ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ผีกระสือ ผีกระหัง (20 มกราคม 2547)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 June 2007 - 01:06 AM

ย่อเรื่อง ผีกระสือ ผีกระหัง (20 มกราคม 2547) โดย Extra happy.gif



เจ้าของเคสเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดในชุมชนชาวอิสลาม เธอจึงนับถือศาสนาอิสลามตามพ่อแม่ จนมาแต่งงานกับสามีที่เป็นชาวพุทธ มีลูกทั้งหมด 4 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ลูก ๆ ก็นับถือศาสนาพุทธตามพ่อ และพยายามชักชวนให้เธอเปลี่ยนศาสนาจากอิสลามมาเป็นพุทธอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาอย่างไม่มีความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น แล้วต่อมาก็ได้มารู้จักหมู่คณะ รู้จักวัดพระธรรมกาย เดี๋ยวนี้ครอบครัวของเธอมาวัดทุกวันอาทิตย์ไม่เคยขาดเลยมา 10 กว่าปีแล้ว และได้ทุ่มเททำบุญทุกบุญอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด ปัจจุบันเธอและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ จ.ปทุมธานีแล้ว

[/color]

ทุกคนในหมู่บ้านที่ จ.นครศรีธรรมราชเคยเจอผีกระสือ จนทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งปกติในชีวิตประจำวัน วิธีสังเกตคนเป็นกระสือที่ทุกคนในหมู่บ้านจะรู้กันคือ บุคลิกของคน ๆ นั้นจะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ชอบอยู่ในที่มืด แม้ในเวลากลางวันก็จะอยู่แต่ในบ้าน ทำบรรยากาศภายในบ้านให้สลัว ๆ ทึม ๆ ถ้าใครมีญาติพี่น้องเป็นกระสือ จะชวนเท่าไหร่เขาก็จะไม่มาทานด้วย จะมาทานข้าวทีหลัง แอบทานคนเดียวในมุมลับ ๆ และชอบทานของสด ๆ คาว ๆ ถ้าบ้านไหนมีคนใกล้จะคลอดลูกยิ่งเป็นที่สนใจของกระสือมาก เพราะกระสือชอบกินของสกปรก ชอบกิน รกและเลือดของเด็ก โดยแอบเข้าไปในบ้านตามร่องกระดานพื้นบ้าน เนื่องจากว่าบ้านสมัยนั้นมักจะยกสูงและมีใต้ถุนบ้านไว้ ไม้กระดานก็ไม่ได้ปิดกันแบบสมัยนี้ จะเป็นร่องกระดาน ดังนั้นวิธีป้องกันกระสือเข้าบ้านคือ เอาลวดหนามหรือไม้ไผ่ที่มีหนามมาไว้ใต้ถุนบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าผีกระสือจะกลัวลวดหนามเกี่ยวไส้ จึงไม่กล้ามารบกวน ใครมีบาดแผลก็ต้องระวังให้ดี เพราะผีกระสือจะมาดูดเลือด ดูดเหมือนดูดโอเลี้ยง แล้วจะทำให้คนนั้นมีอาการอ่อนเพลีย



เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าของเคส คือ เธอตากผ้าเปียกไว้ตอนกลางคืน เช้ามาก็พบว่ารอยคล้ายคนเอาปากมาเช็ดกับผ้าไว้ เหมือนไปกินของสกปรกมา มีกลิ่นคาว คนโบราณมีความเชื่อว่า ถ้ามีรอยแบบนี้บนผ้า ให้เอาผ้าไปฟาดกับราวบันได คนที่เป็นกระสือจะเจ็บปาก แล้วปากก็จะบวม เธอก็เลยทำตาม ปรากฏว่าเมื่อเดินสำรวจตามบ้านต่าง ๆ โดยเฉพาะบ้านต้องสงสัยที่มียายแก่ ๆ อาศัยอยู่คนเดียว และมีคนสงสัยว่าเขาเป็นกระสือ ก็พบว่ายายคนนั้นปากแกบวมฉึ่งจริง ๆ



ลักษณะของกระสือที่เห็นหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว จะเห็นเป็นดวงไฟกลม ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือมีสีออกแดง ๆ เหลือง ๆ เหมือนเปลวเทียน ไม่เห็นเป็นหัวหรือมีไส้ห้อยรุ่งริ่งอย่างที่ใคร ๆ พูดกัน ดวงไฟจะลอยขึ้นลงไปมาเหมือนกำลังหาอาหารอยู่ เจ้าของเคสเคยพยายามที่จะจับหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ มีคนเคยทำสำเร็จแล้ว เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนของเธอ เกิดที่ จ.พัทลุง เขาบอกว่าหมู่บ้านของเขาเองก็มีหลายตัวเหมือนกัน



