อยากรู้ว่ามนุษย์ต่างดาว เขาอยู่ที่ไหน มาที่โลกทำไม
เคยมี case study เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวไหมคับ
อยากรู้เรื่องมนุษย์ต่างดาว
เริ่มโดย
*เด็กดีมาก*
, Oct 18 2005 07:03 AM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1 *เด็กดีมาก*
โพสต์เมื่อ 18 October 2005 - 07:03 AM
#2
โพสต์เมื่อ 18 October 2005 - 11:13 AM
มนุษย์ต่างดาวนั้น คุณครูไม่ใหญ่เคยพูดไว้ในจักรวาลวิทยาน่ะครับ ลองไปหาฟังดูสมัยแรก แบ่งเป็น มนุษย์ที่อยู่ในทวีปที่เหลืออีก 3 ทวีป คือ อุตตรกุรทวีป ปุพวิเทหทวีป อมรโคยานทวีป
ส่วนโลกที่เราอยู่นี้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ชมพูทวีปครับ
จุดประสงค์ที่มนุษย์ต่างดาวจะมา ก็เป็นไปตามอำนาจบุญของผู้มีบุญน่ะครับ เช่น ในสมัยพุทธกาล ภรรยาของท่านโชติกะเศรษฐี ก็เป็นหญิง(ต่างดาว) ที่มาจากอุตรกุรุทวีปครับ หน้าตาสวยมาก
ส่วนโลกที่เราอยู่นี้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ชมพูทวีปครับ
จุดประสงค์ที่มนุษย์ต่างดาวจะมา ก็เป็นไปตามอำนาจบุญของผู้มีบุญน่ะครับ เช่น ในสมัยพุทธกาล ภรรยาของท่านโชติกะเศรษฐี ก็เป็นหญิง(ต่างดาว) ที่มาจากอุตรกุรุทวีปครับ หน้าตาสวยมาก
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 19 October 2005 - 01:35 AM
ในพระไตรปิฎกนั้นบอกไว้ว่ายังมีมนุษย์ "ทวีป" อื่นอยู่อีก
โดย "ทวีป" (ระบบสุริยะ??) อื่นจะอยู่ทิศ เหนือ ตะวันออก ตะวันตก ของเขาพระสุเมรุ
ส่วนทวีปของเรานั้นอยู่ทางทิศใต้ครับ
สีของต้นไม้ใบไม้ จะเป็นไปตามอัญมณีประจำแต่ละทิศของเขาพระสุเมรุ
ซึ่งอัญมณีประจำทิศใต้คือ มรกต ครับ
แต่ผมสงสัยอย่างนึงครับพี่หัดฝัน
ในพระไตรปิฏกบอกว่า พระอาทิตย์ และ พระจันทร์เวียนรอบเขาพระสุเมรุ
แล้วควบกับที่เคยได้ยินมาว่า เขาพระสุเมรุนั้นคือแกนของแกแลกซี่ทางช้างเผือก
แล้วผนวกกับขนาดของพระอาทิตย์และพระจันทร์ในพระไตรปิฎกนั้นบอกไว้เล็กกว่าขนาดจริงมาก
(ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าอยู่ประมาณ 200-300 โยชน์)
อย่างนี้ผมจินตนาการไม่ออกเลยครับว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง
พระอาทิตย์จะเวียนรอบแกนกลางแกแล็กซี่ได้ยังไง? แล้วทำไมดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ถึงขนาดเล็กกว่าความเป็นจริงครับ?
โดย "ทวีป" (ระบบสุริยะ??) อื่นจะอยู่ทิศ เหนือ ตะวันออก ตะวันตก ของเขาพระสุเมรุ
ส่วนทวีปของเรานั้นอยู่ทางทิศใต้ครับ
สีของต้นไม้ใบไม้ จะเป็นไปตามอัญมณีประจำแต่ละทิศของเขาพระสุเมรุ
ซึ่งอัญมณีประจำทิศใต้คือ มรกต ครับ
แต่ผมสงสัยอย่างนึงครับพี่หัดฝัน
ในพระไตรปิฏกบอกว่า พระอาทิตย์ และ พระจันทร์เวียนรอบเขาพระสุเมรุ
แล้วควบกับที่เคยได้ยินมาว่า เขาพระสุเมรุนั้นคือแกนของแกแลกซี่ทางช้างเผือก
แล้วผนวกกับขนาดของพระอาทิตย์และพระจันทร์ในพระไตรปิฎกนั้นบอกไว้เล็กกว่าขนาดจริงมาก
(ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าอยู่ประมาณ 200-300 โยชน์)
อย่างนี้ผมจินตนาการไม่ออกเลยครับว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง
พระอาทิตย์จะเวียนรอบแกนกลางแกแล็กซี่ได้ยังไง? แล้วทำไมดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ถึงขนาดเล็กกว่าความเป็นจริงครับ?
