ไปที่เนื้อหา


(.^_^.)

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 10 Jun 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 04 2008 02:40 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: คิดอย่างไรกับวัยรุ่นสมัยนี้

19 December 2007 - 07:07 PM

ความจริงแล้วการที่วัยรุ่นเสพยาเสพติดไม่ได้เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้เท่านั้น วัยรุ่นที่เสพยาเสพติดมีทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมันก็มีปัจจัยที่เกิดจากทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ได้ทั้งนั้น ปัจจัยเหตุจากกรรมเก่าจะส่งผลให้บุคคลนั้นมีเชื้อความผูกพันเดิมที่จะดึงดูดให้หลงทางไปหาสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นได้ง่าย แต่ถ้าเป็นกรรมใหม่ของวัยรุ่นสมัยนี้ก็คงจะมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อม ครอบครัว การขัดเกลาเลี้ยงดู เพื่อน และกระแสสังคม ที่หล่อหลอมให้กระบวนการคิดและมุมมองของวัยรุ่นสมัยนี้แตกต่างจากวัยรุ่นสมัยก่อน บางเรื่องที่เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมไม่ควรทำอย่างยิ่งสำหรับคนสมัยก่อน แต่สำหรับคนสมัยนี้อาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาทำได้ไม่ผิดไม่เห็นจะเป็นไรก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปหรือต้องตกอยู่ในสถานการณ์ใดไม่ว่าจะดีร้ายแค่ไหน ไม่ควรจะมองแค่เรื่องกรรมเก่าหรือกรรมใหม่เท่านั้น ควรจะมองด้วยว่าบุคคลนั้นมีบุญที่สอนตัวเองได้หรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวเชื่อมาตลอดว่าคนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเรา อย่างเช่นเด็กวัยรุ่นที่วัดเป็นจำนวนมากที่ใฝ่ดีไม่พลัดหลงไปในทางที่ผิด

ในกระทู้: ตัณหาคืออะไรค่ะ

19 December 2007 - 06:30 PM

ตัณหา คือ ความอยาก มี 3 ประเภทตามที่ คุณ "คุณรู้มั๊ย คุณนั้นเคยตาย" บอกไปข้างต้นค่ะ

ในกระทู้: ช่วยแนะนำเทคนิคการเรียนเก่งๆหน่อยนะค่ะ

19 December 2007 - 06:22 PM

น้องต้องขยันตั้งใจเรียนด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ ควบคู่กับการทำบุญทุกบุญไม่ควรจะตกหล่นบุญใดเลย โดยเฉพาะบุญด้านปัญญาบารมี ทำได้ด้วยการหมั่นนั่งธรรมะ และหมั่นเติมบุญทางด้านการศึกษาเล่าเรียนทั้งของพระภิกษุสามเณรและบุคคลด้อยโอกาสทั่วไป ซึ่งที่วัดพระธรรมกายก็มีบุญบัณฑิตถาวรที่บูธ L7 ในสภาธรรมกายสากลทุกวันอาทิตย์ค่ะ และเวลาทำบุญหรือนั่งธรรมะก็หมั่นอธิษฐานจิตตามที่หลวงพ่อสอนว่าขอให้มีดวงปัญญาสว่างไสวเป็นบัณฑิตนักปราชญ์ ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาเล่าเรียน และก็พยายามหมั่นนึกถึงบุญที่ได้ทำบ่อย ๆ นะคะ มีคำสอนของหลวงปู่ในปกด้านในของวารสาร"อยู่ในบุญ" ที่พี่จำได้คร่าวๆ ประมาณว่า ถ้าอยู่สถานการณ์ที่คับขันก็ให้พยายามนึกถึงบุญเพื่อให้บุญที่เราทำมาช่วยตัวเราเอง จริง ๆ แล้วเรื่องการศึกษาเล่าเรียนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรพยายามทำเกรดไม่ให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เค้าจะรับสมัครงานหรือรับเข้าศึกษาต่อ เพราะเกรดก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อการพิจารณาด้วย แต่ไม่ก็ควรจะเครียดและจดจ่อกับเรื่องเกรดมากจนเกินไปนะคะ อย่าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถ้าหากเราพยายามทำเต็มที่แล้วก็ควรจะยอมรับและพอใจกับผลที่เราได้จะดีกว่าค่ะ ซึ่งพี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยกังวลใจกับเรื่องเกรดผลการเรียนว่าทำไมเราได้น้อยกว่าคนอื่น แต่พอเรียนจบมาแล้วกลับพบว่าคนที่ทำเกรดได้ดีได้เกียรตินิยมก็มิใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในทุกเรื่องเสมอไป คนเรามีข้อดี มีความรู้ ความสามารถ และความถนัดต่างกัน เราพยายามมองหาจุดดีของตัวเองที่พี่เชื่อว่าน้องต้องมีมากกว่าใครที่เรียนเก่งหลาย ๆ คนซะอีก อย่างเช่น น้องเป็นเด็กใฝ่ดี ไม่เกเร อีกทั้งยังได้มีโอกาสบำเพ็ญประโยชน์สร้างบุญบารมีช่วยงานวัดตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนในวัยเดียวกับน้องมองข้ามไปนะคะ และน้องอาจจะมีสิ่งดี ๆ ด้านอื่น ๆที่พี่ไม่ทราบอีกมาก สู้ๆ ดีกว่าที่จะท้อแท้นะคะ พี่จะเอาใจช่วยค่ะ

