ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ช่วยขยายความหมายของมหรสพ ให้หน่อยนะคะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 28 November 2005 - 06:24 PM

คือว่าหนูเป็นนักเรียนที่อยู่ในห้องที่ทำกิจกรรมบ่อย แล้วก้อจะมีเรื่องการแสดงหลายงาน (เรามันได้แค่ถือฉาก dry.gif )
ก็เลยอยากรู้ว่ามหรสพที่เขาว่าในศีล 8 เนี่ย มีอะไรที่เป็นข้อเว้นบ้าง เพราะว่าบางครั้งที่เขาแสดงนั้นตรงกับวันที่เราถือศีล8 จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะรับปากไปแล้วเดี๋ยวจะผิดศีลข้อ 4

ยังไกช่วยด้วยนะค่ะ happy.gif
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#2 ปาลินารี

ปาลินารี
  • Members
  • 258 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 November 2005 - 09:48 PM

ข้อยกเว้นของศีลข้อ 7 มีเพียงว่า

ยกเว้นการฟัง การขับร้องที่ประกอบด้วยธรรม ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดศรัทธา ความเลื่อมใส หรือความสลดสังเวชเบื่อหน่ายในทุกข์ เป็นการควร ไม่มีโทษ

กับอีกประการที่เป็นข้อยกเว้นก็คือ ถ้าอยู่ในที่ของตนเอง ไม่ได้พยายามที่จะไปดู แต่มีการละเล่นมาแสดงใกล้ที่อยู่ของตนเอง แม้จะแลเห็นก็ไม่เป็นการล่วงองค์ เป็นแต่ความเศร้าหมองของศีล

สองประการนี้มาประกอบกันแล้ว ก็ต้องพิจารณาแล้วล่ะค่ะว่า การแสดงของเราเป็นไปในลักษณะไหน การแสดงวัตถุประสงค์ให้เกิดความคิดไปในเรื่องใดแก่ผู้ชม และเจตนาของเราในการไปทำหน้าที่ถือฉากประกอบนั้น ๆ



#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 November 2005 - 10:02 PM

nerd_smile.gif เอาเป็นว่า พี่ขอให้ความหมายอย่างคร่าวๆ ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ (ปล.กลัวบอกเราผิดน่ะ) คำๆ นี้เป็นคำที่ค่อนข้างโบราณสักนิดนะครับ หมายถึง การละเล่นที่เกี่ยวข้องกับพวก โขน ละคร ลิเก อะไรทำนองนี้ครับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาย้อมอารมณ์ของใจให้กำหนัดในรูป เสียง และการที่ต้องเข้าไปสัมผัสกับอารมณ์ที่น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง จากการที่เราได้ดู ได้ชม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของเบญจกามคุณนะครับ และหากจะพิจารณาจากองค์แห่งศีลข้อที่ ๗ ในจำนวนทั้งหมด ๘ ข้อแล้ว ก็ต้องตอบว่า ห้ามดูและห้ามชมครับ อีกประการหนึ่งที่น้องต้องทำความเข้าใจก็คือ ในขณะนี้เรามีหน้าที่เป็นนักเรียนนักศึกษา ซึ่งการที่เราต้องมาอยู่รวมกันเช่นนี้ ในบางครั้ง ก็ทำให้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างได้ แต่ตัวเราเองก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ โดยการเข้าไปให้ความช่วยเหลือเพื่อนฝูงโดยที่เราไม่ต้องเสียศีล อย่างที่น้องบอกว่า ไปทำหน้าที่ยืนถือฉากน่ะ ถูกต้องแล้วครับ พี่เองก็เหมือนกันครับ วันไหนที่ต้องมีตัวเรียนไปเรียนที่ภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร แล้วอาจารย์ท่านสั่งให้มีการประเมินรสชาติของอาหารโดยการชิม และให้บังเอิญมาตรงกับช่วงที่เรากำลังรักษาศีล ๘ อยู่พอดิบพอดี พี่ก็แก้ปัญหานี้ โดยใช้วิธีของคุณป้าอุบาสิกาถวิล ซึ่งก็คือ การชิมแล้วคายทิ้งครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 30 November 2005 - 12:34 PM

ปรับให้เหมาะสมก็แล้วกันนะครับ อย่าทำให้การรักษาศีลต้องทำให้เรากลายไปเป็นคนประหลาด โดยการไม่ร่วมกิจกรรมอะไรของโรงเรียน หรือที่ทำงานเลยนะครับ อย่างที่คุณปาลีนารี และคุณเกียรติก้อง ยกตัวอย่างมาก็ใช้ได้ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 **

**
  • Guests

โพสต์เมื่อ 02 December 2005 - 03:58 AM

เดินทางสายกลาง เหมาะสุด ดูที่เจตนาเป็นหลัก อะไรที่เป็นหน้าที่แบบนี้มันเลี้ยงไม่ได้แต่ไม่เต็มใจ ก็คือไม่มีเจตนาที่จะทำ ศีลแต่ละข้อเมื่อดูจริงๆ แล้วก็อยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญครับ ถ้าเจตนาที่จะทำไปเพื่อให้กามกิเลสกำเริบก็ผิดก็พร่องไป แล้วแต่ว่าครบองค์ของศีลหรือเปล่า