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#4
โพสต์เมื่อ 19 October 2005 - 12:45 PM
น้อง มองอย่างแมว นี่ ถามพี่อย่างนี้ พี่ต้องงัดสุดยอดวิชชามาตอบแล้วสิเนี่ย เป็นวิชาเดียวกับ ท่านหัวหน้าชั้น ใช้ตอบคุณครูไม่ใหญ่เลย นั่นคือ วิชา "สันนิษฐานวิทยา"
พี่ว่า การมองเห็น เขาพระสุเมร ทวีปทั้ง 4 นรก สวรรค์ได้นั้น ไม่สามารถมองได้ในระดับ 3 มิติ แต่อาจต้องมองในระดับ 4 มิติ ดังนั้น การเคลื่อนไหวของวัตถุในระดับ 3 มิติ นั้น ไม่สามารถนำมาเทียบเป็นเส้นทางเดียวกับระดับ 4 มิติได้ครับ
ถ้าเคยฟังเคส Study หนึ่งที่คุณครูไม่ใหญ่เคยบอกไว้ บอกว่า พวกกายละเอียดที่หลุดจากร่าง (ที่บุญไม่พอ) ในช่วง 7 วันแรก จะเห็นเฉพาะบริเวณบ้านของตัวเอง แต่นอกบ้านออกไป จะเห็นที่มืดน่ากลัวทำให้ไม่กล้าไม่ไหนทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ข้างนอกบ้านเราออกไป ก็เป็นบ้านคนอื่น มีถนนหนทาง แต่กายละเอียดเหล่านี้ จะไม่เห็นสิ่งนี้เลย ยกเว้น กายละเอียดที่มีบุญพอ
ส่วนเรื่องขนาดของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ตอบได้ง่ายมาก ว่า "ไม่รู้เหมือนกัน"
พี่ว่า การมองเห็น เขาพระสุเมร ทวีปทั้ง 4 นรก สวรรค์ได้นั้น ไม่สามารถมองได้ในระดับ 3 มิติ แต่อาจต้องมองในระดับ 4 มิติ ดังนั้น การเคลื่อนไหวของวัตถุในระดับ 3 มิติ นั้น ไม่สามารถนำมาเทียบเป็นเส้นทางเดียวกับระดับ 4 มิติได้ครับ
ถ้าเคยฟังเคส Study หนึ่งที่คุณครูไม่ใหญ่เคยบอกไว้ บอกว่า พวกกายละเอียดที่หลุดจากร่าง (ที่บุญไม่พอ) ในช่วง 7 วันแรก จะเห็นเฉพาะบริเวณบ้านของตัวเอง แต่นอกบ้านออกไป จะเห็นที่มืดน่ากลัวทำให้ไม่กล้าไม่ไหนทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ข้างนอกบ้านเราออกไป ก็เป็นบ้านคนอื่น มีถนนหนทาง แต่กายละเอียดเหล่านี้ จะไม่เห็นสิ่งนี้เลย ยกเว้น กายละเอียดที่มีบุญพอ
ส่วนเรื่องขนาดของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ตอบได้ง่ายมาก ว่า "ไม่รู้เหมือนกัน"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#5
โพสต์เมื่อ 19 October 2005 - 03:49 PM
ในประเทศอินเดียมีแคว้นกุรุรัฐ ชื่อนี้ไม่บังเอิญแน่นอน
แล้วจะเกี่ยวข้องกับเรื่องรามเกียรติ์หรือเปล่าน๊า
แล้วจะเกี่ยวข้องกับเรื่องรามเกียรติ์หรือเปล่าน๊า
ไม้ต้นเดียว ...........ไม่เป็นผืนป่า
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#6
โพสต์เมื่อ 19 October 2005 - 04:15 PM
