ขอท่านผู้ไม่เข้าใจ....
โปรดพิจารณา........
เรื่องหลักการสอนสมถวิปัสสนากรรมฐาน
ของท่านที่ได้แสดงไว้ดังความตอนหนึ่งว่า
"พระพุทธศาสนาแปลว่าคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนให้สัตว์โลกทั้งหมด ละชั่วด้วยกาย วาจา ใจ
ทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ ทำใจให้ใส ๓ ข้อนี้แหละเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั้งอดีตปัจจุบัน อนาคต
ยืนยันกันหมด เหตุนี้ท่านทั้งหลายเมื่อตั้งใจมั่นลงในพระพุทธศาสนาเช่นนี้ ก็เพื่อจะทำใจของตนให้ดีตามประสงค์ในทางพระพุทธ
ศาสนา การที่จะทำใจให้ดีนี้ มีบาลีเป็นตำรับตำราว่า
เทฺวเม ภิกฺขเว วิชฺชาภาคิยา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิชชามี ๒ อย่าง
กตเม เทฺว ๒ อย่างอะไรบ้าง
สมโถ จ สมถะ ความสงบระงับอย่าง ๑
วิปสฺสนา จ วิปัสสนาความเห็นแจ้งอย่าง ๑
สมโถ ภาวิโต กิมตฺถมนุโภติ สมถะเป็นขึ้นแล้วต้องการอะไร
จิตฺตํ ภาวิยติ ต้องการให้จิตเป็นขึ้น
จิตฺตํ ภาวิตํ กิมตฺถมนุโภติ จิตเป็นขึ้นแล้วต้อง การอะไร
โย ราโค โส ปหียติ ความกำหนัดยินดีอันใดที่มีอยู่ในจิตใจ ความ กำหนัดยินดีอันนั้นก็หมดไปด้วยสมถะ ความ สงบระงับ
วิปสฺสนา ภาวิตา กิมตฺถมนุโภติ วิปัสสนาเป็นขึ้นแล้ว ต้องการอะไร
ปญฺญา ภาวิยติ ต้องการทำปัญญาให้เป็นขึ้น
ปญฺญา ภาวิตา กิมตฺถมนุโภติ ปัญญาเป็นขึ้นแล้วต้องการอะไร
ยา อวิชชา สา ปหียติ ความไม่รู้จริงอันใดที่มีอยู่ในจิตใจ ความไม่รู้จริงอันนั้นก็หมดไปด้วยความเห็นแจ้ง คือวิปัสสนา
ทางพระพุทธศาสนามีวิชาทั้งสองอย่างนี้ เป็นข้อสำคัญนัก"
นอกจากนี้หลวงปู่ยังกล่าวในเทศนาบทเดียวกันว่า
"สมถะเป็นวิชาเบื้องต้น พุทธศาสนิกชนต้องเอาใจใส่ คือแปลความว่า สงบระงับใจ เรียกว่า สมถวิปัสสนาเป็นธรรมขั้นสูงกว่าสมถะ ซึ่งแปลว่า เห็นแจ้ง เป็นธรรมเบื้องสูง เรียกว่าวิปัสสนา
สมถวิปัสสนา ๒ อย่างนี้เป็นธรรมอันสุขุมลุ่มลึกในทางพระพุทธศาสนา ผู้พูดนี้ (หมายถึงหลวงปู่วัดปากน้ำ) ได้ศึกษามาตั้งแต่บวช พอบวชออกจากโบสถ์แล้วได้วันหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็เรียนทีเดียว เรียนสมถะทีเดียวไม่ได้หยุดเลย จนกระทั่งถึงบัดนี้ บัดนี้ทั้งเรียนด้วย ทั้งสอนด้วย ในฝ่ายสมถวิปัสสนาทั้ง ๒ อย่างนี้"
การที่หลวงปู่กล่าวเช่นนี้ แสดงถึงความเป็นบัณฑิตที่แท้ เพราะท่านเป็นผู้ขวนขวายใฝ่ศึกษาและปฏิบัติอยู่เสมอ นอกจากนี้ท่านยังกล่าวถึงการปฏิบัติที่ให้เอาใจวางไว้ ณ ศูนย์กลางกาย อันเป็นจุดรวมกันของความเห็น ความจำ ความคิด และความรู้ของตัวมนุษย์ โดยท่านได้อธิบายว่า
