PM
แนะนำให้หยุดปัญหาทั้งหมดไว้ก่อน อยู่คนเดียว นั่งสมาธิมากๆแล้วจะเกิดปัญญาหาทางออกได้เองค่ะ
ดิฉันหาทางออกในปัญหาต่างๆได้จากการนั่งสมาธิ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ลองดูและขอให้ทำจริงจัง
และขอตอบเหมือนหลายๆท่านว่า เลือกตัวเอง รักตัวเองค่ะ เราเองจะเป็นรู้คำตอบได้ดีที่สุด
บางทีคุณเองอาจมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ได้
ขอให้โชคดีและพบทางสว่างนะคะ ขอเป็นกำลังใจ และสุดท้ายขอให้คิดถึงเจ้าตัวเล็กด้วยนะ
#29
โพสต์เมื่อ 12 December 2008 - 11:26 PM
#30
โพสต์เมื่อ 13 December 2008 - 12:08 AM