ในพระไตรปิฏกตอนหนึ่ง มีกล่าวไว้ว่า ในอดีต มีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง มีอานุภาพมาก ครั้งหนึ่งพระเจ้าจักพรรดิพระองนั้น ได้นำจักรแก้ว ซึ่งเกิดขึ้นด้วยบุญของพระองค์ ไปท่องเที่ยวยัง อุตรกุรุทวีป แล้วยังได้เชิญชวนชาวอุตรกุรุทวีปจำนวนหนึ่ง มายังโลกของเรา(ชมพูทวีป) แล้วในกาลต่อมา พระเจ้าจักรพรรดิพระองนั้นก็ได้สวรรคต เสียก่อน และรัตนะทั้ง7ก็อันตรธานหายไป ทำให้ชาวอุตรกุรุทวีป เหล่านั้น เดินทางกลับทวีป(โลก)ของตนไม่ได้ ต่อมาคนเหล่านั้นได้อาศัยอยู่บริเวณหนึ่งซึ่งเรียกว่าทุ่งกุรุ หรือกุรุรัฐ อยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย และต่อมาได้เกิดสงครามขึ้น ในชนเหล่านั้น ซึ่งก็คือ สงคราม มหาภารตยุทธ สังเกตุได้ว่า ในเนื้อเรื่องมหาภารตะนั้น อาวุธยุทโธปกร หรือวิทยาการต่างๆ ในเรื่อง ล้วนแต่มหัศจรรย์ พิลึกพิลั่นทั้งสิ้น คงเป็นเพราะชนเหล่านั้น ได้นำเอาวิทยาการต่างๆมาจาก อุตรกุรุทวีปนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ ผมเองก็พอจำเค้าเรื่องได้ลางๆ จะผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมาที่นี่ด้วยครับ และใครที่พอจะรู้ว่า เรื่องนี้ อยู่ในคำภีร์หรือในพระไตรปิฏกตอนใด โปรดบอกเป็นวิทยาทาน จะขอบคุณมากครับ
#7 *Guest*
โพสต์เมื่อ 20 October 2005 - 12:38 AM
เขาพระสุเมรุก็คือใจกลางของจักรวาลนี้ครับไม่ต้องสันนิษฐานเลยครับเพราะกล้องอวกาศฮับเบิร์นถ่ายได้แล้วครับ โดยโลกเราอยู่ขอบจักรวาลเล็กนิดเดียวเองครับ ลองดูด้วยภาพดีกว่าครับ
http://www.thai.to/s...ha/mwbarsun.jpg
http://www.thai.to/s...ha/mwbarsun.jpg
#8 *มนุษย์ต่างดาว*
โพสต์เมื่อ 20 October 2005 - 12:42 AM
ใจกลางจักรวาลนี้ก็คือใจกลางเขาพระสุเมรครับ การที่โลกและจักรวาลของเราเล็กนิดเดียวตราบใดที่เราไม่ไปเห็นเองก็ตอบยากครับ
แต่ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ครับ เพราะเดี๋ยวนี้เขาถ่ายรูปจากดาวเทียมอับเบิร์นได้แล้วครับลองดูรูปประกอบได้ครับ
http://www.thai.to/s...ha/mwbarsun.jpg
แต่ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ครับ เพราะเดี๋ยวนี้เขาถ่ายรูปจากดาวเทียมอับเบิร์นได้แล้วครับลองดูรูปประกอบได้ครับ
http://www.thai.to/s...ha/mwbarsun.jpg
#9 *มนุษย์ต่างดาว*
โพสต์เมื่อ 20 October 2005 - 12:48 AM
ในพระไตรปิฏกบอกว่า พระอาทิตย์ และ พระจันทร์เวียนรอบเขาพระสุเมรุ
แล้วควบกับที่เคยได้ยินมาว่า เขาพระสุเมรุนั้นคือแกนของแกแลกซี่ทางช้างเผือก
แล้วผนวกกับขนาดของพระอาทิตย์และพระจันทร์ในพระไตรปิฎกนั้นบอกไว้เล็กกว่าขนาดจริงมาก
(ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าอยู่ประมาณ 200-300 โยชน์)
อย่างนี้ผมจินตนาการไม่ออกเลยครับว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง
พระอาทิตย์จะเวียนรอบแกนกลางแกแล็กซี่ได้ยังไง? แล้วทำไมดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ถึงขนาดเล็กกว่าความเป็นจริงครับ?
