ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

คนต่างศาสนาตายแล้วไปไหนครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 16 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr20351

usr20351
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2007 - 09:29 PM


ผมมีข้อสงสัยครับ คือ
1.ผมอยากทราบว่าคนต่างศาสนาพุทธ เช่น คนจีน แขก
พวกแอฟริกา คนยุโรป เป็นต้น เมื่อตายไปแล้วเป็นยังไงครับ

2. ทำไมศาสนาอื่นของเขาง่ายจังครับ ทำบาปไปแล้วสามารถล้างบาปได้
แล้วการล้างบาปทำได้จริงหรือครับ

ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ

#2 ^_^หลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้ม^_^

^_^หลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้ม^_^
  • Members
  • 62 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2007 - 10:48 PM



1. คนตายแล้ว เป็น " ศพ "

2. ถ้าสมมุติ คุณไปตัดหัวใครเข้า หลุดออกจากกัน แล้ว เพิ่งมาคิดสำนึกได้ทีหลัง เลยเอาหัวเค้าไปต่อกลับที่เดิม แล้วบอก " โหสิ โหสิ " คุณว่ามันจะเหมือนเดิมมั้ย ???

นั่นสิ ทีบอก " ทำบุญ ทำบุญ " ทำไมยากจัง ??? เป็นงง ??? 0_o ???

#3 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 December 2007 - 06:27 AM

มนุษย์ทุกคนในโลกไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ใด ถ้าตายแล้ว ใจหมองก็ไปทุกขคติ ถ้าใจใสก็ไปสุขคติ นี้เป็นกฏสากลครับ นรก สวรรค์เป็นของกลางครับ การล้างบาปสามารถล้างได้โดยใช้บุญมาล้าง จะใช้สิ่งอื่นหรือใครก็ล้างให้ไม่ได้ครับ กฏแห่งกรรมเป็นกฏสากลครับ จะรู้หรือไม่ก็ตามก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ... ความชั่วแม้เพียงนิดอย่าคิดทำ ความดีทำไปเถิดประเสริฐนัก...สาธุครับ

#4 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 December 2007 - 10:52 AM

กฎแห่งกรรมยุติธรรมสมอ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#5 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 December 2007 - 09:32 PM

QUOTE
1.ผมอยากทราบว่าคนต่างศาสนาพุทธ เช่น คนจีน แขก พวกแอฟริกา คนยุโรป เป็นต้น เมื่อตายไปแล้วเป็นยังไงครับ
- ในทัศนะของพุทธศาสนา ทุกชีวิตยังต้องเวียนว่ายตายเกิด จนกว่าจะหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร
QUOTE
2. ทำไมศาสนาอื่นของเขาง่ายจังครับ ทำบาปไปแล้วสามารถล้างบาปได้แล้วการล้างบาปทำได้จริงหรือครับ
- เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน หาจะเสวนากับบุคคลต่างศาสนา ต้องเปิดใจรับฟังด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน จากนั้นควรนำความเชื่อฯมาไว้บนหิ้ง แล้วมาพิสูจน์ความจริง
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#6 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 01 January 2008 - 02:31 PM

ขึ้นกับการทำกรรมของแต่ละท่านนะครับ
คติความเชื่อของพุทธศาสนา นั้น ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาใด ๆ
ล้วนแต่มีสวรรค์ นรก อันเดียวกันนะครับ


#7 usr21334

usr21334
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 January 2008 - 09:41 PM

เราไม่สามารถล้างบาปได้ครับ แต่บุญจะช่วยไปตัดรอนวิบากกรรม วิบากมาร ให้ผ่อนหนักเป็นเบาและจากเบาเป็นหายได้ครับ
เหมือนนำในแก้วที่มีเกลือที่แทนความเค็ม ซึ่งเกลือเปรียบเสมือนบาปอกุศลที่เราเคยทำมา และปริมาณนำเปรียบเสมือนบุญที่เราทำและสั่งสมมา --> เราไม่สามรถเอาเกลือหรือบาปอกุศลออกไปได้ (หรือไม่สามารถล้างบาปได้นั่นเอง) แต่เราสามารถเจือจางความเค็ม (หรือบาปอกุศลของเราได้) โดยการสั่งสมบุญบารมีของเรา ซึ่งจะทำให้ความเค็มถูกเจือจางลง และถ้าบุญมากจนเต็มเปี่ยม ความเค็มนั่นก็จะเหมือนหายไปเลย ..ครับ

