ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำไมเศรษฐีจึงหมดตัวได้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Ronin

Ronin
  • Members
  • 62 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 April 2007 - 12:29 PM

ทำไมเศรษฐีจึงหมดตัวได้

คนรวยมากๆ ไม่ใช่จะรวยได้ตลอดชีวิตเสมอไป ความพลิกผันในเรื่องเงินที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้จนล้มละลายมีบทเรียนให้ศึกษา

George Foreman แชมป์มวยผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในรุ่นเดียวกับ โมฮัมเหม็ด อาลี ต้องกลับมาชกมวยอีกครั้งตอนอายุ 45 ปี เพราะหมดตัวหลังจากได้เงินจากการชกมวยรวมนับร้อยล้านเหรียญสหรัฐ กลับมาคราวนี้ถึงแม้จะเจ็บตัวอยู่หลายไฟต์ แต่เขาก็พอมีเงินอีกครั้งและนำเงินไปลงทุนเปิดร้านขายแฮมเบอร์เกอร์จนไปได้ ดี

เศรษฐีอเมริกันหลายคนจบชีวิตลงอย่างยากไร้ ไม่ว่าจะเป็น Thomas Jefferson, Mark Twain, Debbie Reynolds, Mike Tyson, Michael Jackson ฯลฯ

Mike Tyson เคยชกครั้งหนึ่งได้ 30 ล้านเหรียญ เขารวยได้เงินมานับร้อยล้านเหรียญ แต่ในปี 2004 เขาล้มละลาย โดยแจ้งต่อศาลว่า มีหนี้ 27 ล้านเหรียญ ครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้คือภาษีที่ค้างจ่าย เขาบอกว่าเดือนหนึ่งต้องใช้จ่ายเงินประมาณ 400,000 เหรียญ

Michael Jackson อีกรายที่กำลังมีปัญหาการเงิน ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเขามีหนี้ 270 ล้านเหรียญ โดยกู้มาเพื่อลงทุนซื้อลิขสิทธิ์เพลง ของ The Beatles และที่ดินนับพันเอเคอร์ที่เขาตั้งชื่อว่า Neverland ในปี 2005 เขาไม่ชำระหนี้จนจะถูกยึดที่ดินและกำลังเป็นปัญหากฎหมายกันอยู่

เรื่องเล่าเหล่านี้เล่ากันไม่จบ มีอีกมากมายทั้งไทยและเทศ คำถามก็คือเกิดอะไรขึ้นกับคนรวยเหล่านี้จนมีหนี้ท่วมตัว? ทำไมบางคนจึงจบลงด้วยความสิ้นเนื้อประดาตัว?

David Latko ให้คำตอบข้างต้นในหนังสือของเขาชื่อ "Every Body Wants Your Money" Latko บอกว่ามีอยู่ 5 หนทางที่ทำให้บุคคลหนึ่งร่ำรวยขึ้นมา คือ (1) รับมรดก (2) แต่งงานกับคนรวย (3) โกงเขามา (4) ถูกลอตเตอรี่ (5) ได้มาด้วยลำแข้ง

เขาบอกว่าเฉพาะรวยจากหนทางที่ (5) เท่านั้นที่ยั่งยืน คนที่รวยจากหนทาง (1) ถึง (4) มีทางโน้มที่จะผลาญเงินที่ได้มาหมด คนที่รวยด้วยตนเองมักจะดูแลเงินที่มีเป็นอย่างดี แต่มีอยู่เป็นจำนวนมากที่รักษาความร่ำรวยไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะพวกที่ได้เงินมามากๆ ในเวลาอันสั้น ดั่งเช่น ดาราภาพยนตร์ นักมวย นักกีฬา นักดนตรี คนถูกลอตเตอรี่ ฯลฯ

พวกนี้ถ้าไม่มีคนดูแลเรื่องเงินให้เป็นอย่างดีแล้ว มักไม่มีอะไรเหลือ ในปี 1991 Warren Buffet อภิมหาเศรษฐีอเมริกาผู้รวยจากหุ้นบอกว่า ตามที่เขาเห็นมา หนี้กับเหล้า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐีเหล่านี้สิ้นเนื้อประดาตัว เขาเห็นว่า "มนุษย์ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ถ้าเก่งจริงก็จะหาเงินได้โดยไม่ต้องไปกู้ยืมเขามามากมาย ผมไม่กู้เด็ดขาด และไม่คิดว่าตนเองจะมีความสุขมากขึ้นเสมอไป ถ้าได้อะไรมากขึ้น"

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสาเหตุแรกของการถังแตกของเศรษฐีก็คือ คนรวยนั้นมีความแตกต่างจากพวกเราตรงที่มี Egos (ความเห็นหรือความรู้สึกเกี่ยวกับความสามารถและความสำคัญของตนเอง) มากกว่า การมีจิตวิทยาเช่นนี้ทำให้คิดว่า ตัวเองรู้ทุกอย่าง แต่ความจริงก็คือไม่ได้รู้ทุกอย่าง หลายคนจึงลงทุนผิดพลาดซ้ำซาก เพราะสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครๆ ก็ได้ทั้งนั้น

สาเหตุที่สองก็คือความสำเร็จทางการเงินทำให้ตนเองเกิดความเชื่อว่าตนเอง ยากที่จะทำอะไรผิด (หรือเป็นไปไม่ได้เลย) ถึงแม้จะมีหลักฐานว่ากำลังจะตัดสินใจลงทุนผิดพลาด หรือสิ่งที่ได้ลงทุนไว้แล้วกำลังจะมีปัญหาก็จะไม่ยอมรับ เพราะความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้ยอมรับไม่ได้

นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่าจะมีเงินสดไหลเข้ามาเสมอ ดังนั้น จึงสามารถใช้จ่ายเงินได้มากมายไปก่อนด้วยการกู้ยืม เพราะตนเองมีหลักทรัพย์เพียงพอที่สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หนี้ของคนรวยจึงเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เช่นนี้ และหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเพราะไม่มีเงินไหลเข้ามาเพื่อชำระหนี้ หรือถึงมีเงินไหลเข้ามาก็ถูกใช้จ่ายไปอีกจนหมด การชำระหนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ปัญหาการเงินจึงเกิดขึ้นทันที

นักจิตวิทยาบอกว่าเศรษฐีคนใดจะมีปัญหาหรือไม่ ให้มองย้อนไปในอดีตในตอนวัยเด็กและตอนเติบโตว่า "ข้อความ" ที่เขาได้รับเกี่ยวกับเงินแต่เยาวัยนั้นเป็นอย่างไร และให้พิจารณาประกอบกับลักษณะทางอารมณ์ของตัวเขา ทั้งหมดนี้พอบอกได้ว่าเขาจะจัดการเรื่องเงินได้ดีเพียงใดในตอนเป็นผู้ใหญ่

ถ้าในวัยเด็กถูกสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ถูกสอนว่าเงินเป็นสิ่งหามาได้ยาก ก็จะมีทางโน้มสู่การหวงแหน และทนุถนอมเงินที่ตนเองได้รับ แต่ถ้าไม่ถูกสอนเลยหรือถูกสอนว่าเงินเป็นเรื่องง่ายๆ พ่อแม่มีมากมายให้ใช้ ดังนั้น จึงขอให้ใช้ได้อย่างสบายใจ หากเป็นเช่นนี้ เมื่อโตขึ้นก็จะไม่รู้จักคุณค่าของเงิน และมีทางโน้มที่จะรักษาเงินไว้ได้ยากเมื่อโตขึ้น

นักจิตวิทยาทางการเงินผู้ให้คำแนะนำแก่เศรษฐีบอกว่า ในสังคมที่บุคคลต้องใช้จ่าย เพื่อแสดงฐานะของความเป็นเศรษฐีของตนเอง ไม่ว่าในเรื่องการอยู่กินหรือมีบ้านมีรถยนต์เพื่อให้ได้รับการยอมรับ มีโอกาสที่เศรษฐีจะเกิดปัญหาการเงินได้ง่ายกว่าในสังคมที่การยอมรับอยู่บน พื้นฐานของคุณธรรม

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือหมดตัวนั้นโดยแท้จริงแล้วก็คือบ
ุคคลที่ไม่รู้สึกลงตัวกับการมีเงิน

กล่าวโดยสรุปได้ว่าถึงแม้จะเป็นเศรษฐีแต่ก็สามารถล้มละลายได้เสมอหากไม่ ระวังตัวให้ดี สิ่งที่จะทำให้เป็นปัญหาก็คือ การก่อหนี้โดยเชื่อมั่นว่า มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่มากมาย จนถึงแม้จะกู้มาใช้จ่ายอย่างสนุกมือก็ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดปัญหาในองค์กรเองหรือจากภายนอก หลักทรัพย์นั้นอาจมีมูลค่าลดลง และ/หรือเงินสดที่ไหลเข้า อาจลดลงจนไม่พอชำระหนี้ หนี้ก็จะพอกพูนขึ้นจนในที่สุดก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้

เศรษฐีจะรวยได้ยั่งยืนก็คือเศรษฐีหัวไม่โต รู้จักการให้ ไม่เชื่อในเรื่องเป็นหนี้ อยู่กินอย่างพอเหมาะ ไม่ลงทุนอย่างสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะความโลภบังตาและบังใจ ไม่เล่นการพนัน และสุดท้ายมีสติเสมอ นี่คือข้อสรุปของบรรดาผู้ไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่เห็นชัดเพราะอยู่ข้างนอกว่า เศรษฐีหมดตัวเพราะเหตุใด



ที่มา : มติชนรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2549 โดย วีรกร ตรีเศศ :11: :11: :11: :11: :11:

เนี้ยะ คนเราอ่ะ ถ้าหมดบุญมันก็หมดสิทธิ์จริงๆด้วย ฉะนั้นวันที่ 22 เมษายนนี้ เต็มที่เลยครับเนื้อนาบุญตั้ง 20,000 วัด พระ 50,000 รูป ภูมิใจจริงๆ ต้องกราบขอบพระคุณครูไม่ใหญ่ที่เปิดโอกาศให้พวกเราได้มีโอกาสร้างบุญใหญ่ๆอย่างนี้ ตอนนี้เจอใครผมบอกข่าวดีกับพวกเขาหมดอ่ะครับ

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 12 April 2007 - 01:59 PM

คนมีเงินแต่ไม่รู้วิธีใช้เงิน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไม่มีเงินจริงๆ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 13 April 2007 - 08:04 AM

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณ Ronin และคุณหัดฝันด้วยครับ สาธุ

#4 lee072d

lee072d
  • Members
  • 265 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 April 2007 - 12:12 AM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

#5 Piyato Keowkramjine

Piyato Keowkramjine
  • Members
  • 20 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Belgium

โพสต์เมื่อ 16 April 2007 - 03:06 AM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ..สาธุ..สาธุ..สาธุ

happy.gif happy.gif happy.gif

#6 Freedom Club

Freedom Club
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 April 2007 - 12:55 AM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