ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

**หมดกำลังใจในการเป็นผู้นำบุญ**


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 17 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 08:24 AM

บ่อยครั้งที่เราจะต้องทำใจให้เป็นปกติแทนที่จะเป็นไปโดยธรรมชาติ ทั้งตอนที่มีคนมาบอกบุญกับเรา และตอนที่เราไปบอกบุญกับเขา อย่างกรณีที่มีวัดอยู่วัดหนึ่งจะมาบอกบุญกับผมบ่อยมาก บ่อยจนผมรู้สึกแรกคือเกรงใจญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ที่พอเจอหน้าเราเขาก็จะรู้ทันทีว่า เราจะมาบอกบุญอีกแล้ว

ทำให้เรารู้สึกขยาด ไม่กล้าเอ่ยปาก บางครั้งผมก็ไม่เอาซองไปแจกคนอื่นคือผมใส่เองเลย อย่างนี้ผมยังจะได้บุญเต็มๆไหม เขาบอกว่าการบอกบุญเป็นการสร้างบริวารสมบัติ ผมก็อยากจะทำให้มากๆเพราะชาตินี้ผมมีเพื่อนที่รักกันจริงๆน้อย แต่พอไปบอกบุญก็จะมีแรงกดดัน ที่ทำให้ท้อได้ง่ายๆ

ผมขอถามท่านทั้งหลายว่า----
1. ท่านเคยท้อบ้างไหม ในการบอกบุญ**
2.ท่านรู้ว่าเขาอึดอัดในการบอกบุญของท่านแต่ท่านก็ทำเป็นเฉยๆทั้งที่ในใจท่านรู้ ท่านเคยไหม**
3.ความเกรงใจทำให้ท่านต้องไปทำบุญคนเดียวบ้างหรือไม่**
4.ในขณะบอกบุญถ้าเขาปฎิเสธท่านจะไปบอกบุญเขาอีกหรือไม่**
5.เขาปฎิเสธดีๆกับท่านกี่ครั้ง ท่านถึงยอมแพ้และไม่ไปบอกบุญเขาอีก**
6.บอกบุญกับเขาครั้งแรกเขากลับ ต่อว่าด้วยถ้อยคำเหยียดหยัน ท่านยังมีความพยายามกับคนๆนี้อีกหรือไม่**
7.ท่านเคย ตำนิหรือแช่งเขาในใจ ในกรณีที่เขารวยแต่ปฎิเสธการบอกบุญของท่านบ้างหรือไม่**
8.สิ่งที่ทำให้ท่าน ท้อแท้ หมดกำลังใจ ในการสร้างบุญบารมี คืออะไร**
9.คนที่เรารักเขาไม่ฟังเหตุผล เขาให้ท่านเลือกระหว่าง เขา กับ พระพุทธศาสนา ท่านจะเลือกใคร**
10.คนที่ท่านรักและจะแต่งงานด้วยนับถือศาสนาอื่นแล้วให้ท่านเข้าด้วยไม่เช่นนั้นแต่งกันไม่ได้คุณจะทำยังไง**
11.ในวัดมีใครบางคน รวมทั้งพระ ทำให้ท่านต้องเสียใจและผิดหวังท่านจะเปลี่ยนไปวัดอื่นหรือไม่**
12.ทุกวันนี้ท่านยังมีการติฉินนินทา เรื่องภายในวัด เมื่อเข้ากลุ่มทุกครั้งหรือไม่**
*******ทุกท่านเมื่ออ่านแล้วท่านคิดยังไงและแก้ปัญหายังไง*******
*******กรุณาตอบด้วยความจริงใจ โดยไม่ต้องอายใคร********
*******เพราะสิ่งที่ท่านตอบจะเป็นวิทยาทานให้กับผู้อื่นด้วยขอบคุณครับ****** happy.gif
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#2 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 09:33 AM

