พระสาวก
#1
โพสต์เมื่อ 24 April 2010 - 06:32 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 April 2010 - 06:51 PM
นั่งหลับตาทำใจนิ่ง หยุดกลางองค์พระ ณ ฐานที่เจ็ด เห็นองค์พระ ทำใจให้ใจตามครูไม่ใหญ่ก่อนจะดีกว่านะคับ
เลือกเอา ใจใสๆ
#3
โพสต์เมื่อ 24 April 2010 - 09:28 PM
ดังนั้น มาบวชรุ่นเข้าพรรษานี้เลยนะครับ ในโครงการบวชเข้าพรรษาแสนรูปทั่วไทยครับ ดีไม่ดีอาจบรรลุนิพพานในชาตินี้เลยก็ได้ครับ
#4
โพสต์เมื่อ 24 April 2010 - 11:51 PM
การสร้างบารมีเป็นพระอรหันต์สาวก จะต้องสร้างบารมี 10 อย่าง 30 ทัศ คือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี
วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี
สร้างบารมี 10 อย่างนี้ เป็นระยะเวลา 1 อสงไขย 1 แสนมหากัป จึงจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ องค์หนึ่งได้ค่ะ จึงจะเข้าพระนิพพานได้
ถ้าคุณอยากไปที่สุดแห่งธรรม ต้องทำทาน ศีล สมาธิ และ บารมี 10 อย่าง ให้มากที่สุด ให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ให้มากที่สุด สุด ๆ
เหมือนอย่างที่หลวงพ่อให้เราสร้างบารมีเช่น การชวนคนบวช การถวายไทยธรรม 10000 วัด เป็นต้น จึงจะถึงที่สุดแห่งธรรมได้ค่ะ
แต่จะใช้เวลานานกว่า 1 อสงไขย 1 แสนมหากัป
เหมือนอย่างที่คุณหัดฝันบอกน่ะค่ะ ชาตินี้ คุณมาบวชก่อน จะได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าใกล้พระรัตนตรัย แล้วค่ะ
ท่านสมาชิกทุกท่านค่ะ ถ้าเราเขียนผิดพลาดประการใด ช่วยเขียนตอบบอกกล่าวกันด้วยค่ะ ถือว่าเป็นธรรมทานให้ทุกคนค่ะ ขอบคุณค่ะ
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
#5
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 12:03 AM
จะบรรลุระดับไหนก็ตาม ก็เป็นหนทาง สงบ สุข สันติ
แต่ก็ต้องสร้างบารมีกันทุกระดับ แต่ไม่ต้องกลัวครับ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เธอจงอย่ากลัวบุญเลย จงกลัวบาป เพราะการสั่งสมขึ้นซึ่งบุญ นำสุขมาให้"
หากท่านมีดวงตาเห็นหนทางธรรม หากเหนื่อล้าอ่อนล้า วุ่นวายกับโลกภายนอกมามากมายนัก จงก้าวเข้าสู่โลกบรรพชิตเถิด
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ที่นี่ไม่วุ่นวายหนอ ที่นี่ไม่ขัดข้องหนอ มาเถิด จงนั่งลง เราจะแสดงธรรมให้เธอฟัง...มีใจสงบ สุขใจ เบิกบานแล้ว"
และถึงแม้ท่านจะบรรลุอรหันต์ แม้ระดับสุกขวิปัสสกะก็ตาม แล้วเข้าพระนิพพาน สุดท้ายท่านก็ต้องถึงที่สุดแห่งธรรมอยู่ดีครับ เมื่อหมู่คณะในสายวิชชาธรรมกายถึงที่สุดแห่งธรรมในภายภาคหน้า แต่หากจะอยู่ช่วยกันสร้างบารมีก็ยิ่งดีครับ
ในทางปริยัติ เราเรียนรู้ระยะเวลาอนยาวนานในการสร้างบารมี แต่ว่าในทางปฏิบัตินั้นเราจะไม่รู้สึกยาวนานเหน็ดเหนื่อยเลย ถ้าเราได้ปฏิบัติธรรม
การบรรลุธรรม การบำเพ็ญบารมี หนทางแห่งความบริสุทธิ์ ทางศาสนาพุทธ คุณอย่าไปคิดว่าลำบาก ยาวนานเลยครับ เพียงแค่คุณหลับตา ทำสมาธิ นึกถึงองค์พระใสสว่าง นั่นและครับ คุณก็เข้าใกล้พระรัตนะตรัยแล้ว รับรองว่าคุณจะได้รับสิทธิ์แห่งความบริสุทธิ์ แห่งความสุขนั้น ทันที
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#6
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 01:21 AM
เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า สร้างบารมี 2 อสงไขยกัปป์
เป็นพระอัครสาวก สร้างบารมี 1 อสงไขยกัปป์
เป็นพระอรหันต์สาวก แบบธรรมดา สุขวิปัสโก (ไม่มีอภิญญาใดๆเลย แค่มีญาณตัดกิเลสได้) สร้างบารมีอย่างน้อย 1 แสนกัปป์ แต่ถ้ามีอภิญญา มากบ้างน้อยบ้าง ไปจนถึง เอตะทัคคะ ก็สร้างบารมีมากขึ้น ไปตามลำดับ จนถึง 1 อสงไขยกัปป์
#7
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 01:46 AM
...0/ ผมคนนึงที่ขอร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับหมู่คณะผู้ปรารถนาไปถึงที่สุดแห่งธรรม เพราะหากปราศจากหมู่คณะเราแล้ว หาได้มีหมู่คณะใดเลยจะช่วยเหลือ จะนำสรรพชีวิตเหล่านั้นไปพบความสุขที่แท้จริงได้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นอย่างแท้จริง...