"พอใจหยุดเท่านั้นถูกตัวสมถะแล้ว หยุดนั่นแหละเป็นตัวสมถะ หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ ทั้งทางโลกและทางธรรมสำเร็จหมด โลกที่จะได้รับความสุข ใจต้องหยุดตามส่วนของโลกธรรมที่จะได้รับความสุข ใจต้องหยุดตามส่วนของธรรม ท่านได้แนะนำไว้ตามวาระพระบาลีว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี หยุดนั่นเองเป็นตัวสำคัญ เพราะเหตุนั้นต้องทำใจให้หยุด"
ท่านมีคุณอย่างไร
คำสอนอันเป็นอมตวาจานี้ จึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่า แสดงออกถึงภูมิรู้ภูมิธรรมและแสดงถึงผลจากการปฏิบัติที่ได้สัมผัสจริง
มิใช่เป็นสิ่งที่คิดๆ ขึ้นมาสอน
เพราะการที่ท่านเคยอุทิศแม้ชีวิตของท่าน เพื่อการพบกับพระธรรมกายภายในที่แต่ละยุคแต่ละสมัยที่ผ่านมาช่วงหลังพุทธปรินิพาน ยังไม่เคยมีใครเข้าถึงหรือแม้แต่จะกล่าวถึงคำว่า "ธรรมกาย" เพราะต่างไม่ทราบที่มาและไม่ทราบการปฏิบัติเพื่อจะให้เข้าถึง
ดังนั้นการสอนของท่านเพื่อจะนำพามหาชนทั้งหลายให้รู้จัก "ธรรมกาย" และการปฏิบัติเพื่อให้เข้า ถึงพระธรรมกาย จึงเป็นสิ่งที่ชาวไทยและ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายภาคภูมิใจที่มีพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นหลวงปู่วัดปากน้ำ สามารถศึกษาและเข้าถึงพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สามารถเป็นพยานในพระสัทธรรมนั้นว่า ปฏิบัติได้จริงและมีผลประเสริฐจริง
และด้วยหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์สาวกแห่งพระบรมศาสดา เมื่อเรียนรู้ธรรม เข้าใจในธรรม และเข้าถึงธรรมแล้ว ย่อมจะมีหน้าที่ในการเผยแผ่ธรรม
ทั้งนี้หลวงปู่วัดปากน้ำผู้เป็นพระนักปฏิบัติธรรม แทนที่ท่านจะปลีกตัวออกแสวงหาความวิเวก อยู่ลำพังตามป่าเขา และปฏิบัติตนไม่ข้องแวะกับชาวโลก
ท่านกลับมีเมตตากรุณาอย่างมหาศาลที่จะยืนหยัดอยู่ในละแวกบ้าน เผยแผ่การปฏิบัติเพื่อยังประโยชน์แก่ประชาชนในสังคมเมือง อุทิศตนเพื่อการเทศนาสั่งสอนและการปฏิบัติธรรมอย่างเด็ดเดี่ยว แม้จะต้องพบกับความไม่เข้าใจของคนบางกลุ่ม
แต่กระนั้น เกียรติคุณของท่านยังปรากฏไปถึงต่างประเทศ มีนักวิชาการ ต่างประเทศเดินทางมาขอบวช และปฏิบัติธรรมกับท่านมากมาย วัดปากน้ำภาษีเจริญ จึงเป็นวัดหนึ่งที่มีชื่อเสียงในการสอนธรรมปฏิบัติแห่งหนึ่งของประเทศไทย
มนุษย์ยังไม่ตื่น ยังหลับตาอยู่มากนัก
ถ้ามนุษย์ได้เห็นธรรมกาย
มนุษย์คนนั้นตื่นขึ้นและไม่หลับแล้ว
ถ้ามนุษย์ใดยังไม่เห็นธรรมกาย
ยังไม่เป็นธรรมกาย มนุษย์นั้นยังหลับอยู่
มารยังกดหลับอยู่ ยังไม่ตื่นเลย
บางทีตายเสียชาติหนึ่ง ยังไม่ตื่นเลย
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ที่มา : หนังสืออยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๑ ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