-----------------------
ใจกลางจักรวาลนี้ก็คือใจกลางเขาพระสุเมรครับ การที่โลกและจักรวาลของเราเล็กนิดเดียวตราบใดที่เราไม่ไปเห็นเองก็ตอบยากครับ
แต่ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ครับ เพราะเดี๋ยวนี้เขาถ่ายรูปจากดาวเทียมอับเบิร์นได้แล้วครับลองดูรูปประกอบได้ครับ
http://www.thai.to/s...ha/mwbarsun.jpg
#10 *Guest*
โพสต์เมื่อ 20 October 2005 - 04:32 AM
ในพระไตรปิฏกตอนหนึ่ง มีกล่าวไว้ว่า ในอดีต มีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง มีอานุภาพมาก ครั้งหนึ่งพระเจ้าจักพรรดิพระองนั้น ได้นำจักรแก้ว ซึ่งเกิดขึ้นด้วยบุญของพระองค์ ไปท่องเที่ยวยัง อุตรกุรุทวีป แล้วยังได้เชิญชวนชาวอุตรกุรุทวีปจำนวนหนึ่ง มายังโลกของเรา(ชมพูทวีป) แล้วในกาลต่อมา พระเจ้าจักรพรรดิพระองนั้นก็ได้สวรรคต เสียก่อน และรัตนะทั้ง7ก็อันตรธานหายไป ทำให้ชาวอุตรกุรุทวีป เหล่านั้น เดินทางกลับทวีป(โลก)ของตนไม่ได้ ต่อมาคนเหล่านั้นได้อาศัยอยู่บริเวณหนึ่งซึ่งเรียกว่าทุ่งกุรุ หรือกุรุรัฐ อยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย และต่อมาได้เกิดสงครามขึ้น ในชนเหล่านั้น ซึ่งก็คือ สงคราม มหาภารตยุทธ สังเกตุได้ว่า ในเนื้อเรื่องมหาภารตะนั้น อาวุธยุทโธปกร หรือวิทยาการต่างๆ ในเรื่อง ล้วนแต่มหัศจรรย์ พิลึกพิลั่นทั้งสิ้น คงเป็นเพราะชนเหล่านั้น ได้นำเอาวิทยาการต่างๆมาจาก อุตรกุรุทวีปนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ ผมเองก็พอจำเค้าเรื่องได้ลางๆ จะผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมาที่นี่ด้วยครับ และใครที่พอจะรู้ว่า เรื่องนี้ อยู่ในคำภีร์หรือในพระไตรปิฏกตอนใด โปรดบอกเป็นวิทยาทาน จะขอบคุณมากครับ
#11 *Guest*
โพสต์เมื่อ 20 October 2005 - 04:59 AM
ผมเคยอ่านในหนังสือโลกทิพย์นะครับ มีพระภิกษุรูปนึงบอกว่า มนุษย์ต่างดาวที่มาที่โลกเรานั้น มี72 เผ่าพันธ์ครับ มาเพื่อหาลู่ทางการค้า,มาสำรวจบ้าง ยานอวกาศมีรูปซิก้า(เข้าใจว่าเป็นยานแม่นะครับ)รูปจานบิน(ยานลูก)การมาของยานอวกาศนั้นขั้นแย้งกับทฤษฏี ของไอสไตร์ครับ(ที่บอกว่าไม่มีวัตถุใดมีความเร็วเท่าแสงได้)ดาวฤกษที่ใกล้ที่สุดห่างจากโลกถึง4.3ปีแสงครับ(หมายความว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย4ปีถึงมาได้)ทางช้างเผือกกว้าง30000ปีแสงครับ และยังมีกาแลคซี่อื่นๆอีก(ที่เรียกว่าหมื่นแสนโกฏิอนันตรจักรวาลนะครับ)ด.ร. อาจอง ชุมสายนั้น(ที่เค้าบอกว่าคิดวิธีให้ยานลูน่าโมดุลลงจอดบนดวงจันทรได้ทางสมาธินะครับ)ก้บอกว่าสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ อยางไรก็ตามผมคิดว่าถ้าเรามีสมาธิสูงพอ ก็สามารถติดต่อกับพวกเค้าได้ครับ หมั่นนั่งสมาธิทุกวันนะครับ