#8
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 08:22 AM
#9
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 01:36 PM
#10
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 02:40 PM
เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า สร้างบารมี 2 อสงไขยกัปป์
เป็นพระอัครสาวก สร้างบารมี 1 อสงไขยกัปป์
เป็นพระอรหันต์สาวก แบบธรรมดา สุขวิปัสโก (ไม่มีอภิญญาใดๆเลย แค่มีญาณตัดกิเลสได้) สร้างบารมีอย่างน้อย 1 แสนกัปป์ แต่ถ้ามีอภิญญา มากบ้างน้อยบ้าง ไปจนถึง เอตะทัคคะ ก็สร้างบารมีมากขึ้น ไปตามลำดับ จนถึง 1 อสงไขยกัปป์
ตรงนี้มีคำขยายเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ที่มาที่ไปก็ได้ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ
#11
โพสต์เมื่อ 25 April 2010 - 07:29 PM
http://www.84000.org.......p;i=137&p=2
แต่ต้องขยายความเล็กน้อยครับ คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ จะต้องสร้างบารมี 4 อสงไขย แสนมหากัป (นับเฉพาะตอนได้รับพุทธพยากรณ์) หากนับรวมตอนนึกในใจอีก 7 อสงไขย และตอนเปล่งวาจาอีก 9 อสงไขย รวมแล้วจะกลายเป็น 20 อสงไขย แสนมหากัป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเภทศรัทธาธิกะ จะต้องสร้างบารม 8 อสงไขย แสนมหากัป (นับเฉพาะตอนได้รับพุทธพยากรณ์) หากนับรวมตอนนึกในใจอีก 14 อสงไขย และตอนเปล่งวาจาอีก 18 อสงไขย รวมแล้วจะกลายเป็น 40 อสงไขย แสนมหากัป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเภทวิริยาธิกะ จะต้องสร้างบารม 16 อสงไขย แสนมหากัป (นับเฉพาะตอนได้รับพุทธพยากรณ์) หากนับรวมตอนนึกในใจอีก 28 อสงไขย และตอนเปล่งวาจาอีก 36 อสงไขย รวมแล้วจะกลายเป็น 80 อสงไขย แสนมหากัป
พระปัจเจกพุทธเจ้า สร้างบารมี 2 อสงไขย แสนมหากัป
พระอัครสาวก สร้างบารมี 1 อสงไขย แสนมหากัป
พระมหาสาวก สร้างบารมี 1 แสนมหากัป
ส่วนพระอรหันต์สาวกทั่วไป สร้างบารมีเท่าไหร่ แม้ตำราไม่ได้กล่าวไว้ แต่ก็จำเป็นต้องสร้างบารมีแน่นอนครับ
#12
โพสต์เมื่อ 26 April 2010 - 08:21 AM
ตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่าครับ
แล้วจะต้องสร้างบารมี กี่อสงไขยมหากัป ครับ
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#13
โพสต์เมื่อ 26 April 2010 - 12:48 PM
ในภพดุสิตนั้น นอกจากวงบุญพิเศษแล้ว ก็มีวงบุญของนิยตโพธิสัตว์ และอนิยตโพธิสัตว์ อยู่อีกมากมายหลายวงมากๆ
แต่มีพระโพธิสัตว์อยู่องค์หนึ่ง เหล่าทวยเทพต่างคอยไปสอบถามท่านว่า เห็นท่านทำสมาธิอยู่บนสวรรค์มานานมากๆ
เมื่อไหร่ท่านจะลงไปเกิดสร้างบารมีเสียที
พระโพธิสัตว์ท่านนั้นตอบว่า เราจะขอนิพพานด้วยกายมนุษย์ น่ะครับ (ซึ่งถ้าแบบนี้เคยได้ยินว่า 5 พันอสงไขย น่ะครับ)
ส่วนถ้าจะไปที่สุดแห่งธรรม ผมเคยได้ยินว่า อสงไขยอสงไขยน่ะครับ
#14
โพสต์เมื่อ 26 April 2010 - 01:04 PM
เพิ่มเติมๆ เคยมีพระอาจารย์ รูปไหนมิรุบอกว่า (ไม่ขอเอ่ยนาม)
ที่สุดแห่งธรรมนั้น อาจจะสามารถ ชนะเขาได้ ภายในพุทธันดรนี้ ถ้าพวกเราทำปัจจุบันนี้ได้ดีที่สุด