1. ท้อบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ถอย
2. เคย แต่ก็พยายามคิดว่าให้เขาได้บุญแม้เขาไม่เต็มใจ
3. ส่วนมากผมจะไปวัดคนเดียว แต่จะชวนเพื่อนไปเฉพาะงานบุญใหญ่ เพราะชวนแล้วไม่ค่อยไป
4. อันที่จริง ถ้าเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรทำ เราก็ควรไปบอกบุญเขาอีก แต่ถ้าเรายังไม่เข้มแข็งพอ เราก็หยุดตั้งหลักไว้ก่อนก็ได้
5. กรณีของผมยังไม่เคยเจอ (เพราะผมพยายามบอกคนที่เรารู้จักก่อนเสมอ)
6. เหมือนข้อ 4 เป็นสิ่งที่เราต้องพยายามทำให้ได้ แต่ถ้าใจเรายังไม่ใส และเข้มแข็งพอ เราก็ตั้งหลักทำของเราเองก่อน
7. ไม่เคยแช่ง แต่กลับนึกถึงตนเอง นึกอธิษฐานว่า ไม่ว่าเกิดอีกกี่ภพกี่ชาติขอให้เรารวยและอย่าได้ตระหนี่แบบคนนี้เลย
8. คือตัวเราเอง หากเรานึกมองไปถึงการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เราจะเข้าใจเลยว่าเราไม่ได้ถึงเศษเสี้ยวของพระองค์เลย
9. ต้องแบ่งเป็น 2 กรณีคือ ถ้าคนที่คุณรักหมายถึงพ่อแม่ พี่น้อง ผมเสนอให้เลือกทั้ง 2 อย่าง โดยหาอุบายหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันแทน หากคนที่คุณรักหมายถึงแฟน ผมเสนออย่างเด็ดขาดเลยให้เลือกเข้าวัด และพุทธศาสนา
10. อยู่ที่ตัวคุณหากคุณเปลี่ยนศาสนาแล้วใจคุณยังมีศรัทธาตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัยได้ คุณก็ไปเถอะ เหมือนมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่เปลี่ยนให้พ่อของสามีมานับถือพระพุทธศาสนาได้ แต่หากคุณคิดว่าคุณยังไม่เข้มแข็งพอ ผมเสนอเลย อยู่เป็นโสดแล้วสร้างบารมีติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อเถอะ ดีที่สุด
11. ไม่เปลี่ยน เพราะเรามีหัวใจอันเดียวคือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้ง 2 รูป คนอื่นคือปลีกย่อยไม่สนใจ เราก็หลบไปไม่เข้าไปยุ่งกับเขาก็พอ ขอให้เรามีใจที่ใส ๆ และเป็นคนดีเถอะ ไม่ต้องกลัวอะไร หากคุณได้เคยฟังเคสที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฝันในฝันให้ฟัง คุณน่าจะเขาใจว่าการผลัดพรากจากหมู่คณะมันอันตรายมาก ฉะนั้นเราต้องมีกำลังใจด้วยตัวเอง เพราะผมก็เคยโดนแบบคุณ แต่ผมก็ไปวัดตลอด
12. มีเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ยังไม่บรรลุธรรม แต่ก็จะน้อยกว่าคนไม่เข้าวัด

ขอให้คุณพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คือ อย่างน้อยก็ทำหน้าที่แนะนำตนเองให้มีความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ เมื่อเรามีใจที่ใส ๆ เราก็สามารถจะทำหน้าที่อื่นได้ดีเอง อย่างน้อยดูตัวอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยสิ โดนโจมตีขนาดไหน แต่ท่านยังทำหน้าที่ของท่านได้สมบูรณ์ เข้มแข็งนะครับ สาธุ

#3 Ronin

Ronin
  • Members
  • 62 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 11:32 AM

ต้องขอชื่นชมในความตั้งใจบอกบุญนะครับ ผมว่าต้องให้เขาก่อนให้ธรรมมะครับ แล้วเราต้องฟังเขาเรื่องปัจจัยเป็นรองนะ ความเข้าใสสิครับสำคัญแสดงว่าวันนี้คนที่คุณไปบอกเขาคิดว่าเหมือนที่อื่น คือทำบุญทั่วไป คือยื่นซองซองไปเขาก็ใส่ปัจจัยให้ ไม่ต้องเครียดคุยกับเขาธรรมดาสิครับ ถ้าเราเป็นหัวใจของผู้ให้แล้วเรื่องแบบนี้มันก็ธรรมดานะครับ