ตอนนั้นเป็นช่วงพลบค่ำ พี่สะใภ้กำลังจะคลอดลูก พี่ชายก็ยืนจับปลาอยู่บริเวณคลองแถวบ้าน เมื่อพี่ชายมองมาที่บ้านของตัวเองก็เห็นดวงไฟดวงหนึ่งขึ้นลง วนอยู่รอบบ้าน นึกว่าไฟไหม้บ้าน จึงรีบกลับมาดู แล้วก็ชวนพรรคพวกเอาสุ่มเอาลวดหนามและไม้ไผ่มาล้อมจับ แล้วก็ทำได้ จึงขังดวงไฟนั้นไว้ในสุ่ม พอตอนเช้า ดวงไฟก็หายไปเห็นแต่ความว่างเปล่า พอตกกลางคืนก็ยังคงเห็นดวงไฟอยู่ในสุ่ม เช้าวันต่อมาจึงเดินไปตามหาว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัย ก็พบยายแก่ ๆ นอนอยู่บ้านพะงาบ ๆ หายใจรวยรินคล้ายคนใกล้จะตาย ลักษณะเหมือนคนที่ร่างไร้วิญญาณ พี่ชายของเพื่อนจึงไปยืนพูดกับยายคนนั้นว่า ต่อไปอย่ามาทำอย่างนี้อีกนะ อย่ามายุ่งกับครอบครัวเขาอีก แล้วเขาก็ปล่อยกระสือไป เมื่อกลับไปบ้านก็ไปเปิดสุ่มออก หลังจากนั้นก็ไม่มีกระสือมากวนที่บ้านอีกเลย



คำถาม กระสือมีจริงหรือไม่ สิ่งที่พี่ชายของเพื่อนได้เจอเป็นกระสือจริง ๆ หรือไม่ กระสือมีลักษณะเป็นอย่างไร และมีความเป็นอยู่อย่างไร ส่วนใหญ่จะเชื่อว่ามีหัวและไส้ลอยไปลอยมา แต่สิ่งที่เจ้าของเคสและหลาย ๆ คนเห็น เห็นเป็นเพียงดวงไฟลอยไปลอยมาเท่านั้นเอง เธอเคยได้ยินมาว่า คนที่เป็นกระสือ ก่อนที่ตัวเองจะตาย ต้องหาคนสืบทอด โดยหาจากญาติพี่น้องตัวเอง โดยจะใช้แหวนเป็นสื่อ วิธีการก็จะให้ผู้สืบทอดรับไปให้เป็นกระสือตัวต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้ากระสือมีจริง แล้วกระหังมีจริงหรือไม่ เขาบอกว่ากระสือเป็นผู้หญิง กระหังเป็นผู้ชาย เจ้าของเคสเคยสร้างบุญร่วมกับหมู่คณะหรือไม่ เธอทำกรรมอะไรมาจึงไม่ได้มาเกิดในครอบครัวชาวพุทธ

[/font]

คำตอบ ที่มีเฉพาะหัวและไส้รุ่งริ่งเป็นเปรตชนิดหนึ่งที่จะมีอีกาตามไล่จิกไส้ที่ห้อยไว้ หัวเป็นเปรต ไม่ใช่กระสือ กระสือคือภูตชนิดหนึ่ง ภูตอย่างหนึ่ง ผีอย่างหนึ่ง ปีศาจอย่างหนึ่ง เราจะได้ยินคำว่า ภูตผีปีศาจ เพราะคำคล้องกัน แต่จริง ๆ แล้วแตกต่างกัน คือ หน้าตาจะแตกต่างกันไป พฤติกรรมก็แตกต่างกัน ความสามารถก็แตกต่างกัน กระสือตอนเป็นมนุษย์มักจะทำกรรมหลอกลวงต้มตุ๋นมนุษย์ เช่น นำของปลอมมาหลอกขายว่าเป็นของจริง ของโบราณ จึงมีวิบากกรรมให้จึงต้องมาเป็นภูต ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม โดยเมื่อตายแล้วจะไปเป็นเปรตก่อน เพราะความโลภ อยากได้ทรัพย์มาโดยทางไม่ชอบ จะมีความหิวโหยมาก จากเปรตก็จะมาเป็นภูตที่กินได้เฉพาะพวกของสกปรก ของคาว ของเน่าเหม็น โดยจะเข้ามาสิงเฉพาะพวกที่มีวิบากกรรมเหมือนที่ตัวเองเคยทำตอนเป็นมนุษย์ ลักษณะรูปร่างคล้าย ๆ ผี แต่มีฤทธิ์มากกว่า คือ สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได้ เป็นหมาดำ เป็นงู ส่วนผีแปลงกายไม่ได้ ภูติแปลงกายได้ ภูติบางตัวก็แปลงกายได้น้อย บางตัวก็แปลงกายได้มาก บางภูติแปลงกายได้ 2 อย่าง 3 อย่าง 4 อย่าง บางภูติแปลงกายได้แค่หมาดำตัวใหญ่ บางภูติแปลงเป็นหมาดำและเป็นงูได้ ยิ่งอยู่นานไปก็จะยึดทั้งร่างกายและจิตใจมนุษย์ เหมือนกาฝากที่ขยายยึดขึ้นคุมต้นไม้ พวกนี้จะชอบที่มืด ไม่ชอบแสงสว่าง ไม่มีหัวและไส้ลอยไปลอยมา เวลาถอดกายออกจากมนุษย์จะเป็นดวง เป็นสี ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง สีเขียว สีแดง สีส้ม เป็นต้น แล้วจะชอบไปกินของสกปรก ของคาว ของเหม็นเน่า เพราะฉะนั้นบ้านใครสกปรกเตรียมไว้ให้ดี

