ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ธรรมทายาทหญิง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 smoothassilk

smoothassilk
  • Members
  • 7 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 March 2007 - 11:44 PM

ทำไมวิธีการขั้นเลือกบุคคลเพื่อเข้าไปอมรบธรรรมทายาทหญิงปีนี้ ถึงเเบบเป็นคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานค่ะ เเค่ดูจากคำพูดตอนที่สัมภาษณ์เท่านั้น ไม่ได้ดูการกระทำหรืออย่างอื่นอย่างใดเลย ดูว่าจากการพูดจาดีหรือไม่ พูดจาให้อยากเข้าจริงๆหรือไม่ ทำไมถึงดูเเค่นี้ ดูจากคำพูดเท่านั้นหรอค่ะ ควรที่จะดูจากการกระทำมากกว่า คนที่มาสมัครทุกคนเขาก็อยากเข้ากันหมด ไม่งั้นเข้าไม่มาสมัครหรอกค่ะ ถ้าไม่สามารถรับได้เเล้ว ก็ควรจะบอกว่าเต็มตั้งเเต่เเรก ไม่ใช่ สัมภาษณ์แล้วบอกว่า ไม่ได้ ไม่มีความตั้งใจพอ อยากให้มีความตั้งใจมากกว่านี้ ให้ลองมาสมัครปีหน้าดูนะค่ะ เเล้วลองคิดดูนะค่ะ เด็กที่เข้าตั้งใจมาสมัครเเต่พูดไม่เก่ง ก็ไม่ได้ เด็กเขาจะรู้สึกอย่างไรค่ะ เด็กเขาจะเสียความรู้สึกเเค่ไหนค่ะ เด็กทุกคนที่มาสมัครต้องการจะฝึกตนให้เป็นคนดี คนมีวินัยกันทั้งงั้น ไม่ช่ายคัดเเต่คนที่ดีเข้าไป โครงการนี้เป็นโครงการเพื่อที่จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อต้องการให้เป็นคนดี ตอนนี้ทำเหมือนว่าคัดคนดีเข้าไป คนไม่ดีไม่รับ คนที่ไม่ความตั้งใจไม่รับ ถ้าเป้นการสมัครงานอ่ะใช่ค่ะ เเต่นี้ไม่ช่ายนะค่ะ

#2 บ้านดวงแก้ว

บ้านดวงแก้ว
  • Members
  • 121 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 March 2007 - 10:04 AM

ผมไม่ทราบว่าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกธรรมทายาทหญิงมีว่าอย่างไร แต่ผมว่าจุดประสงค์ของโครงการฝึกอบรมต้องการให้ธรรม

ทายาทหญิงที่ผ่านการอบรมแล้วเป็น "คนเก่งและดี" แต่ผู้ที่มาสมัครเข้ารับการฝึกอบรมบางคนก็เก่งและดีอยู่แล้ว บางคนเก่ง

อย่างเดียว บางคนดีอย่างเดียว คนที่เก่งและดีอยู่แล้วเมื่อจบโครงการฝึกอบรมก็จะกลายเป็นคนเก่งและดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก ส่วนคน

ที่เก่งอย่างเดียวดีอย่างเดียว จบการอบรมแล้วกลายเป็นคนเก่งและดี ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้นั้นผ่านวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม

เมื่อผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรมมีทั้งคนเก่งและดี เก่งอย่างเดียว ดีอย่างเดียว ผู้มีหน้าที่คัดเลือกจะคัดเลือกใคร คัดเลือกอย่างไร

และผู้ที่คัดเลือกรูได้อย่างว่าเราได้คัดเลือกผู้ที่มาสมัครถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการแล้ว ยิ่งกว่านั้นท่านใช้กฎเกณฑ์อะไร

ในการตัดสินใจ คนที่พูดไม่เก่ง คนขี้อาย คนไม่เคยเข้าสังคม คนเหล่านี้ไม่ใช่เป็นคนไม่เก่งไม่ดี แต่เขาอาจจะยังไม่คุ้นกับ

วัฒนธรรมของชอบวัด ฉะนั้นเราจำเป็นต้องให้โอกาสเขา เอาเขามาชักชวนเขามาเข้าวัดให้ได้ เมื่อมีโครงการอบรมก็ควรให้โอกาส