#8 ::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::

::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::
  • Members
  • 706 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:โรงกลั่นอุดมการณ์

โพสต์เมื่อ 02 January 2008 - 12:10 AM

คิดตรงนี้ดูนะครับ

มนุษย์ทั้งโลก ใช้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ดวงเดียวกันทั้งโลก นรก สวรรค์ เหมือนในพระพุทธศาสนาทุกอย่างนั่นแหละครับ
แต่การสอนหารเรียกอ่านแตกต่างกัน หรือ บางความเชื่อนั้น อาจจะยังไม่มีความรู้เรื่องกฎแห่งธรรมดีเท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงสอนต่อๆกันมาแบนั้น สุดท้าย ทำดี ขึ้นสวรรค์ ทำชั่ว ลงนรก มีทุคติเป็นที่ไป บุญ บาป มีผลกับสรรพชีวิตทั้งหมด

ส่วนเรื่องการล้างบาปนั้น คงไม่อาจก้าวล่วงคำสอนของความเชื่อนั้นได้ แต่คงอธิบายได้เพียงว่า
.... เสมือนบาปเป็นเกลือ 1 ช้อน ใส่ลงในแก้ว เทน้ำคือบุญ ลงไป มากเท่าไหร่ บาปหรือเกลือก็จะจืดจาง ส่งผลได้น้อย แต่ไม่หายไป ตราบใดที่ยังสร้างบุญหรือเติมน้ำเรื่อย เกลือก็ไม่เค็ม บาปก็ไม่ส่งผล แต่ถ้าตราบใดที่ไม่สร้างบุญเลย น้ำไม่เติมลงในแก้วเลย ความร้อนจะค่อยๆระเหยออก จนน้ำแห้งลง เกลือก็เริ่มเค็ม ถ้าจะให้ล้างบาปจริงๆ คงต้องมีบุญชนิดพิเศษมากๆๆๆๆๆ ประเภท บรรลุธรรม หรือ บุญพิเศษมากที่ หลวงพ่อจัดให้ทำนองนั้นล่ะครับ..... คงอธิบายได้อ้อมๆแบบนี้ล่ะครับ ... แล้วแต่จะพินิจตามนะครับ อนุโมทนา

#9 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 02 January 2008 - 09:57 AM

ผลไม้ที่มีพิษ ไม่ว่า คนชาติไหน ศาสนาไหน จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่า ผลไม้นี้มีพิษ หากเขากินเข้าไป เขาย่อมต้องได้รับพิษนั้นทุกคนครับ

ผลไม้ที่ไม่มีพิษ ไม่ว่า คนชาติไหน ศาสนาไหน จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่า ผลไม้นี้ไม่มีพิษ หากเขากินเข้าไป เขาย่อมไม่ต้องถูกพิษทุกคนครับ

ไฟเป็นของร้อน ไม่ว่า คนชาติไหน ศาสนาไหน จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่า ไฟร้อน เมื่อเขาจับต้องไฟ เขาย่อมต้องสัมผัสความร้อนของไฟกันทุกคนครับ

น้ำเป็นของเย็น ไม่ว่า คนชาติไหน ศาสนาไหน จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่า น้ำเป็นของเย็น เมื่อเขาจับต้องน้ำ เขาย่อมต้องสัมผัสความเย็นของน้ำกันทุกคนครับ

ชีวิตหลังความตายเป็นของสากล ไม่ว่า คนชาติไหน ศาสนาไหน จะเชื่อชีวิตหลังความตายเหมือนกัน หรือไม่ เมื่อเขาตาย เขาย่อมต้องประสบชีวิตหลังความตายที่เป็นกฎสากล เหมือนกันทุกคนครับ ไม่ว่าเขาจะเชื่อแบบพุทธ แบบคริสต์ หรือ แบบไหนๆ ก็ตาม เข้าใจไหมครับ


ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#10 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 January 2008 - 11:49 AM

ศาสนิกอื่นถ้าทำดีไม่ทำชั่ว ศาสนาพุทธบอกไปสวรรค์
ชาวพุทธถ้าทำดีไม่ทำชั่วแต่ไม่นับถือพระเจ้า ศาสนาอื่นบอกไปนรก
นี่คือสาเหตุที่ปัญญาชนตะวันตกหันมาเป็นชาวพุทธกันมากๆในปัจจุบัน
เพราะศาสนาพุทธสมเหตุสมผลและปัญญาคำสอนลึกซึ้งกว่ามากๆ

#11 ย่าตุ่น

ย่าตุ่น
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 January 2008 - 03:11 PM

Interesting!!!!