[font="Cordia New"]


ดวงนั้นก็คือ ดวงจิตของมนุษย์ที่มีวิบากกรรมที่ถูกสิง จะถูกบังคับให้ออกมาโดยภูติจะหุ้มอีกชั้นหนึ่ง มนุษย์จะเห็นแค่ดวงที่ลอยไปเท่านั้น แต่มนุษย์จะมองไม่เห็นตัวภูติ จะเห็นแต่ดวงจิตของมนุษย์ที่มีวิบาก เวลากินก็จะใช้วิธีกินของมนุษย์ โดยแปลงร่างเป็นภูติผอม ๆ ดำ ๆ น่าเกลียด ไม่นุ่งผ้า เพราะสภาวะนี้เป็นสภาวะกึ่งหยาบกึ่งละเอียดจึงสามารถกินของหยาบได้ กินของเน่าเหม็นสกปรกด้วยความเอร็ดอร่อย กินเสร็จแล้วก็รักความสะอาด ก็จะเอาปากไปเช็ดตามผ้าที่ตากไว้เวลากลางคืน



สิ่งที่เจ้าของเคสและเพื่อนพี่ชายเจอก็คือภูติ ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย ซึ่งมนุษย์เรียกสมมติว่า ผู้หญิงสมมติเรียกว่าผีกระสือ ผู้ชายสมมติเรียกว่าผีกระหัง ผู้ชายนั้นไม่มีกระด้ง ไม่มีหางเป็นสากตำข้าว จะมีการสืบทอดจากร่างหนึ่งไปอีกร่างหนึ่งเมื่อวิบากกรรมนั้นยังไม่หมด โดยผู้ที่จะรับสืบทอดจะต้องมีกรรมชนิดนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะไปให้ใครก็ได้ ถ้าไม่มีผู้ที่มีกรรมแบบเดียวกัน ภูติก็ต้องตายไปพร้อมกับร่างที่สิงนั้น เหมือนกับกาฝากตายไปพร้อมกับต้นไม้ แล้วไปเกิดเป็นอย่างอื่นตามวิบากกรรมต่อ



ส่วนวิธีการสืบทอดนั้น ขอแต่เพียงเป็นผู้ที่มีวิบากกรรมเดียวกัน ส่วนวิธีการจะทำอย่างไรก็ได้ มอบแหวนบ้าง หรือให้อ้าปากแล้วก็ให้กินน้ำลาย มีหลากหลายวิธีการ



การที่จะจับภูติไว้ในสุ่มได้ต้องมีมนต์ อยู่ ๆ จะจับภูติให้อยู่ในสุ่มเป็นเรื่องยาก การนำผ้าที่มีลักษณะคล้ายคนเช็ดปากที่มีกลิ่นคาวหรือสกปรกไปฟาดที่บันไดนั้น จะทำให้เกิดปากบวมบ้างหรือเอาผ้าไปต้ม แล้วทำให้ปากบวมฉึ่งนั้น เป็นเพราะความบังเอิญ



[color="#ff0000"]เจ้าของเคสเคยเกิดสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะ แล้วเกิดเรื่องกระทบกระทั่งเหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา เลยพลัดไปอยู่ในศาสนาอื่น ชาติต่อไปถ้าไม่อยากพลัดพรากจากหมู่คณะ ก็ให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วสร้างบุญทุก ๆ บุญเรื่อยไป และต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ และอธิษฐานจิตให้ไปอยู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ ไม่ให้พลัดพรากกันเลยทุกชาติ


#2 องค์พระใสสว่าง มังกร v-act

องค์พระใสสว่าง มังกร v-act
  • Members
  • 355 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests: การปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 30 June 2007 - 01:17 PM

อนุโมทนาบุยด้วยครับ สาธุ
ใจหยุดคือ ที่สุดแห่งบุญ


#3 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 June 2007 - 04:55 PM

ขออนุโมทนาบุญกับคุณExtra ด้วยนะครับ...สาธุ

#4 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 June 2007 - 11:19 PM

อนุโมทนาบุญกับคุณExtra และทุกๆ คนในเคสด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#5 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 02 July 2007 - 09:59 AM

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณ Extra และเจ้าของเคสด้วยนะครับ สาธุ