เขาให้ได้รับการฝึกอบรม เขาจะได้เป็น "คนเก่งและดี" คุณ smoothassilk ใจกำลังขุ่นมั่ว ฉะนั้น ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องควรชี้

แจงด้วยใจใส ๆ ให้คุณ smoothassilk เข้าใจ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เชิญท่านมาเข้าฝึกอบรมด่วน ไม่ควรให้คนเก่งและดีเสียกำลังใจ

นะครับ.................สาธุ



*****บ้านดวงแก้ว*****

#3 Somsakul V.

Somsakul V.
  • Members
  • 106 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Nonthaburi, Thailand + Tochigi Japan
  • Interests:Personal Computer

โพสต์เมื่อ 26 March 2007 - 01:29 PM

เขาอยากได้คนไม่ดื้อนะ เพราะว่าสอนง่าย ไม่ต้องพูดซ้ำ
บางคนเข้าไปแล้วป่วน ทำหมู่คณะปั่นป่วน เขาก็ไม่ต้องการ
คือคนมันเยอะอ่ะน้อง เลือกได้
ถ้าคนน้อย คงรับหมด ฮ่าๆ

หล่อเลือกได้ ภาษาวัยรุ่นว่างั้น
การที่น้องมาโวยวาย ก็แปลว่าน้องดื้อเข้าขั้น เอาแต่ใจพอสมควร
พี่ว่าทางคณะกรรมการ เขาตัดสินใจถูกแล้วล่ะฮ่า
ปล่อยวางซะมั่ง

#4 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 26 March 2007 - 03:01 PM

รุ่นผมบวชธรรมทายาท มีทหารนาวิกโยธินมาบวชด้วย แต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ทั้งๆที่ทหารฝึกมาหนักสารพัดกว่าพวกเรามาก

แต่เพื่อนคนอื่นๆ เป็นลูกคุณหนู ลูกผู้ดีก็มี แต่กลับอยู่ได้สบายๆมีความสุขกับการฝึกตัวเองและปฏิบัติธรรม

ตัวอย่าง ทั้ง2คน เป็นผู้ที่มาสมัครเข้าอบรมด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า ตลอดช่วงเวลาการอบรมจะเกิดอะไรขึ้น

เพราะฉนั้น จึงต้องคัดสรรกันอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ

เราจะอยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง จะประคองกันไปให้ถึงฝัน
เปิดใจกว้างว่าอย่างไรว่าตามกัน สำนึกมั่น มุ่งเน้นความเป็นทีม





#5 smoothassilk

smoothassilk
  • Members
  • 7 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 March 2007 - 06:19 PM

ตอบ Load BSD

คุณบ้านดวงเเก้ว บอก เหมือนคุณพ่อแม่ และ อีกหลายบุคคลทื่เป็นผู้ใหญ่ในวัดค่ะ ท่านบอกว่า ทำไมดูเเค่การคำพูดเท่านั้น ไม่ยุติธรรมค่ะ ท่านบอกอีกว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่อบรมเพื่อให้เป็นคนดีควรคัดเด็กไม่ดีเข้าไปอมรมเท่านั้นด้วยซ้ำ ไม่ใช่คัดเเต่เด็กที่หัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย เหมือนความเห็นที่ 2 ถ้าให้เดาความเห็นที่สอง น่าจะเป็นพี่เลี้ยงในโครงการด้วยซ้ำ ไม่ควรมาพูดอย่างงี้เลย ถ้าเป็นคนวัดจริงเขาไม่แบ่งเเยกคัดเด็กหัวอ่อนหัวเเข็งหรอกค่ะ เเล้วก็ไม่มาโต้ตอบแบบนี้ด้วยค่ะ ที่โครงการนี้คัดเเต่เด็กที่ดี เด็กหัวอ่อนเข้าไป เพื่อต้องการให้ปกครองง่าย พูดอะไรก็เชื่อ เเล้วโครงการนี้จะมีไว้เพื่ออะไรค่ะ โครงการนี้ต้องการเเก้ไขเด็กที่ไม่ดีมาให้เป็นคนดีไม่ใช่หรอค่ะ การทำเช่นนี้ คัดเลือกแบบนี้ จะมีเด็ก อยู่ประมาณร้อยกว่าคนที่ไม่ได้เข้าโครงการหรือมากกว่านั้น วิธีการคัดเลือกแบบนี้ ข้าพเจ้าคิดว่ามันจะเป็นผลลบต่อวันมากนะค่ะ ถ้าไม่ปรับปรุงต่อไป เด็กร้อยกว่าคนที่เข้าสัมภาษณ์ ที่ตั้งใจเข้ามาเขียนใบสมัครที่ตั้งใจเข้าโครงการนี้ เเต่เป็นเด็กที่พูดไม่เก่ง เเต่มีความตั้งใจ เด็กทุกคนเสียความรู้สึกกันหมดเเละค่ะ เเละจะเป็นผลลบต่อโครงการ วัด และอื่นอีกค่ะ ควรปรับปรุงวิธีการคัดเลือกกด้วยนะค่ะ