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 12:26 PM

คุณสาคร ต้องลองฟัง หรืออ่าน เรื่องนี้ดูครับ มหาทุคตะยุคปัจจุบัน
ที่ผู้นำบุญของวัดท่านหนึ่ง ท่านมีหัวใจขยาย บอกบุญขอทานชาวอินเดีย (ยากอย่างยิ่ง) ให้ร่วมทำบุญบูชาคุณพระพุทธเจ้าได้เป็นผลสำเร็จ ลองฟัง หรืออ่านดูนะครับ

http://www.dmc.tv/pa...ia_Beggars.html
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 02:17 PM

ผมไปวัดธรรมกายคนเดียวนานแล้ว
เพราะในการไปบอกบุญก่อให้เกิดวับากกรรมแก่ทั้งเราและเขาเช่น
บอกบุญเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย วันวันไปแต่วัด ทำงานบ้างหรือป่าวนี่ ลาออกไปบวชเลยจะดีกว่าไม๊
บอกบุญพ่อแม่ วัดนี่รวยแล้ว วัดนี้หนุนทักกี้ วัดนี้ เป็นข่าว อย่างโน้น อย่าง นี้ อย่า งม งายนัก
บอกบุญแฟน ชอบทำกับวัดจนจน ชอบทำบุญ วัดพระบาทน้ำพุ
คุณดูแลลูกเมียดีแล้วหรือ ไม่ได้รวยเหมือนคุณ อนันต์นะ
แล้วเราก็ทะเลาะกัน
ดัง นั้น สำหรับผม ทำคนเดียว เต็ม กำลัง ทุกบุญ เพราะไม่อยากให้คนที่เรารักต้องรับวิบากกรรมหนักจาก
สารพัดเหตผล และสารพัดวจีกรรม
ผมคิดว่า เรามี บริวาร สมบัต น้อยลงนิด ดีกว่าให้พวกเขาต้องไปชดใช้กรรมในอบาย
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 02:24 PM

การที่คุณ วัดในดวงใจ เสนอแนวคิด ว่า ต้องระวังไม่ให้ผู้ที่เราไปบอกบุญคิดไม่ดี มิฉะนั้น อาจไปอบาย

นั่นแหละครับ เป็นการบอกบุญ อย่างหนึ่งของคุณ วัดในดวงใจ ผ่านเว็บนี้ บอกให้คนทั้งหลายที่อ่านเว็บนี้ คิดทำบุญอีกแบบหนึ่ง ด้วยการระวังไม่ให้ผู้อื่น ต้องทำบาปเพราะเรา

อย่างนี้แหละครับ เป็นหนึ่งในการบอกบุญ ที่เราได้กระทำออกไป โดยไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นบุญ เกิดขึ้นแล้ว

เราทำบ่อยๆ เดี๋ยวเราก็จะมีกำลังบุญ ไปชักชวนผู้อื่นสร้างบุญ ในหัวข้ออื่นๆ ต่อไป
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 panu

panu
  • Members
  • 530 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 02:34 PM

ผมเคยฟังครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้น่าคิดทีเดียว
ท่านกล่าวว่า ได้สร้างวัด 196 ไร่ บุญมากมายมหาศาลทีเดียว
แต่ยังไม่พอเพียง(เป็นเสบียง) ที่จะไปถึงที่สุดแห่งธรรม
ในชาตินี้ ถือเป็นโชคดี ที่เจอพระพุทธศาสนา มีเนื้อนาบุญ
อยู่ในถิ่นเหมาะสม สามารถสร้างบุญบารมีได้ เมื่อเจอโชคดีแล้ว
ก็จะคว้าไปให้มากที่สุด
เพราะเราไม่รู้ว่า ชาติต่อต่อไปเราจะเกิดในขณะสมัย
หรือเกิดในถิ่นที่เหมาะแก่การสร้างบุญบารมีหรือไม่
ดังนั้น ชาตินี้ จะทำให้เต็มที่ ให้สมกับโอกาสที่มี

ผมว่า น่าคิดนะครับ ถ้าวัตถุประสงค์ที่เราตั้งคือต้องการบุญบารมี
เรื่องอื่นๆ ที่จุ๊กจิ๊กๆ น่าจะเป็นเรื่องรองๆ ลงไป และไม่ทำให้เราหมดกำลังใจ
ในการทำความดี





#8 nikorn302515

nikorn302515
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2007 - 03:59 PM