ช่วง ตั้งแต่นี้ - อีก 1000 ปี วิชชาธรรมกายจะเร็วและแรง สุดขีด จนฝ่ายนู้นเขาไม่สามารถ กั้นอยู่ได้
แต่ก็อ่านะ ตอนนี้เขา ก็กันสุดขีด เหมือนกัน
สู้ๆ นะครับ พี่น้องวงบุญ
อยากเข้าถึงพระธรรมกายเร็วๆ จะได้ไปหาคำตอบที่ผม โค ตะ ระ จะสงสัย ไม่รู้กี่คำถาม
อิอิ
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#15
โพสต์เมื่อ 26 April 2010 - 02:21 PM
#16
โพสต์เมื่อ 26 April 2010 - 05:16 PM
ส่วนเรื่องที่สุดแห่งธรรม ก็ทำนองเดียวกันกับ สอบพระบาลียกชั้นแหละครับ
หากผมจะถามว่า เมื่อไหร่พระเณรทั่วประเทศไทย จะสามารถสอบพระบาลียกชั้นได้ (คือ ไม่มีรูปใดสอบตกเลย)
คำตอบนั้น ก็สามารถตอบได้ 2 แนวทางคือ
1. หากทุกรูป(ทั่วประเทศไทย) ร่วมแรงร่วมใจกันทำข้อสอบให้ได้ในครั้งนี้ เราก็สามารถสอบยกชั้นได้ในครั้งนี้เลย
2. หรือ เมื่อใดก็ตามที่ระบบการศึกษาพัฒนาได้ถึงขีดสุด เมื่อนั้นก็มีโอกาสที่พระเณรทุกรูปจะสอบยกชั้นได้ ซึ่งคงจะอีกแสนนานมากๆ เพราะการที่จะทำให้ทุกๆ รูป พร้อมใจกัน ดูหนังสือ แล้วเข้าใจดีทุกๆ รูป อีกทั้งสอบได้เหมือนกันทุกรูปนั้น มันยิ่งกว่า งมเข็มในมหาสมุทร อีกนะครับ อย่าว่าแต่ ทุกรูปทั่วประเทศไทยเลย แค่พระเณรสำนักเรียนแห่งเดียว สอบให้ได้ยกชั้นกันทั้งสำนักเรียน แค่นี้ก็หืดขึ้นคอแล้วครับ จริงมั้ยครับ
ที่สุดแห่งธรรม ก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละครับ
#17
โพสต์เมื่อ 26 April 2010 - 09:21 PM
#18
โพสต์เมื่อ 27 April 2010 - 05:44 AM
สาธุ ครับผม
#19
โพสต์เมื่อ 27 April 2010 - 03:48 PM
ถ้าเราสามารถปิดเกมฑ์ได้ภายในพุทธธันดรนี้แล้ว...
พระนิยตโพธิสัตว์..ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว...จะทำอย่างไร?
พระพุทธเจ้าที่เป็นผู้พยากรณ์ไว้แล้วนั้น...จะต้องเป็นผู้ที่พยากรณ์ผิดพลาดได้อย่างไร?
(ปัญหาที่ต้องพิจารณายังตามมาอีกมากเลย....นะครับ)
#20
โพสต์เมื่อ 27 April 2010 - 04:10 PM
#21
โพสต์เมื่อ 27 April 2010 - 08:20 PM
#22
โพสต์เมื่อ 27 April 2010 - 10:37 PM
ถ้าอย่างนั้นวงบุญพิเศษก็อยู่ในเขต...อนิตยตโพธิสัตว์ ซิครับ ผมหลงเข้าใจผิดไป 2 เรื่องครับ..คือ
1. วงบุญพิเศษอยู่ในเขตนิยตโพธิสัตว์ (ซึ่งผิด)
2. หลวงปู่สร้างบารมีได้ประมาณ 80 อสงไขกัปป์ กับแสนกัปป์ (ซึ่งผิดไปประมาณ 4,920 อสงไขกัปป์)
ซึ่งผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปมาก
แสดงว่าพวกเราโชคดีมากสิครับ...ที่มีโอกาสได้มารับทราบข่าวอันประเสริญโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ......ครับ
#23
โพสต์เมื่อ 28 April 2010 - 11:50 AM
วงบุญพิเศษนั้น อยู่ในเขตของ นิยตโพธิสัตว์ ครับ(ตามที่เข้าใจเดิมถูกแล้ว) แต่ไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ เลยได้ชื่อว่า วงบุญพิเศษ (ไม่ได้ชื่อว่าวงบุญนิยต หรือ อนิยตโพธิสัตว์)
นี่คือผิดอีกครับ หมู่คณะสร้างบารมีมายาวนานๆ มากๆ จนไม่รู้จะมากอย่างไรแล้วล่ะครับ ไม่ใช่แค่นี้แน่นอน
#24
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 07:44 PM
(ออออ...พิเศษตรงนี้นี่เอง)
อย่างนี้ต้องตามติด...และติดตามไม่ให้หลุด