พี่ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ บุญที่น้องได้ทำมานะคะ

ในกระทู้: ปฏิบัติตัวอย่างไรจะได้เกิดเป็นชายทุกชาติ

19 December 2007 - 05:35 PM

หมั่นสร้างบุญบารมีทุกด้าน รักษาศีล โดยเฉพาะข้อ3 เพื่อมิให้มีเศษกรรมกาเม และตั้งใจแน่วแน่ที่จะประพฤติพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิต แล้วอธิษฐานจิตมิให้มีสิ่งใดเป็นข้าศึกต่อการประพฤติพรหมจรรย์ และอธิษฐานกำกับด้วยว่าขอให้เกิดเป็นเพศบริสุทธิ์เป็นชายทุกภพทุกชาติ

ในกระทู้: เวลาตกหลุมรัก หรือคิดถึงใครตลอดเวลา

19 December 2007 - 05:26 PM

เคยเกิดภาวะนี้กับตัวเองเหมือนกัน ช่วงเวลานั้นจะว่าไปแล้วมันก็ไม่มีความสุข แต่ความรัก โลภ โกรธ หลง มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ยังมีกิเลส แต่วิธีทางแก้สำหรับเราก็คือพยายามมองให้มันเป็นอนิจจัง ลองทบทวนถามตัวเองว่าเราต้องการในสิ่งนั้นแน่แล้วหรือ ลองมองดีๆ ให้ลึกๆนานๆ แล้วจะพบว่าสิ่งเหล่านั้นมันอาจจะไม่ใช่ความสุขที่เราแสวงหาก็ได้ การตกหลุมรักใครซักคนไม่ใช่เรื่องผิด แต่บางครั้งเราอาจจะตกหลุมรักเค้าแค่บางมุมโดยที่ยังไม่รู้จักเค้าดีพอ ซึ่งถ้ารู้จักเค้าดีพอทุกแง่มุมหรือในบางมุมที่เราไม่เคยเห็นแล้วอาจจะทำให้เราไม่ชอบเค้าไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นเราต้องพิจารณาให้ดีควรรู้ให้เท่าทันกิเลส และพยายามสั่งสอนตักเตือนตัวเองให้ได้ว่าเรื่องใดควรไม่ควร จริงๆ แล้วการนั่งธรรมะก็คงช่วยได้ แต่ถ้าฟุ้งมากๆ แล้วพยายามจะนั่งธรรมะเพื่อตัดเรื่องนั้นไปเลยก็คงไม่ได้ การยิ่งพยายามกดใจมันก็ยิ่งฟุ้ง แต่ก็ไม่ควรละทิ้งการนั่งธรรมะ ควรค่อยๆปรับความรู้สึกนึกคิดทีละนิด แล้วมานั่งธรรมะอย่างสบายๆจะดีกว่า และหมั่นนั่งธรรมะเพื่อขัดเกลาจิตใจไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปเราจะสามารถตัดเรื่องนี้ได้เอง ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวรู้สึกว่าเมื่อสามารถตัดความฟุ้งเรื่องนี้ไปได้แล้วจนกระทั่งไม่คิดถึงอีกเลยนั้นมีความสุขมากๆ

พยายามนะคะ จะเอาใจช่วยค่ะ