สู้ต่อไป

#9 TING16

TING16
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2007 - 12:16 AM

หลับตา! ทำสมาธิทุกครั้ง ก่อนจะบอกบุญ แล้วอุปสรรคจะน้อยลง

ขออนุโมธนาบุญ กับทุกท่านที่มีความตั้งใจเป็นแสงสว่างต่อชาวโลกครับ

#10 jppj

jppj
  • Members
  • 26 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2007 - 05:30 AM

ขอตอบเหมือนคุณอ่อนหัด คือ เคยท้อแต่ไม่เคยถอยในการบอกบุญ
คุณลองคิดดูสิว่า ทุกวันนี้คุณทำความดีเพื่ออะไรเหรอ แล้วถ้าเรามั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เรา หรือว่าหมู่คณะของเรากำลังทำอยู่เป็นความดี แล้วทำไมเราต้องกลัวหรือไม่กล้าทำในสิ่งที่เป็นความดีด้วยล่ะ
เคยได้ยินมาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาท่านจะโปรดใครยังต้องใช้ข่ายพระญาณสอดส่องดูเลย บางคนสามารถโปรดได้ และก็มีบางคนที่ยังโปรดไม่ได้ ดังนั้นเราเป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีกิเลสอยู่ บ่อยครั้งที่คำพูดของคนทำให้เราท้อแท้และหมดกำลังใจในการทำความดี แล้วคนเราก็ต่างคนต่างความคิด เราคงไปเปลี่ยนความคิดของเค้าไม่ได้หรอก แล้วถ้าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดีจริง สักวันหนึ่งเค้าก็จะเห็นเองแหละ ดังนั้นคุณสาคร ไม่ต้องกังวลไป

9.คนที่เรารักเขาไม่ฟังเหตุผล เขาให้ท่านเลือกระหว่าง เขา กับ พระพุทธศาสนา ท่านจะเลือกใคร**

10.คนที่ท่านรักและจะแต่งงานด้วยนับถือศาสนาอื่นแล้วให้ท่านเข้าด้วยไม่เช่นนั้นแต่งกันไม่ได้คุณจะทำยังไง**
เคยได้ยินมาว่า คู่ครองควรมีศรัทธา มีศีล มีทิฐฐิเสมอกัน ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว หากอยู่ด้วยกันไปสักวันนึงต้องทะเลาะกันแน่ นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกันยังไม่เข้าใจกันในเรื่องนี้เลย แล้วถ้าต่อไปจะเป็นยังไง .... ติดตามตอนต่อไป อิอิ

11.ในวัดมีใครบางคน รวมทั้งพระ ทำให้ท่านต้องเสียใจและผิดหวังท่านจะเปลี่ยนไปวัดอื่นหรือไม่**
ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน
12.ทุกวันนี้ท่านยังมีการติฉินนินทา เรื่องภายในวัด เมื่อเข้ากลุ่มทุกครั้งหรือไม่** ไม่มีเรื่องภายในวัด แต่ว่ามีเรื่องภายนอกเกี่ยวกับเพื่อนๆ กันเองนี่แหละ เรียกว่าพอเพื่อนในกลุ่มมาสุมหัวกันเมื่อไหร่ ใครไม่อยู่เป็นต้องโดนเม้าท์ อิอิ

รู้สึกว่าคุณสาครจะเครียด ซีเรียส จริงจังกะชีวิตมากไปป่าว ชีวิตคนเราแสนสั้น ควรใช้อย่างมีความสุข สนุกในการทำบุญทำหน้าที่กัลยาณมิตรของเราไปนะ ที่เขียนมาทั้งหมดนี่ก็ไม่อยากให้เพื่อนนักสร้างบารมีมีความท้อแท้ท้อถอยในการสร้างความดี หากคำพูดใดไม่เหมาะสม ผู้น้อยก็ขออโหสิด้วยนะ....