แต่ขณะที่ทำไปถ้าไม่สบายใจก็ให้ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายไว้ดีที่สุด

ที่สำคัญเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมและจำเป็นต้องเป็นกัลยาณมิตรให้คนรอบข้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของลูกหลวงพ่อหลานคุณยาย เเป็นสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้น เราต้องกระทำสิ่งใดๆ ที่ไม่เป็นการดูเหมือนแปลกแยกออกจากสังคมมากจนเพื่อนๆ รับไม่ได้ ซึ่งจะพลอยทำให้คิดได้ว่า พวกเข้าวัดเป็นอย่างนี้เรอ จะพลอยกลัวไปหมด เป็นการปิดโอกาสตนเองให้พบสิ่งดี ๆ ตั้งแต่ยังไม่เห็น แต่ถ้าเราเป็นคนที่มั่นใจว่าเราเนี่ย จิตใจมั่นคง ในเรื่องการรักษาศีลเนี่ยไม่ต้องห่วงเราทำได้แม้ชีวิตก็ยอม เหมือนที่หลวงพ่อธัมมชโยของเราท่านทำได้สมัยเรียนอยู่ ก็ให้บอกเพื่อนไปเลยว่าเราต้องรักษาศีลอะไรประมาณนี้ แต่การที่เพื่อนจะยอมรับเราได้ เราก็ต้องเป็นคนเหมือนหลวงพ่อคือ ดีมากๆ เฟรนด์ลี่ จนเพื่อนรักและคอยปกป้องเราเอง

แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องเข้าใจว่าคนในสังคมปัจจุบันไม่คุ้นกับการทำบุญหรือทำความดีแบบรักษาศีลนั่งสมาธิ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ แต่คนในยุคนี้บางคนจะมองว่าผิดปกติ ถ้าเกิดในกลุ่มวัยุร่นแบบเรา แล้วจะหาว่าเราถูกล้างสมอง อะไรประมาณเนี่ย ก็จะปิดกั้นตนเองไปอีกกรณีหนึ่งถ้าเราจะเป็นกัลยาณมิตรให้เขา

สิ่งหนี่งที่สำคัญเพราะการที่เรามาวัดรักษาศีล นั่งสมาธิ ไม่ใช่จะเอาไปพูดข่มใครมาฉันมาวัดฉันเป็นคนดี นะ พวกเธอเป็นกล่มคนที่ไม่มาวัดเป็นคนไม่ได้ ทั้งความคิดหรือคำพูด นั้นเป็นตัววัดอีกอย่างหนึ่งว่าเราก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรเลย เพราะเราเข้าวัดข่มคน ไม่ใช่เข้าวัดข่มกิเลสตนเอง

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันคือ การมีน้ำใจ ก็หมายถึง การทำอะไรที่เหมือนคุณสมบัติเหมือนน้ำกับคนรอบข้าง คือ น้ำแค่มองก็ชื่นใจ น้ำเมื่อได้นำมาสัมผัสกับผิวกายก็เบิกบานใจ น้ำเมื่อนำมาดื่ม ก็อื่มใจ กับกระหายคลายทุกข์ยังสุขใจ น้ำนำมาล้างของสกปรกก็ทำให้ของนั้นสะอาดเห็นแล้วก็สบายตาสบายใจ คือการทำตัวเหมือนน้ำที่ยังใจของคนที่สัมผัสพูดคุย ใกล้ชิดเราเกิดความสุขใจ อื่มใจ สบายใจ เป็นต้น

สำนวนสุภาษิตไทย น่าคิด
อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า
น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง
ไม้ซีกงัดไม้ซุง


การเป็นกัลยาณมิตรแบบให้คนรอบข้างไม่รู้ตัวก็ดี ไม่ให้เขาคาดหวังในตัวเรามากเกินไปว่าเราดี เลิศ แต่ให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขากับเราก็กำลังฝึกไปพร้อมๆ กัน โดยมีต้นแบบคือหลวงพ่อ นั่นแหละเขาจะไม่ผิดหวังในตัวเรา ถ้าวันใดวันหนึ่งเขาพบว่าความคาดหวังของเขามันผิดพลาด

#6 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 21 December 2005 - 12:25 PM

รบกวนช่วยแปลสำนวนเหล่านี้ เป็นภาษาอังกฤษให้ด้วยค่ะ
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
งามแต่รูป จูบไม่หอม
ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด
กินบนเรือน ขี้บนหลังคา
กำแพงมีหู ประตูมีตา
เข็นครกขึ้นภูเขา
กงกำกงเกวียน
เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา
งมเข็มในมหาสมุทร
ขอบคุณค่ะ
[email protected]


#7 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 02:20 PM

คือผมว่าเราทำทุกอย่าง อย่างมีสติ เหมือนเราดุละคร ไม่ใช่ว่าอารมณ์ของเราเตลิดไปตามละครที่เราดู แต่เรามองอย่างที่ละครเป็นไป มองสักแต่ว่ามอง ไม่ทราบว่าจะบอกว่ายังไง ถ้าเราเป็นเขา เราจะไม่ทำอย่างนั้น เหมือนที่คุณก้องกับคุณหัดฝัน บอกนั่นแหละครับ
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