#6 Dsu

Dsu
  • Members
  • 30 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 March 2007 - 06:59 PM

ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

ท่านบอกว่า ทำไมดูเเค่การคำพูดเท่านั้น

โครงการนี้ต้องการเเก้ไขเด็กที่ไม่ดีมาให้เป็นคนดีไม่ใช่หรอค่ะ


แต่คิดว่า ทางผู้รับผิดชอบโครงการ น่าจะมีมาตรฐานในการอบรม นะ เพราะเราอบรมมาหลายรุ่นแล้ว

และคิดว่า เรื่องนี้น่าจะชี้แจง ทำความเข้าใจกันได้ เพราะอาจจะมีบางจุดที่ผู้รับผิดชอบอาจจะขาดตกบกพร่องไปได้

ลองไปกราบถามพระอาจารย์หรือหัวหน้าเจ้าของโครงการท่านดู

และคิดว่า ไม่น่าจะมาโต้ตอบกันทางกระทู้ เพราะคิดว่าส่วนใหญไม่มีข้อมูลหรือไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ
น่าจะไปคุยกันเลยดีกว่า







#7 orio

orio
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 March 2007 - 11:37 PM

เมื่อจำนวนคนต้องการอบมากกว่าจำนวนคนที่โครงการจะรับได้ ดังนั้นจึงต้องมีการคัด

การคัดเลือกก็ต้องมีหลักเกณฑ์ ที่กำหนด

จะว่าไปแล้วมันก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม

ถ้าบุญในตัวมีมากหรือเคยสร้างบุญมากับหมู่คณะไม่ว่าจะมีอะไรมาขวางกั้นก็เอาไม่อยู่

กับบางคนอยากเข้าโครงการมากแต่บุญยังไม่พอหรืออาจจะไม่ได้สร้างบุญมากับหมู่คณะก็มีเหตุให้ไม่สามารถเข้าโครงการได้
ทุกอย่างสุดท้ายก็วัดกันที่บุญในตัว



#8 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 27 March 2007 - 01:20 AM

เขาไม่รับ เราก็อบรมตัวเองก็ได้หนิครับ

ถ้าการฝึกอบรมตนให้เป็นคนดี ฝึกได้เพียงที่เดียวในโลกแล้ว

ถ้าอย่างนั้นคนที่ไม่ได้ไปฝึกที่นั้น ก็เป็นคนดีไม่ได้อย่างนั้นหรอครับ

การฝึกตนไม่ได้ฝึกได้แต่ที่ใดเพียงที่เดียว

หากแต่ฝึกได้ทุกเวลาทุกสถานที่

ขอเพียงแต่เรามีความตั้งใจ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนเก่งและดีสมใจนั้นหละครับ

----------------------------------------


เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#9 PTDL

PTDL
  • Members
  • 175 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Chicago, USA

โพสต์เมื่อ 30 March 2007 - 12:29 PM

คุณ smoothassilk มาช่วยงานวัดสม่ำเสมอรึเปล่า มาแบบเป็นอาสาสมัครหนะ มาช่วยบ่อยๆ จนพี่ๆเขารัก เรื่องขอสมัครเข้าอบรมก็เป็นเรื่องขี้ประติ๋ว โลกนี้มันไม่มีของฟรี อยากจะได้อะไรก็ต้องพยายามกันหน่อย เจ้าหน้าที่น้อย ไม่พอรับทุกคน เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ การสัมภาษใช้เวลาไม่มาก ก็คงต้องใช้วีธีนี้