#11 Ronin

Ronin
  • Members
  • 62 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2007 - 10:54 AM

ฝากอีกอย่างนะครับ เราต้องสร้างความศรัทธาให้กับผู้ที่เราจะไปบอกให้ได้ ถ้าเขาศรัทธาในตัวเรานะครับ บอกอะไรเขาก็เชื่อ

#12 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 13 May 2007 - 03:14 PM

เมื่อเราบอกบุญกับตัวเอง จนตัวเราเองไม่ขัดในบุญนั้น คล้อยตามบุญนั้น ทำบุญทุกครั้งที่ใจคิด อย่างนี้แล้ว
เมื่อเราบอกบุญกับผู้อื่น ผู้อื่นก็จะไม่ขัดบุญเรา จะคล้อยตามบุญนั้น และร่วมบุญกับเราทุกครั้งที่เราชวนครับ
นี้เป็นประสบการณ์ ของบุญเย็นครับ
สาธุ สู้ต่อไปน่ะครับ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#13 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2007 - 07:46 PM

QUOTE
ผมรู้สึกแรกคือเกรงใจญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ที่พอเจอหน้าเราเขาก็จะรู้ทันทีว่า เราจะมาบอกบุญอีกแล้ว
- ก่อนงานวันคุ้มครองโลก คุณครูไม่ใหญ่ท่านได้ปรารถว่า"ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าชวนคนมาสร้างความดีแล้ว ไม่ควรเกรงใจ"เพราะยุคนี้มีผู้มีบุญมาเกิดมากมาย แต่...ไม่มีโอกาสรับรู้ เมื่อเรายังกิจเป็นผู้นำบุญอย่าสม่ำเสมอ พอบุญส่งผลให้เขาเหล่านั้นเกิดปัญญา ขจัดความไม่เข้าใจ ให้เขาเป็นผู้รู้แล้ว เขาเหล่านั้นก็จะระลึกถึงคุณงามความดีของเราที่ทำหน้าที่เป็นยอดกัลยาณมิตร

ข้อ1.-2.- เคย
ข้อ3.- ไม่เลย เดี๋ยวไปถึงวัดก็เจอหมู่คณะ
ข้อ4.- บอกอีก
ข้อ5.- ปฏิเสธดีๆ เราต้องให้โอกาสเขา
ข้อ6.- จะย้อนมาดูตัวเราว่า พลาดตรงไหน เราเข้าผิดจังหวะ กาลเทศะหรือไม่ แล้วค่อยหาโอกาส...
ข้อ7.- ไม่เคยเลย กลับรู้สึกสังเวชว่า"เขากำลังบริโภคของเก่าอยู่"
ข้อ8.- อกุศลเข้าสิงจิต
ข้อ9.-โดยส่วนตัวชอบคนที่ใช้เหตุผลก่อนอารมณ์ ถ้าเราเลือกคนไม่มีเหตุผลแล้ว ชีวิตครองเรือนอาจมีปัญหา
ข้อ10.- ยิ่งบังคับเราไม่เลือกแน่ เราขอแต่งกับงานสร้างบารมีดีกว่า แล้วอวยพรให้เขาพบกับสิ่งที่เขาปรารถนา
ข้อ11.- เคย...เพียงแค่ไม่เข้าใจกัน..เลยเปลี่ยนไปสร้างวัดอื่น แต่แล้วก็ต้องกลับมาตายรัง คิดแล้วรู้สึกเสียดายเวลา
ข้อ12.- ไม่แล้ว มีแต่มุทิตาจิต
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#14 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2007 - 10:18 PM

สาธุๆๆ

#15 หมอป๊อง

หมอป๊อง
  • Members
  • 761 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กทม.

โพสต์เมื่อ 14 May 2007 - 12:12 AM

unsure.gif ขอเป็นกำลังใจให้คุณสาครสู้ต่อไปนะครับ..
ผมก็บอกบุญแบบให้คนมาร่วมปัจจัยไม่ค่อยได้
แต่อยากบอกบุญให้เค้ามาร่วมงานบุญ มาเห็นคนจำนวนมาก
ตั้งใจมาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาในงานบุญที่วัดจัดขึ้น
โดยไม่เน้นว่าเค้าจะร่วมบุญเท่าไหร่ ..
อยากให้เค้าเห็น แล้วได้คิด เมื่อคิดได้ ใจเริ่มเปิด เค้าจะถาม
เราจะอธิบาย แล้วประคับประคองกันไป...
เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม...
ช่างยาวไกลเหลือเกิน ท้อ..เหนื่อย ..ก็พัก
ถ้ามีเวลา ไปเติมบุญที่สวนพนาวัฒน์ หรือสวนป่าหิมวันต์
หายเหนื่อย หายท้อ ก็ลุยกันต่อ นะ
สู้ สู้ happy.gif