#12 ใมเข้2007

ใมเข้2007
  • Members
  • 17 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 January 2008 - 04:26 PM

คุนusr21334
จำนวนความเห็น: 2ความคิดเห็น #7 | ผมว่านะครับ คุนไม่ได้คิดเองหรอกครับ คุณไปเอามาจาก พระ มหาสมปอง ใช้ปะครับ อนุโมทนาบุญครับ

#13 แสง ประจันต์ 2

แสง ประจันต์ 2
  • Members
  • 35 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2008 - 07:01 PM

เป็นอย่างไรบ้างครับ บอกผมหน่อย อนุดมทนาด้วยนะครับ


#14 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 11:01 AM

เรื่องน้ำเจือจางเกลือ บุญเจือจางบาปนั้น
ได้ยินหลวงพ่อทัตตะ เทศน์มามากกว่า ๒๐ ปีแล้วครับ

#15 ถนัด@สืบสานพุทธ

ถนัด@สืบสานพุทธ
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 12:44 PM

คุณ ใมเข้2007 ครับ การแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ ไม่เหมาะนะครับ ไม่ว่าจะนำมาจากที่ใด แม้ว่าจะคิดเองหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็คิดว่า มีข้อความนั้นที่พอจะเปรียบเทียบให้เห็นได้ ก็นำมาบอก มากล่าวกัน ทุกคนก็ปรารถนาดีให้กันครับ เพราะการมองคนอื่นในแง่ร้าย เราเองล่ะครับที่ทุกข์ ใจก็หมอง ฝากไว้ด้วยนะครับ

ด้วยความเคารพ

                                        หยุดสงสัย และ ตั้งใจปฏิบัติ                                           


#16 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 05 January 2008 - 12:43 PM

ใช่แล้วล่ะครับ ทุกคน แม้แต่ผมเองก็ตาม สิ่งที่นำมาเสนอนั้น ไม่มีสิ่งใด ออกมาจากความคิดของตัวเองเลย ทุกสิ่งล้วนได้รับมาจากคนอื่นทั้งสิ้น เช่น พ่อแม่ครูอาจารย์เพื่อนๆ

ทำไมผมถึงกล้าบอกกล่าวเช่นนั้น ก็เพราะ หากเราทุกคนลองย้อนนึกไปถึงตอนสมัยที่เรายังเป็นเด็กทารก เราจะพบว่า เราไม่มีความรู้อะไรติดตัวเรามาเลย ความรู้ต่างๆ เราล้วนได้มาจากผู้อื่นในภายหลังทั้งสิ้นครับ

บางอย่างแม้เราจะอ้างว่า เราคิดได้เอง แต่ความจริงแล้ว ก็เป็นการคิดได้เอง โดยอาศัยพื้นฐานความรู้ของผู้อื่นที่เราได้รับมาก่อนทั้งสิ้น

อุปมาเหมือน แม่ส่งก้อนหิน 7 สีให้ลูกเล่นทีละลูก ไม่ว่าลูกจะบอกว่า เขาลองยื่นลูกสีแดงคืนให้แม่ หรือ เขาจะบอกว่า เขาคิดเอง โดยการยื่นลูกสีแดง และสีน้ำเงินให้แม่พร้อมๆ กันเลย (ตอนแม่ส่งให้เขาส่งทีละลูก แต่เขาคิดใหม่ยื่นให้แม่ทีเดียว 2 ลูก) เราก็ไม่อาจบอกได้หรอกครับว่า เขาคิดได้เอง เพราะเขาก็มีลูกหินอยู่แค่ 7 ลูกเหมือนเดิม

แต่เมื่อใดก็ตาม ที่เดิมแม่ยื่นก้อนหินให้ลูก 7 สี แต่ลูกไปคิดค้นขึ้นมาใหม่ สามารถพัฒนาก้อนหินสีที่ 8 ขึ้นมาได้ อย่างนี้สิครับ จึงจะเรียกว่า คิดได้เอง

ซึ่งบุคคลที่ทำได้เช่นนี้ ในโลกนี้มีอยู่เพียงคนเดียว คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ พระองค์ตรัสรู้ธรรมได้โดยพระองค์เองโดยไม่มีใครสอน
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#17 *sky noi*

*sky noi*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 18 February 2008 - 10:19 PM

สาธุ