#10 PTDL

PTDL
  • Members
  • 175 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Chicago, USA

โพสต์เมื่อ 30 March 2007 - 12:48 PM

ขอพูดใหม่ดีกว่า ผมว่าการมาเป็นอาสาสมัครก็สนุกไม่แพ้กับการอบรบธรรมทายาท และก็ไม่มีความกดดันแต่ประการได คุณ smoothassilk น่าจะลองดู หรือถ้าทำอยู่แล้วเราก็ทำมากขึ้น คำพระท่านว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก เรามาเป็นผู้ให้ นานๆเข้าพี่ๆเขาก็รัก ผมว่าปีหน้าแทบไม่ต้องสมัครเลย พี่ๆเขาจะชวนไปเข้าอบรมเอง
เขาก็อยากจะรับทุกคนหละครับ แต่เจ้าหน้าที่ไม่พอจริงๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่พอก็ต้องคัดเอาคนที่อบรมง่ายกว่าไว้ก่อน เพราะจะทำให้ใช้จำนวนเจ้าหน้าที่ในการฝึกอบรมน้อยกว่า

#11 Pungpa

Pungpa
  • Members
  • 458 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ผ่านการอบรมมัชฌิมธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ 13 /2549 แล้วค่ะ<br /><br />รับบุญ : ฝึกงานอยู่ที่ ศูนย์ประสานงานโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

โพสต์เมื่อ 30 March 2007 - 04:47 PM

หนูไม่รู้ว่า เค้าใช้อะไรตัดสินการเข้าอบรมพี่หญิงใหญ่ แต่ถ้าหญิงเล็กนั้น ก็ไปช่วยรับสมัครเช่นกัน หนูคิดว่า เกณฑ์ตัดสินก็คงคล้ายๆกันเช่นกันค่ะ

ในความคิดหนูว่าทำไมถึงตัดสินกันที่คำพูด ในการสัมภาษณ์เท่านั้น หนูว่าถ้าให้เขียนบางที่มองไม่ออกนะคะว่าคนๆนี้เป็นยังไง แต่ถ้าเราถามไปด้วย ดูท่าทางคนตอบไปด้วย จะได้รู้เลยค่ะว่าคนๆนี้อยากอบรมจริงๆรึเปล่าค่ะ

ยกตัวอย่างเพื่อนหนูนะคะ เข้าอบรมมัชฌิมหญิงเมื่อปีที่แล้ว แล้วปีนี้มาสมัครเข้าอบรมใหม่อีกรอบ เพราะแม่บังคับอีก (ไม่ใช่อบรมไปแล้วไม่ดีขึ้นนะคะ แต่ยังดีไม่ครบค่ะ) ตอนแรกพระอาจารย์จะไม่ให้สมัครอีกรอบ แต่คุณแม่ขอร้องใหญ่เลย พระอาจารย์เลยให้เพื่อนไปนั่งธรรมะก่อน แล้วมาสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ครั้งแรก พระอาจารย์ไม่ให้ผ่าน เขาก็แสดงอาการไม่พอใจ พระอาจารย์ให้นั่งธรรมะใหม่อีกรอบ ก็ไม่พอใจเข้าไปอีก อย่างกรณีที่ยกมาอย่างนี้ จะเห็นได้เลยว่า คนที่จะเข้ามาอบรมมีความคิดที่อยากจะฝึกฝนที่ดีกว่านี้รึเปล่า หนูคิดว่าเพื่อนหนูก็คงอยากอบรมใหม่นะคะ แต่ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ด้วย ตัวอย่างนี้ก็แสดงในแง่ของคนที่ไม่อยากอบรม