#16 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 May 2007 - 07:06 PM

สาธุ สาธุ สาธุ กับข้อความทุกๆท่านเลยครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#17 Singha

Singha
  • Members
  • 87 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 May 2007 - 11:23 PM

ถ้าเราบอกบุญคนรอบข้างแล้ว แต่โดน Negative feedback ขออย่าท้อแท้ ขอให้คิดว่า พวกเขายังไม่มีบุญหรือรับบุญของเราไม่ได้ เพราะเขาไม่มีบุญนี้หนุน หรือยังไม่ถึงเวลาของพวกเขา ฉะนั้นตัวเราเอาตัวให้รอดก่อน เมื่อถึงเวลาบุญมาหนุนพวกเขา เขาก็จะไม่ปฏิเสธการบอกบุญทุกๆด้านจากเรา

ข้าพเจ้าได้พยายามบอกบุญต่างๆให้กับเพื่อนๆฝรั่งและเพื่อนนาๆชาติรอบข้างให้ทำในชีวิตปัจจุบันเพื่อติดตัวไปเป็นเสบียงในภพนี้และภพต่อไป ส่วนมากจะรับฟังเฉยๆ มีไม่กี่คนที่นำคำแนะนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ข้าพเจ้าเน้นพวกเขาคือ ให้ทำจากจิตใจที่อยากจะทำ ถ้าทำไปแล้วมีความสุขก็ทำไป อย่าทำเพราะฝืนใจทำหรือขัดไม่ได้ สิ่งนั้นจะไม่ได้ผลเพราะท่านไม่มีเจตนาอยากจะทำ

ข้าพเจ้าได้ยินเพื่อนฝรั่งหลายคนมาบอกว่า หลังจากที่ได้ฟังคำแนะนำจากข้าพเจ้า พวกเขาก็นำไปปฏิบัติในการทำบุญทำทาน แม้แต่สวดมนต์ในโบสถ์ เพราะจิตใจอยากจะทำ หลังจากทำแล้ว พวกเขามีความสุขภายในอย่างประหลาด ข้าพเจ้าก็ได้แต่ให้คำแนะนำว่า สิ่งที่พวกคุณทำไปนั้น พวกคุณได้เอง พื้นฐานที่คุณได้รับในการทำบุญทำทาน คือ ความสุขอย่างประหลาด นี่คือคุณได้รับแล้วในชีวิตปัจจุบัน ขณะทำ และกำลังทำ หลังจากทำ ความสุขนี้คือความสุขที่ถาวรจะตามติดคุณไปยังภพหน้า ขอให้คุณระลึกถึงบุญที่ทำไปนี้ตลอดเวลา

สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องที่ข้าพเจ้าแนะนำ ก็จะไม่เข้าไปบอกพวกเขาอีก เพราะระลึกถึงอยู่เสมอว่า เขาเหล่านั้นไม่มีบุญมาหนุนพอที่จะเชื่อข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าขอให้กำลังใจท่านกัลยาณมิตรสาคร และกัลยาณมิตรทุกท่าน อย่าไปท้อแท้กับสิ่งที่ทำ อย่าไปรบเร้าพวกเขา บอกแล้ว แล้วไป ก็อยู่ที่บุญของเขากันเองในเวลานั้น อาจจะยังไม่ถึงเวลาของพวกเขา คิดอย่างนี้แล้วเราจะไม่ทุกข์ใจ หรือหม่นหมองใจหรือท้อแท้ใจ

เอาตัวเราให้รอด ขอให้พวกท่านตั้งหน้าตั้งตาตั้งมั่นในการทำบุญเรื่อยๆและยิ่งๆขึ้นไป

ขอให้กำลังใจเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน

จากกัลยาณมิตรแดนไกล

สาธุในผลบุญของเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่านที่ได้ทำไป

#18 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 06:02 PM

คิดว่าการบอกบุญ มันต้องใช้ศิลปะอย่างมากเลยครับ

ผู้นำบุญไม่น้อย ที่บอกบุญแบบไม่มีศิลปะ เลยทำให้วัดเราถูกมองภาพไปในทางที่ไม่ดีครับ