แต่ถ้าเป็นคนที่อยากอบรม ลองดูตัวอย่างของหนูไหมค่ะ เพราะเกิดกับหนูเอง เมื่อปีที่แล้ว หนูตั้งใจที่จะอบรมมัชฌิมหญิงมาก รีบไปสม้ครตั้งแต่แรกๆเลย ตอนพระอาจารย์สัมภาษณ์ ก็ตอบได้อย่างดี มั่นใจมากๆ ตอนสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินว่าจะได้อบรมหรือไม่นั้น พระอาจารย์พูดขึ้นมาว่า "ตัวหนูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง การพูดการจาดีมากเลย แต่ในการอบรมของที่วัด ทุกคนจะไม่มีใครเด่น ไม่มีเกิน หรือสูงกว่าใคร ทุกคนต้องเท่ากันหมด หากมีคนไหนเด่น สูง ก็ต้องตบๆให้เท่าๆกับเพื่อนทุกคน" พระอาจารย์พูดเพียงเท่านั้น และก็บอกว่าหนูได้เข้าอบรมมัชฌิมหญิง พอสัมภาษณ์เสร็จ ระหว่างกลับบ้าน หนูก็คิดถึงที่พระอาจารย์พูด ว่าจะอบรมดีไหม เริ่มจะลังเลแล้วสิ โดนว่าขนาดนี้ ตอนนั้นกลุ้มมากๆ เลยนั่งธรรมะดู แล้วพิจารณาตัวเอง จริงๆเราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดังนั้นเราอบรมเราต้องแก้ไขนิสัยนี้ให้ได้ อยู่ในโครงการเลยอยู่ได้อย่างมีความสุขขึ้นมาหน่อย หนูไม่รู้ว่า หากพระอาจารย์ไม่พูดอย่างนั้นตอนที่สัมภาษณ์ ทุกวันนี้นิสัยตรงนี้จะแก้ได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้เลยค่ะ

มัชฌิมปีนี้คนมาอบรมเยอะมาก เพิ่มจำนวนผู้เข้าอบรมไปด้วย จาก 120 คน เป็น 140 คน แต่ก็ยังมาสมัครเยอะมาก พระอาจารย์เลยต้องคัดหนัก ดูสัมภาษณ์เป็นหลัก และดูอายุเกณฑ์ด้วย เพราะมีเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์สมัครเยอะมาก ถ้ายังตัดสินไม่ได้ว่าจะได้อบรมรึเปล่า ก็บอกว่า ต้องรอพิจารณาผลก่อน แล้วจะโทรไปบอกว่าได้อบรม

การสัมภาษณ์แสดงถึงตัวบุคคลๆนั้น ว่ามีความตั้งใจมากเพียงใด มีความตั้งใจมาก เราก็ได้อบรมอยู่แล้ว หากไม่ได้อย่างที่หวัง ก็ต้องพิจารณาดูว่า เรามีความตั้งใจมากพอรึเปล่า

ส่วนเรื่องที่น่าจะเอาคนไม่ดีๆ มาอบรมเท่านั้น หนูคิดว่าไม่ควรค่ะ เพราะในการอบรมมีพระอาจารย์ พี่เลี้ยงเพียงนิดเดียว เทียบกับผู้อบรมไม่ได้หรอกค่ะ เวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับเพื่อนที่อบรมมากกว่า ถ้าหากเพื่อนๆไม่ดีเราก็เสียไปด้วย แต่ถ้าหากที่คนดีอยู่ด้วย อย่างน้อยเค้าก็ได้เป็นกัลยาณมิตรให้กันคนที่ยังไม่ดีได้ ค่ะ

ถ้าหากคุณสัมภาษณ์ไม่ผ่าน แล้วอารมณ์ไม่ดีใจหมอง ลองนั่งธรรมะแล้วพิจารณาตัวเองดูว่ามีคุณสมบัติไม่พอตรงไหน แล้วใช้เวลา 1 ปี ฝึกฝนตนเองไปด้วย แล้วปีหน้ามาใหม่ก็ได้นี่ค่ะ โครงการไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว แต่ยังรอให้คนอย่างคุณที่อยากจะพัฒนาตนเองให้เป็นคนเก่งและดีมาอบรมทุกๆปีค่ะ

(ทำใจใสๆด้วยนะคะ)
หยุดนั่นแหละเป็นตัวสมถะ
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด